ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

สื่อตาสว่างชุดใหม่ รวมเล่ม "กาหลิบ"


มาแล้วค่ะ สื่อ “ตาสว่าง” ชุดใหม่ เว็บบล็อกประชาธิปไตย 100% หรือhttp://www.democracy100percent.blogspot.com/ ภูมิใจเสนอ รวมเล่ม “กาหลิบ” บทความการเมืองแนววิชาการ ในยุคประชาธิปไตยภายใต้ระบอบเผด็จการศักดินา-อำมาตยาธิปไตย
เรื่อง “เมืองไทยหรือเมืองใคร?” เล่ม 1 และ เล่ม 2 (1 ชุดมี 2 เล่ม)

วางจำหน่ายที่ห้างบิ๊กซีลาดพร้าว : ร้าน Red Shop ชั้น 5, ร้านกาแฟ ชั้น 5 หน้าลิฟต์ (Red Living Room), ร้านขายของคนเสื้อแดง ชั้น 6 หน้าบันไดเลื่อน หรือส่งตรงถึงบ้านทางไปรษณีย์ โดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร สั่งได้ที่ 084-456 6794-5 หรือสั่งทางอีเมลล์ที่ : tpnews2009@gmail.com

ราคาชุดละ 200 บาท (2 เล่ม) ส่งทางไปรษณีย์ขอเพิ่มค่าส่ง (ลงทะเบียน) 50 บาท หรือชุดละ 250 บาท

----------------------------------------------------------------------------------
เนื้อหาภายในเล่ม

เมืองไทยหรือเมืองใคร? เล่ม 1
จำนวน 36 ตอน สะท้อนเหตุการณ์ระหว่าง 9 มิ.ย. – 1 ก.ย. 2553
1. ศัตรูของไพร่ไม่ใช่อำมาตย์
2. วิญญาณฆาตกร
3. การเมืองเรื่องสัตว์
4. สิ่งที่อภิสิทธิ์ไม่รู้
5. โลกเริ่มเข้าใจ
6. ลง ส.ส.หรือลงนรก?
7. ทูตหรือทาส?
8. คอยแกนนำ
9. งานลับอเมริกัน
10. ความตายของน้ำหวาน
11. เบื้องหลังตำแหน่งประธานสภาสิทธิมนุษยชน
12. ใครกลัวอนุสาวรีย์ปราบกบฏ (บวรเดช)?
13. แผนเสี้ยมเสื้อแดง
14. โรงพยาบาลบ้า
15. สยามเรียลลิตี้
16. ฆาตกรต่อเนื่อง
17. กัมพูชาสากล
18. ยาดี
19. เงื่อนไขแห่งความรุนแรง
20. ส.ส.แพ้ – แนวทางชนะ
21. ปกขาวเปลือยไทย
22. คดีเทพประทาน
23. มือระเบิด
24. เลือกตั้งระวังพลาด
25. วีรกรรมคุก
26. ผู้นำหาย
27. ขุดเรื่องพระวิหาร...สันดานใคร
28. ไล่กษิต
29. สนิมเนื้อใน
30. ฝันเปียก
31. ต้นทุนของขบวนการ
32. เอกสังคมกับหล่มการเมือง
33. เข้าใจเพื่อน
34. ใครคุมคณะสงฆ์?
35. สนามเล็กในระบอบใหญ่
36. ทางรอดวันนี้สีแดง (1)

เมืองไทยหรือเมืองใคร? เล่ม 2
จำนวน 39 ตอน สะท้อนเหตุการณ์ระหว่าง 3 ก.ย. – 4 ธ.ค. 2553
1. อย่าลืมสุรเกียรติ์
2. ทางรอดวันนี้สีแดง (๒)
3. ภาษาซาอุ
4. สมัครภาคสอง
5. สฤษดิ์น้อย-สฤษดิ์ใหญ่...ใครกำกับ?
6. เตรียมเผด็จการ
7. ปรับขบวน
8. นำแกน
9. อำมาตย์ใหญ่ในกะลา
10. นอกกะลา-ตาสว่าง
11. คัดกรอง
12. เผด็จการไม่เงียบ
13. รัฐสามัญชน-ธนบุรี
14. ๖ ตุลากับพฤษภาสองทมิฬ
15. เศรษฐกิจเสื้อแดง
16. บัวจมน้ำ
17. ไข่อะไร
18. ประจานตน
19. คลิปดับเทวดา
20. ร้ายกว่ารัฐประหาร
21. บาทแข็งเพื่อใคร
22. สองแนวรบ
23. น้ำท่วมและนองเลือด
24. ลูกน้องอันตราย
25. อาจารย์สุรชัย
26. รัฐขวาจัด (๑)
27. รัฐขวาจัด (๒-จบ)
28. น้ำท่วมระบอบไทย
29. ความสำคัญของ ๑๐ เมษา
30. ตลกสลับฉาก
31. นายกรัฐมนตรีสมัคร...สู่สุคติ
32. ช่วยแยกหน่อยเถอะ
33. บิดและเบือน
34. ประโยชน์ของประยุทธ์
35. กรรมเก่าของอำมาตย์
36. วันพนันของพันธมิตร
37. ศาลใคร?
38. พรรคของระบอบ
39. คอยธันวา

