ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไล่กษิต โดย กาหลิบ

คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : ไล่กษิต
โดย : กาหลิบ

ดูคลิปที่พี่น้องชาวไทยผู้รักประชาธิปไตยตะโกนโห่ไล่และวิ่งด่าประณามใส่หน้า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเหตุการณ์ที่เยอรมนีแล้ว ยอมรับว่าได้เห็นอะไรที่ลึกซึ้งสูงล้ำกว่าความสะใจ แต่ยาวไกลไปถึงขั้นระบอบการปกครองเมืองไทยเลยทีเดียว

คนไทยในวันนั้น เขาไม่ได้รุมด่าข้าราชการเกษียณอายุที่สติไม่สมประกอบที่ชื่อนายกษิตเท่านั้น แต่เขาด่าฝากไปถึงคนที่เลือกนายกษิตมาเป็นตัวแทนทางการทูตในระดับชาติ และคอยรักษาเก้าอี้ให้นายกษิตในยามที่คนรอบตัวเกิดคลื่นเหียนและทนทานไม่ได้ขึ้นมา

ใครนึกว่านายกษิตเป็นตัวแทนพันธมิตรฯ ก็คงไร้เดียงสาไปหน่อย เส้นสายของเขาก๋วยจั๊บกว่านั้นมากนัก

คำด่าจากเยอรมนีจึงทะลวงสังคมหวงห้ามของไทยไปถึงคนโรคจิตบางคนที่ชอบคนบ้าด้วยกันอย่างนายกษิต จนแทบจะกระอักเลือด

คนไทยในต่างประเทศมีเสรีภาพที่สมบูรณ์กว่าในการเข้าถึงข้อมูลความจริงของเมืองไทย เขาก็บุกตลุยไปถึงก้นบึ้งของปัญหาอย่างคนตาสว่างและมีปัญญา ระดับต่ำๆ อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายประเวศ วะสี นายอานันท์ ปันยารชุน หรือแม้แต่คนอย่าง เปรม ติณสูลานนท์ นั้น เขาก้าวข้ามไปหมดแล้ว

คนไทยในเมืองไทยที่มีปัญญา และแสวงหาความรับรู้ที่สูงกว่าที่สังคมถูกบังคับให้สั่งสอนกันมา ก็รู้ข้อมูลความจริงอย่างเดียวกันและเป็นแนวร่วมรอความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอยู่ เขาก็เข้าใจทันทีว่าพี่น้องเราที่เยอรมนีกำลังตีวัวกระทบคราด

คราดที่ว่านี้ไม่เคยถูกกระทบ คราวนี้ถูกกระทบจากคนที่เขาขับไล่ออกไปจากเมืองไทยด้วยความยากจนค่นแค้นทางเศรษฐกิจ จนเขาต้องไปตายดาบหน้า บางคนพูดภาษาต่างประเทศไม่ได้สักคำ เงินทองก็ไม่มี อาศัยแต่ความทรหดอดทนที่ปู่ย่าตายายฝังไว้ในเนื้อตัวจนกระทั่งตั้งตัวได้ เขาจึงรักและเห็นคุณค่าในระบอบประชาธิปไตย เพราะเขาลืมตาอ้าปากได้จากระบอบนั้น เมื่อเมืองไทยในยุคก่อนทำท่าจะเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ขึ้นมา เขาก็รักและหวงแหนไปด้วย

เมื่อคราดเก่าๆ สนิมขึ้นเข้ามาทิ่มตำทำลายระบอบประชาธิปไตยรอบนี้เขาจึงลุกขึ้นสู้กับคราดนั้น

ครั้งหนึ่งเมื่อ นายกษิต ภิรมย์ เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี เขาเคยขึ้นเวทีด่ากราดว่าผู้หญิงไทยที่แต่งงานร่วมครอบครัวกับชาวเยอรมันว่า น่าอับอาย เสียเกียรติยศชาติ จนผู้จัดต้องไล่ออกจากงานบุญที่พี้น้องคนไทยร่วมจัดและอุตส่าห์เชิญฝ่ายการทูตมาร่วมด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์

วันนั้นเขานึกแค่ว่านายกษิตคือศักดินาหลงฝูงที่พลัดมาเป็นใหญ่ในกระทรวงการต่างประเทศไทย ซึ่งมีข้าราชการสันดานแบบนี้อยู่มากเท่านั้น

แต่วันนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่า ทัศนะของนายกษิตคือทัศนะของชนชั้นบนในเมืองไทยที่มองคนไทยเป็นฝุ่นเมือง ไม่มีราคาค่างวด อยากจะฆ่าฟัน จับยัดคุก ทำลายชีวิตของเขาและครอบครัวเมื่อไหร่ก็ทำได้ทุกเมื่อ นายกษิตเป็นตัวแทนของสังคมพิกลพิการของไทยที่คนชั่วได้เป็นใหญ่และคนไทย (แท้ๆ) ต้องน้ำตาไหลริน

เสียงด่าที่เยอรมันนีจึงด่าลึกลงไปถึงกล่องดวงใจของเมืองไทย โดยฝากขี้ข้าอย่างนายกษิตไป
ลึก เจ็บ และบอกถึงอนาคตของไทยได้เป็นอย่างดี

ต้องขอบคุณคนอย่างนายกษิตที่ทำให้ขบวนปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตยของไทยมีความเข้มแข็งมั่นคงและเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ เพราะนายกษิตเป็นตัวแทนที่ดีเหลือเกินของความชั่วร้ายที่สมบูรณ์.

---------------------------------------------------------------------------------
ข่าวSMSของฝ่ายประชาธิปไตย เชิญสมัครสมาชิก SMS-TPNews โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น