ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553
สมัครภาคสอง โดย กาหลิบ
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : สมัครภาคสอง
โดย : กาหลิบ
สื่อลงข่าวกันครึกโครมว่า หลังการลาออกของหัวหน้าเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ผู้จะมาสวมตำแหน่งแทนซึ่งอาจเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็ได้ คืออดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คือ พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ
ใครกดปุ่มมาอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ผู้คนก็ออกจะเชื่อข่าวนี้กันมาก เพราะมาพร้อมกับการอำลาเก้าอี้ที่รักษาการมายาวนานของอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยอย่างนายยงยุทธฯ และเกิดขึ้นพร้อมกระแสโหมกระหน่ำอย่างหนักเกี่ยวกับการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ราวกับว่าจะได้เลือกตั้งกันในเร็ววันนี้ จนคนจำนวนไม่น้อยก็พลอยเชื่อว่าฝ่ายเราจะได้อำนาจรัฐกลับคืนมาในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
เมามันไปตามๆ กัน
ชื่อของพลตำรวจเอกโกวิทฯ ทำให้เกิดความคิดแตกออกไปหลายทาง ในแง่ความเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์มาเป็นตั้งๆ ก็คงจับมาถ่ายเต็มยศโชว์ชาวบ้านได้โดยไม่น้อยหน้าใคร
แต่ในแง่ส่งเสริมประชาธิปไตยต้องพิจารณากันให้ดีและรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าดีกว่าตัวแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของฝ่ายตรงข้ามอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย หรือนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งได้ลาออกจากระบอบประชาชนไปรับราชการก้าวหน้าอยู่ในระบอบเผด็จการโบราณเสียแล้ว
ความเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต้องชัดเจนว่าสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยในทุกมิติ เพราะวันนี้มวลชนคาดหวังสูงและมีความรู้อย่างยิ่งเกี่ยวกับคนเด่นๆ ในวงการเมือง รู้แม้กระทั่งว่าใครมีวิสัยสันดานอย่างไร
การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมาสี่ปีเป็นมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ของระบอบประชาชน ที่สอบผ่านมาด้วยหยาดเหงื่อ เลือด และน้ำตา จะไม่เกิดตาสว่างบ้างให้มันรู้ไป ขนาดคนที่เคยตาบอดมาตลอดชีวิตบางคนยังตาสว่างขึ้นมาแล้วในวันนี้
ถึงพลตำรวจเอกโกวิทฯ จะเป็นคนในระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพคนเดียวที่ไม่ปรากฏตัวในที่เฝ้าฯ เมื่อใกล้วันอังคารที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ที่เขายึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามา จนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ต้องยกโทรศัพท์ไปยื่นคำขาดบางประการ หลังจากผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้วยกันที่นั่นกล่าวชัดว่าต้องคอยโกวิท สุดท้ายโกวิทก็ต้องมาจริงๆ โดยเป็นขบวนใหญ่มาจากสามพราน ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นตัวแทนของระบอบประชาชนได้ในทันที
เรื่องที่ไม่ปรากฏตัวในเวทีการต่อสู้นั้นยกไว้ เพราะคนเราสู้ได้หลายทาง ยอมรับตำแหน่งในสมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลรอบสองท่ามกลางคมหอกคมดาบก็ต้องถือว่าหัวใจใหญ่เอาการอยู่
แถมยังเอ่ยวลีอมตะทิ้งไว้ในวงการเสียด้วยว่า “พันธมิตรฯ เขาเป็น “ม็อบมีเส้น”
เรียกว่าเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนกับเขาด้วยคนหนึ่ง
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวพลตำรวจเอกโกวิทฯ ซึ่งพออาศัย แต่อยู่ที่ตัวพลตำรวจเอกโกวิทฯ สะท้อนความต้องการอะไรของพรรคเพื่อไทยออกมา
สะท้อนว่าฝ่ายประชาชนพร้อมสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
สะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมจะให้การเลือกตั้งเป็นกุญแจไขไปสู่การปฏิรูปหรือปฏิวัติสังคมไทย
หรือสะท้อนว่าต้องการจะเอาใจใครเท่านั้น?
ถ้าหนักไปทางประโยคหลัง โปรดอย่าลืมบทเรียนสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชนเอาไว้ให้ดีด้วย คราวนั้นก็นึกอย่างเดียวกันไม่ใช่หรือว่าจะเอา “ของโปรด” มาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ ความขัดแย้งใดๆ จะได้เบาบางลงหรืออาจจะหมดไปเลย
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นปมขัดแย้งขนาดใหญ่ชนิดไม่น่าเชื่อ พังทลายเป็นแถบๆ จนกระทั่งบัดนี้ เพราะไม่อาจทำหน้าที่กาวใจเชื่อมคนที่โกรธกันให้กลับมาญาติดีกันได้ มิหนำซ้ำยังพาให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีระยะใกล้กับนายกรัฐมนตรีระยะไกล มีปัญหาตามมาด้วย กลายเป็นวิกฤติใหม่ที่คาดไม่ถึงในขณะนั้น
ได้ข่าวมาเหมือนกันนะครับว่า ท่านใหม่ท่านก็มีสไตล์ของท่านเองอยู่ ไม่ชอบใจใครท่านไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่เหมือนกัน จึงควรคุยกันเสียให้ดี
จะได้ไม่พลาดบ่อยครับ.