---------------------------------------------------------------------------------
เคาะระฆังยก 3! “กาหลิบ-จักรภพ” นำทีมปั่นกระแสแดงใต้ดิน (จาก ASTV ผู้จัดการ)

ASTVผู้จัดการ – เสื้อแดงเปิดแนวรบการเมืองระลอกใหม่ ส่ง “กาหลิบ-จักรภพ” เขียนบทความประจำกล่อมประชาชน ทุกจันทร์-พุธ-ศุกร์ ผ่านเว็บบล็อก ระบุ อย่าตั้งเป้าทำสงคราม “ไพร่-อำมาตย์” เพราะศัตรูที่แท้จริงเป็นอีกคำหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าอำมาตย์

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมาในเว็บล็อกของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้ชื่อว่า democracy100percent ได้ เริ่มเผยแพร่บทความของ “กาหลิบ” อดีตคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ซึ่งหายสาบสูญไปตั้งแต่ช่วงหลังเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน 2552 ซึ่งมีแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้หลบหนีไปต่างประเทศ เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน เป็นต้น

สำหรับคอลัมน์ใหม่ของ “กาหลิบ” ซึ่งใช้ชื่อว่า “เมืองไทยหรือเมืองใคร?” มีกำหนดในการเผยแพร่ทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ ทางเว็บล็อกดังกล่าว

“Nangfa ขอต้อนรับคอลัมน์ใหม่ใสปิ๊ง “เมืองไทยหรือเมืองใคร?” ของ “กาหลิบ” ที่ท่านกรุณาสละเวลาอันมีค่าเขียนให้เว็บบล็อก “ประชาธิปไตย 100%” หรือ “Democracy 100 percent” เขียนใหม่ๆ สดๆ ไม่ได้ผ่านการตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อนเลย เหตุคงจะเป็นเพราะว่า “Nangfa” ได้บ่นไปตามไหนต่อไหนบ่อยๆ ขี้บ่นจนไปเข้าหู “กาหลิบ” ว่า ตอนนี้พวกเราชาวเสื้อแดงรู้สึกเคว้งคว้าง ว้าเหว่ ขาดผู้นำ ทำอะไรไม่ถูก จะเพราะอะไรก็คงทราบกันดีด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่งแล้ว ผู้นำโดนไล่ล่าจับขังคุก คนที่ยังไม่ถูกจับก็เปิดเผยตัวไม่ได้ เว็บไซด์โดนปิดหมด หนังสือแดงเกือบทุกฉบับโดนสั่งไม่ให้ตีพิมพ์ พวกเราจึงอยากมีใครสักคนหรือจะหลายๆ คนก็ยิ่งดี ที่เรารัก เชื่อมั่น และศรัทธา มาให้ความรู้ ความเข้าใจ เพื่อเป็นอาหารสมอง ทำให้เราฟุ้งซ่านน้อยลงและมีกำลังใจในการรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาของเรา เพราะ “วันพระไม่ได้มีหนเดียว”...” ผู้ดูแลเว็บล็อกดังกล่าวระบุ

สำหรับข้อเขียนของ “กาหลิบ” ในตอนแรกซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ใช้ชื่อว่า “ศัตรูของไพร่ไม่ใช่อำมาตย์” มีเนื้อหาหมิ่นเหม่ โดยมีการกล่าวกระทบชิ่งไปยังบุคคลที่ “กาหลิบ” ระบุว่าอยู่สูงกว่าอำมาตย์ โดยกล่าวยืนยันว่าศัตรูของไพร่ในสงครามประชาชนนั้นไม่ใช่อำมาตย์ แต่เป็นอีกคำหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าอำมาตย์

“แกนนำในขณะนั้นยกไพร่ขึ้นคู่กับคำว่า “อำมาตย์” จนคนส่วนหนึ่งพลอยเข้าใจว่าสงครามประชาชนของคนชาติไพร่ที่เราต่างเข้าร่วม กันในขณะนี้ เป็นการต่อสู้กับขุนนางระดับต่างๆ เท่านั้น ยังจำได้ว่าแกนนำบางคนถึงกับพร่ำพูดอยู่เสมอ “เราจะต่อสู้เฉพาะพลเอกเปรมลงมาเท่านั้น” … แท้ที่จริงแล้วคำว่าไพร่ไม่ได้ เข้าคู่กับอำมาตย์หรือขุนนาง มันคู่กับอีกคำหนึ่งที่แสดงความใหญ่ขึ้นไปอีก”

