ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554
สันติภาพและสันติวิธี โดย กาหลิบ
เรื่อง สันติภาพและสันติวิธี
โดย กาหลิบ
ใน การต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยที่แล้วมา มีวลีหนึ่งที่นำมาใช้กันอย่างเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และเป็นเหตุหนึ่งของความสูญเสียมหาศาลต่อชีวิตเลือดเนื้อของมวลชน บทใหม่ของการต่อสู้เพื่อการปฏิวัติประชาธิปไตยจำเป็นต้องนำความไม่เดียงสา นี้มาปรับใหม่ มิฉะนั้นเราจะนำมวลชนไปสู่ความตายจากปลายกระบอกปืนของศักดินา-อำมาตย์ ไทยอย่างง่ายๆ อีก
วลีนั้นคือ “สันติวิธี” หรือบางครั้งใช้เป็นวลียาวว่า “สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ”
ตลอดมาเราถูกพร่ำนำพร่ำสอนด้วยวลีสองสามอย่างนี้ จนถึงวันที่ถูกฆ่า ถูกทำลาย และถูกปราบปรามอย่างเป็นระบบ มีคนตายนับร้อยคนจากน้ำมือของรัฏฐาธิปัตย์ไทย ก็ยังได้ยินใครบางคนนอนพูดพร้อมหายใจรวยรินว่า “สันติวิธี” และ “สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ” ก่อนจะขาดใจตาย
เราคงไม่วิพากษ์กันด้วยตรรกะตื้นๆ เช่น “คนโง่เท่านั้นที่จะยอมให้คนเลวเข้ามาทำร้ายจนเราต้องบาดเจ็บล้มตาย” “เราเป็นคนเราย่อมต้องลุกขึ้นสู้บ้าง” เป็นต้น แล้วอ้างเหตุประเภทนี้ไปจับอาวุธเพื่อใช้ความรุนแรงอย่างจงใจเจตนา แต่เราควรช่วยกันมองให้ลึกลงไปกว่านั้นเพื่อหามติร่วม การต่อสู้ในตอนต่อไปจึงจะมีคุณค่าและไม่ผิดพลาดซ้ำเดิม
ผู้ที่ชอบใช้วลี “สันติวิธี” จะเพราะความชื่นชมในตัวอย่างของ มหาตมะ คานธี จากแอฟริกาใต้และอินเดีย หรือ ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง กับการเรียกร้องสิทธิพลเมืองในสหรัฐอเมริกา หรืออื่นใดก็ตาม เขาอาจลืมอธิบายให้มวลชนฟังว่า เป้าหมายในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทุกรูปแบบของมวลมนุษยชาตินั้นคือ สันติภาพ (peace)
สันติภาพเป็นเป้าหมายของขบวนการ
สันติภาพเป็นยุทธศาสตร์ของการต่อสู้
สันติภาพคือสิ่งที่คนไทยเกือบเจ็ดสิบล้านคนเรียกร้องต้องการ
เพราะสันติภาพหมายถึง ๑) ความปรารถนาดีต่อกัน ๒) ความยุติธรรม
ส่วน “สันติวิธี” เป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายนั้น เช่นเดียวกับ สงครามและการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ก็เป็นวิธีการอื่นๆ ในการบรรลุเป้าหมายคือ สันติภาพ ได้เช่นเดียวกัน
สงครามใดๆ ในโลกที่สร้างความเสียหายในชีวิต จิตใจ และทรัพย์สินของมนุษย์อย่างมหาศาล ล้วนถือเป็นด้านมืดของมนุษย์เราที่เราต่างต้องการจะหลีกเลี่ยงรอดพ้น แต่เกือบทุกสงครามที่รบพุ่งกัน มนุษย์จะอ้างว่าตนทำสงครามในนามของสันติภาพทั้งสิ้น ไม่มีใครเลยจะอ้างว่าตนทำเพราะตอบสนองตัณหาส่วนตัวหรือระงับความวิปลาสแห่งจิตใจตน