-------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง : สมัครภาคสอง
โดย : กาหลิบ
สื่อลงข่าวกันครึกโครมว่า หลังการลาออกของหัวหน้าเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ผู้จะมาสวมตำแหน่งแทนซึ่งอาจเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็ได้ คืออดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คือ พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ
ใครกดปุ่มมาอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ผู้คนก็ออกจะเชื่อข่าวนี้กันมาก เพราะมาพร้อมกับการอำลาเก้าอี้ที่รักษาการมายาวนานของอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยอย่างนายยงยุทธฯ และเกิดขึ้นพร้อมกระแสโหมกระหน่ำอย่างหนักเกี่ยวกับการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ราวกับว่าจะได้เลือกตั้งกันในเร็ววันนี้ จนคนจำนวนไม่น้อยก็พลอยเชื่อว่าฝ่ายเราจะได้อำนาจรัฐกลับคืนมาในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
เมามันไปตามๆ กัน
ชื่อของพลตำรวจเอกโกวิทฯ ทำให้เกิดความคิดแตกออกไปหลายทาง ในแง่ความเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์มาเป็นตั้งๆ ก็คงจับมาถ่ายเต็มยศโชว์ชาวบ้านได้โดยไม่น้อยหน้าใคร
แต่ในแง่ส่งเสริมประชาธิปไตยต้องพิจารณากันให้ดีและรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าดีกว่าตัวแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของฝ่ายตรงข้ามอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย หรือนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งได้ลาออกจากระบอบประชาชนไปรับราชการก้าวหน้าอยู่ในระบอบเผด็จการโบราณเสียแล้ว
ความเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต้องชัดเจนว่าสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยในทุกมิติ เพราะวันนี้มวลชนคาดหวังสูงและมีความรู้อย่างยิ่งเกี่ยวกับคนเด่นๆ ในวงการเมือง รู้แม้กระทั่งว่าใครมีวิสัยสันดานอย่างไร
การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมาสี่ปีเป็นมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ของระบอบประชาชน ที่สอบผ่านมาด้วยหยาดเหงื่อ เลือด และน้ำตา จะไม่เกิดตาสว่างบ้างให้มันรู้ไป ขนาดคนที่เคยตาบอดมาตลอดชีวิตบางคนยังตาสว่างขึ้นมาแล้วในวันนี้
ถึงพลตำรวจเอกโกวิทฯ จะเป็นคนในระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพคนเดียวที่ไม่ปรากฏตัวในที่เฝ้าฯ เมื่อใกล้วันอังคารที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ที่เขายึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามา จนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ต้องยกโทรศัพท์ไปยื่นคำขาดบางประการ หลังจากผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้วยกันที่นั่นกล่าวชัดว่าต้องคอยโกวิท สุดท้ายโกวิทก็ต้องมาจริงๆ โดยเป็นขบวนใหญ่มาจากสามพราน ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นตัวแทนของระบอบประชาชนได้ในทันที
เรื่องที่ไม่ปรากฏตัวในเวทีการต่อสู้นั้นยกไว้ เพราะคนเราสู้ได้หลายทาง ยอมรับตำแหน่งในสมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลรอบสองท่ามกลางคมหอกคมดาบก็ต้องถือว่าหัวใจใหญ่เอาการอยู่
แถมยังเอ่ยวลีอมตะทิ้งไว้ในวงการเสียด้วยว่า “พันธมิตรฯ เขาเป็น “ม็อบมีเส้น”
เรียกว่าเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนกับเขาด้วยคนหนึ่ง
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวพลตำรวจเอกโกวิทฯ ซึ่งพออาศัย แต่อยู่ที่ตัวพลตำรวจเอกโกวิทฯ สะท้อนความต้องการอะไรของพรรคเพื่อไทยออกมา
สะท้อนว่าฝ่ายประชาชนพร้อมสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
สะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมจะให้การเลือกตั้งเป็นกุญแจไขไปสู่การปฏิรูปหรือปฏิวัติสังคมไทย
หรือสะท้อนว่าต้องการจะเอาใจใครเท่านั้น?
ถ้าหนักไปทางประโยคหลัง โปรดอย่าลืมบทเรียนสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชนเอาไว้ให้ดีด้วย คราวนั้นก็นึกอย่างเดียวกันไม่ใช่หรือว่าจะเอา “ของโปรด” มาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ ความขัดแย้งใดๆ จะได้เบาบางลงหรืออาจจะหมดไปเลย
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นปมขัดแย้งขนาดใหญ่ชนิดไม่น่าเชื่อ พังทลายเป็นแถบๆ จนกระทั่งบัดนี้ เพราะไม่อาจทำหน้าที่กาวใจเชื่อมคนที่โกรธกันให้กลับมาญาติดีกันได้ มิหนำซ้ำยังพาให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีระยะใกล้กับนายกรัฐมนตรีระยะไกล มีปัญหาตามมาด้วย กลายเป็นวิกฤติใหม่ที่คาดไม่ถึงในขณะนั้น
ได้ข่าวมาเหมือนกันนะครับว่า ท่านใหม่ท่านก็มีสไตล์ของท่านเองอยู่ ไม่ชอบใจใครท่านไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่เหมือนกัน จึงควรคุยกันเสียให้ดี
จะได้ไม่พลาดบ่อยครับ.
-------------------------------------------------------------------------------
ข่าว SMS ของฝ่ายประชาธิปไตย เชิญสมัครสมาชิก SMS-TPNews โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-5 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /wwwthaipeoplenews.blogspot.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น