ทั้งนี้ “กาหลิบ” พยายามกล่าวโน้มน้าวคนเสื้อแดง โดยระบุว่า อย่าติดอยู่ภายใต้กับดักของคำว่า “ไพร่-อำมาตย์” เพราะมิเช่นนั้นจะไม่สามารถไปถึงเป้าหมาย โดยเขาระบุว่า ถ้าคนเสื้อแดงจะไปเชียงใหม่ ก็จงอย่าหยุดไว้เพียงแค่อยุธยา และคนเสื้อแดงที่ตาสว่างทุกคนต้องนำธงมาปักจนเป็นเรือธง เพื่อเดินไปสู่จุดหมาย

************************************************************************

คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ศัตรูของไพร่ไม่ใช่อำมาตย์
โดย กาหลิบ

ผมกาหลิบ...ผู้เคยโลดแล่นอยู่บนหน้ากระดาษของ “โลกวันนี้รายวัน” และจู่ๆ ก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย วันนี้ขอหวนกลับมาคารวะท่านผู้อ่านที่รักและเคารพทุกๆ ท่านด้วยจิตใจดวงเดิมจริงแท้ไม่แปรผัน

ในห้วงเวลาที่แล้วมา กาหลิบเริ่มชี้ถึงรอยปริร้าวของสังคมไทยที่กำลังถ่างกว้างขึ้นทุกวัน เพราะการกระทำของคนบางคนที่ถืออำนาจรัฐไทยไว้ในมือ เหมือนของเล่น หรือรีโมทคอนโทรล และสำแดงฤทธิ์เดชของตัวเองผ่านเครือข่ายอำนาจในสังคมไทยที่จัดตั้งมานานหลาย สิบปีจนอยู่มือ

มาห้วงเวลานี้ รอยปริร้าวได้กลายเป็นรอยแยกอันยิ่งใหญ่ในสังคมไทย แตกและแยกอย่างไม่มีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ใดๆ จะเทียบเคียงได้ สังคมอุปถัมภ์ของไทย ภายใต้มูลนาย ไพร่ และทาสที่เคยเกิดภาพลวงตาว่าอยู่กันได้อย่าง “โนพร็อบเบล้ม” บัดนี้แยกกันอยู่อย่างเด็ดขาดในทางใจ ส่วนจะแยกกันทางกายต่อไปอย่างไรยังไม่รู้ได้

รู้แต่ว่าสถานการณ์จะ เลวร้ายลงเรื่อยๆ

เพื่อนฝูงถามกาหลิบมาตลอดว่า ทำไมเมืองไทยเป็นถึงขนาดนี้ได้ และจะมีทางออกอย่างไรหรือไม่

กาหลิบ ก็ได้แต่เอาผลที่ตัวเองสังเกตในห้วงเวลาที่ผ่านมานี้มาเป็นคำตอบขั้นต้น และบอกให้สหายทั้งหลายเอาสิ่งเหล่านี้ผสมกันอย่างที่เขาชอบเรียกกันว่า วิเคราะห์

อย่างแรกคือความโหดเหี้ยมเห็นแก่ตัวของผู้มีอำนาจสูงสุด

อย่างที่สองคือการแก่งแย่งแข่งขันในระบอบขุนนางไทย

อย่างที่สามคือพรรคการเมืองสันดานโจรที่ทำตัวเป็นขี้ข้าสวามิภักดิ์

อย่างที่สี่คือสื่อมวลชน นักวิชาการ ข้าราชการ ที่เรียกรวมๆ ว่าประชาสังคม เอาเข้าจริงทำตัวเป็น “ข้าสังคม”

และอย่างที่ห้าคือประชาชนผู้หูตาสว่าง และสำนึกได้ในบัดดลว่าข้าถูกเอาเปรียบมาตลอดชีวิตของข้าและโคตรตระกูล จนตัดสินใจลุกขึ้นสู้กับเครือข่ายปิศาจฆาตกร

กาหลิบได้แต่บอกแก่ท่าน ผู้เจริญทั้งหลายว่า จงเอาองค์ประกอบทั้งห้านี้มาบวกกันเถิด แล้วจะสงเคราะห์ได้เองว่าความวุ่นวายจลาจลเมืองไทยในขณะนี้ มันควรจะเกิดมาเสียนานแล้ว อย่างที่ฝรั่งมังค่าเขาเรียกว่า long overdue