ในช่วงเวลาอันสั้นแห่งมนุษยชาติ สงครามจึงตีคู่มากับสันติภาพในฐานะที่เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดสันติภาพในบั้นปลาย
ในขบวนต่อสู้ทางการเมืองของคนเสื้อแดงและเสื้อขาว ใครที่กระหายจะใช้ “สันติวิธี” อย่างที่เขาตะโกนขออาสาสมัครทีละ ๒๐-๓๐ คน เอาไปสวมชุดขาวแล้วไปนั่ง ยืน นอน เดิน เป็นฉนวนระหว่างคนสองกลุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากันนั้น ก็ให้ทำไป ได้ผลหรือไม่ได้ วิญญูชนเขาต่างก็รู้เช่นเห็นชาติกันอยู่แล้ว แต่การบังคับให้ผู้คนทั้งขบวนเดินตามวิธีการของตัวเองคือ “สันติวิธี” ซึ่งเสนอตามอัตวิสัยเพียงหนทางเดียว โดย “ห้าม” วิธีการอื่นๆ โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกตีตราว่าเป็น “แดงเทียม” นั้น เป็นพฤติกรรมที่ “ผู้นำ” และ “แกนนำ” ต้องรู้ตัวเสียทีว่าไม่มีสิทธิ์
เป้าหมายของพวกเราคือ สันติภาพ แต่วิธีการของมวลชนควรจะมีหลากหลาย บางคนใช้ “สันติวิธี” ตามความเชื่อและความคุ้นชิน บางคนประกาศสิทธิในการป้องกันตัว หากถูกโจมตีด้วยสไนเปอร์ เอ็ม ๑๖ อาก้า เอ็ม ๗๙ หรืออื่นๆ และบางคนก็อาจใช้การสื่อสารจัดตั้งเพื่อความตาสว่าง ล้วนแต่เป็นวิธีการที่มุ่งสันติภาพที่ปลายทางทั้งสิ้น
เราจึงเสนอว่า มวลชนประชาธิปไตยทุกคน ไม่ว่าเป็นแกนนำที่โด่งดังหรือประชาชนนิรนาม ล้วนต้องมีสิทธิอันสมบูรณ์ในการป้องกันตนเอง ต้องมีสิทธิที่จะไม่ถูกฆ่า ทั้งนี้ก็ด้วยการเตรียมพร้อม ซึ่งไม่ได้แปลว่าต้องไปรุกรานใครก่อน
ระวังเขาจะพูดว่า การห้ามมิให้ป้องกันตัว เป็นความโหดร้ายอย่างหนึ่งของผู้ที่มั่นใจว่าเกิดอะไรเปรี้ยงปร้างขึ้นประชาชนจะตายก่อนตัวเอง จึงยังท่องบ่นคำว่า “สันติวิธี” กันอยู่ได้
การเข้าทยอยมอบตัวและได้รับการประกันตัวอย่างราบรื่น การถูกปล่อยตัวชั่วคราวทั้งที่ถูกกล่าวหาด้วยความผิดอันรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตกันนั้น ฟังเผินๆ ก็ดูปรองดองน่ารักดี แต่เมื่อเกิดขึ้นพร้อมกับการ “อุ้ม” ผู้ปฏิบัติการคนหนึ่งในห้างสรรพสินค้าเสื้อแดงเพียงเมื่อสิบกว่าวันมานี้ บรรยากาศรวมก็มิใช่ สันติภาพ อย่างที่คุณอยากจะให้เชื่อ ไม่มีทั้งความปรารถนาดีต่อกัน ไร้ทั้งความยุติธรรมต่อมนุษย์ด้วยกัน มันก็คือภาวะสงครามแท้ๆ เพียงมนุษย์บางคนยังเป็นเหยื่อสงคราม แต่บางคนเขายกระดับตัวเองเป็นพ่อค้าสงครามที่เสวยสุขอย่างสำราญไปแล้วเท่านั้นเอง
การไล่ล่าที่จะเข้มข้นรุนแรงหลังจากการ “ต้อนเข้าคอก” จะเป็นหลักฐานที่หนักแน่นขึ้นในเรื่องนี้
หยุดยึดแขนขามวลชนผู้มีจิตใจต่อสู้ และจงคืนสิทธิในการป้องกันตัวเองให้กับเขาโดยพลัน
ทั้งนี้เพื่อสันติภาพในบั้นปลาย.
---------------------------------------------------------
สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก : http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น