มาเกิดเดี๋ยวนี้ออกจะช้าไปหน่อยด้วยซ้ำ

ถามว่าศาสนาพุทธซึ่งเป็นกระแส หลักทางสังคมและวัฒนธรรมเล่า ช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ ก็ต้องตอบว่าใครที่มีจริตพุทธและปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงนั้น เขาก็รอดอยู่แล้ว แต่มวลชนส่วนมากที่ยังห่างไกล เขาไม่ได้ประโยชน์โภชย์ผลเต็มที่เพราะพุทธศาสนจักรในเมืองไทยเองก็ถูกครอบงำ ด้วยเครือข่ายปิศาจเหมือนกัน

ครับ ที่เขาเรียกว่าการปกครองคณะสงฆ์นั่นไง ไล่ขึ้นไปจะพบว่าอำนาจล้นพ้นที่สร้างพระก็ได้ สึกพระก็ได้ ทำพระชาวบ้านให้เป็นพระขุนนางแบบยศช้างขุนนางพระ (จนเสียพระ) ก็ได้ หรือคอยทำลายพระดีๆ ที่คอยให้สติผู้คนด้วยธรรมะจนได้รับความนิยมยกย่องและกลายเป็นภัยคุกคามต่อ ตัวเขาก็ได้ มันสถิตอยู่ในไม่กี่ที่หรอกครับ เผลอๆ จะมีแค่หลักเดียวเสียด้วยซ้ำ

แถมยังเป็นหลักเสื่อมเสียอีก

เวทีเสื้อแดงที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์นั้นทำความดีต่อขบวนประชาธิปไตยไว้ หลายอย่าง แต่โดดเด่นที่สุดในความคิดของกาหลิบคือการชูเรื่องไพร่ขึ้นมา จนมวลชนต่างคุ้นเคยกับคำว่าไพร่ และเข้าใจทันทีว่าชะตากรรมของไพร่มันก็อย่างที่เห็นอยู่นี้

จะกล่าวหาว่าร้ายอย่างไรก็ได้

เอาตัวไปโยนใส่คุกก็ได้

ลากเอาอาวุธ สงครามมายิงหัวเราเหมือนชีวิตไม่มีราคาค่างวดก็ได้

เสียอยู่นิดเดียว ที่แกนนำในขณะนั้นยกไพร่ขึ้นคู่กับคำว่า “อำมาตย์” จนคนส่วนหนึ่งพลอยเข้าใจว่าสงครามประชาชนของคนชาติไพร่ที่เราต่างเข้าร่วม กันในขณะนี้ เป็นการต่อสู้กับขุนนางระดับต่างๆ เท่านั้น ยังจำได้ว่าแกนนำบางคนถึงกับพร่ำพูดอยู่เสมอ “เราจะต่อสู้เฉพาะพลเอกเปรมลงมาเท่านั้น”

แท้ที่จริงแล้วคำว่าไพร่ไม่ได้ เข้าคู่กับอำมาตย์หรือขุนนาง มันคู่กับอีกคำหนึ่งที่แสดงความใหญ่ขึ้นไปอีก

ถ้าไม่จับคู่ให้ถูกต้อง สงครามครั้งนี้จะผิดทางตั้งแต่ต้น

ไม่ต้องพูด ถึงโอกาสแห่งชัยชนะเลยด้วยซ้ำ

กะจะไปถึงเชียงใหม่ อย่าพูดว่าเอาแค่อยุธยาสิครับ

กาหลิบจึงขอปักธงไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า ศัตรูของไพร่ไม่ใช่อำมาตย์

มวลชนผู้ตาสว่างทุกๆ ท่านครับ โปรดนำธงของท่านมาปักร่วมกันจนเกิดเป็นเรือธงขึ้นเถิด.

********************************************************* **************
อนึ่ง เมื่อปี 2551 “กาหลิบ” ผู้เขียนคอลัมน์เลือกคบไม่เลือกข้างในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ได้เคยสร้างความฮือฮามาแล้วเมื่อเขียนถึงการตัดสินใจหนีคดีอาญา และคอร์รัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษโดยยุยงให้มีการสร้างความรุนแรงด้วยการก่อ “สงครามประชาชน”

ขณะที่ในเว็บบล็อกของกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว นอกจากจะดำเนินการเผยแพร่บทความที่สนับสนุนการล้มระบอบการปกครองแล้ว ยังมีการเผยแพร่บทความของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีหมายจับอยู่ในต่างประเทศ รวมถึงคลิปวิดีโอต่างๆ อีกด้วย

************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น