ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ร้ายกว่ารัฐประหาร โดย กาหลิบ
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : ร้ายกว่ารัฐประหาร
โดย : กาหลิบ
หากเขาสั่งรัฐประหารอีกครั้ง ซึ่งอาจจะในเร็ววันนี้ ท่านที่เป็นนักประชาธิปไตยปรองดองทั้งหลายจะยังเดินหน้าปรองดองกับเขาต่อไปไหม?
ขอถามไว้ดังๆ ตรงนี้เพื่อตราเอาไว้ให้ชัด
ได้ยินมาหลายครั้งว่า รัฐประหารสิดี ปวงชนชาวไทยจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และอาจจะทำให้เกิด “ลุกขึ้นสู้” ขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าคนที่พูดกำลังเตรียมการใหญ่เพื่อประชาธิปไตยในแผ่นดินนี้อยู่ ทั้งที่เห็นวิ่งวุ่นชุลมุนก่อสถานการณ์ที่นั่นที่นี่ เพียงบีบให้เขายอมเจรจาด้วยเท่านั้นเอง ไม่ได้เตรียมการใดๆ เพื่อประชาธิปไตยเลยสักนิด
เมื่อไม่ได้เตรียมตัวให้สมศักดิ์ศรีของระบอบประชาชน การรัฐประหารอีกครั้งในระบอบเผด็จการโบราณก็มีแต่ผลเสียต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศ โดยเฉพาะการไล่ล่าปราบปรามแกนนำแกนนอนของขบวนการประชาธิปไตยใหม่จนราบคาบด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมรุนแรง
พวกนักเลือกตั้งอาชีพเขาก็จะกลับไปนอนเงียบๆ ที่บ้านหรือไม่ก็ออกทัวร์ต่างประเทศ คอยเวลาที่คณะรัฐประหารจะดิ้นรนสร้างภาพลักษณ์ด้วยการประกาศการเลือกตั้ง “โดยพลัน” เพื่อให้โลกเห็นว่าไม่ได้ทำรัฐประหารเพื่อตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นก็จะลอยเหนือหัวประชาชนออกมาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง หวังได้เป็นรัฐบาลด้วยวิธีผสมพันธุ์กับใครก็ได้
ใครตายก็ตายไป คนที่เจนจัดกว่าเขาก็รอดชีวิตอยู่เพื่อเล่นบทบาท “ผู้นำ” กันต่อไปอย่างไร้ความหมาย เพราะอำนาจรัฐที่แท้จริงไม่มีวันอยู่ในมือตน
อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเคยอธิบายเหตุผลที่ยอมร่วมงานกับคณะรัฐประหารเอาไว้ว่า “...น้ำครึ่งแก้วดีกว่าไม่มีเลย กระผมไม่อยากตายประชดป่าช้า...” แล้วก็กลายเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์กับเขาไปทั้งตัว ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง
เรื่อง : ร้ายกว่ารัฐประหาร
โดย : กาหลิบ
หากเขาสั่งรัฐประหารอีกครั้ง ซึ่งอาจจะในเร็ววันนี้ ท่านที่เป็นนักประชาธิปไตยปรองดองทั้งหลายจะยังเดินหน้าปรองดองกับเขาต่อไปไหม?
ขอถามไว้ดังๆ ตรงนี้เพื่อตราเอาไว้ให้ชัด
ได้ยินมาหลายครั้งว่า รัฐประหารสิดี ปวงชนชาวไทยจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และอาจจะทำให้เกิด “ลุกขึ้นสู้” ขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าคนที่พูดกำลังเตรียมการใหญ่เพื่อประชาธิปไตยในแผ่นดินนี้อยู่ ทั้งที่เห็นวิ่งวุ่นชุลมุนก่อสถานการณ์ที่นั่นที่นี่ เพียงบีบให้เขายอมเจรจาด้วยเท่านั้นเอง ไม่ได้เตรียมการใดๆ เพื่อประชาธิปไตยเลยสักนิด
เมื่อไม่ได้เตรียมตัวให้สมศักดิ์ศรีของระบอบประชาชน การรัฐประหารอีกครั้งในระบอบเผด็จการโบราณก็มีแต่ผลเสียต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศ โดยเฉพาะการไล่ล่าปราบปรามแกนนำแกนนอนของขบวนการประชาธิปไตยใหม่จนราบคาบด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมรุนแรง
พวกนักเลือกตั้งอาชีพเขาก็จะกลับไปนอนเงียบๆ ที่บ้านหรือไม่ก็ออกทัวร์ต่างประเทศ คอยเวลาที่คณะรัฐประหารจะดิ้นรนสร้างภาพลักษณ์ด้วยการประกาศการเลือกตั้ง “โดยพลัน” เพื่อให้โลกเห็นว่าไม่ได้ทำรัฐประหารเพื่อตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นก็จะลอยเหนือหัวประชาชนออกมาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง หวังได้เป็นรัฐบาลด้วยวิธีผสมพันธุ์กับใครก็ได้
ใครตายก็ตายไป คนที่เจนจัดกว่าเขาก็รอดชีวิตอยู่เพื่อเล่นบทบาท “ผู้นำ” กันต่อไปอย่างไร้ความหมาย เพราะอำนาจรัฐที่แท้จริงไม่มีวันอยู่ในมือตน
อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเคยอธิบายเหตุผลที่ยอมร่วมงานกับคณะรัฐประหารเอาไว้ว่า “...น้ำครึ่งแก้วดีกว่าไม่มีเลย กระผมไม่อยากตายประชดป่าช้า...” แล้วก็กลายเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์กับเขาไปทั้งตัว ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง
เหตุผลที่ฟังเผินๆ ดูดีแบบนี้ล่ะ ที่ทำให้เราขาดแกนนำขบวนการประชาชนมาทุกยุคทุกสมัย ก็อ้าขาผวาปีกหิวกระหายไปขอน้ำครึ่งแก้วจากเขา จะไปเหลือศักดิ์ศรีอะไรมาหาน้ำอีกครึ่งแก้วให้กับคนในระบอบประชาชน
คำถามคือหากเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบันจะเลือกวางจุดยืนทางการเมืองของตนอย่างไร จะผวาหาน้ำครึ่งแก้วหรือ จะกล้าประกาศว่าเอาน้ำครึ่งแก้วของเอ็งคืนไปเถิด ข้าไม่ปรารถนา
อีกไม่นานก็คงจะรู้ทั่วกัน
เดิมทีการรัฐประหารเป็นของแสลงอันดับหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ณ ที่ใดก็ตาม ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยต้องช่วยกันสกัดกั้นและต่อต้านในทุกทาง ถึงวันนี้ภัยอันตรายของรัฐประหารก็ยังมิได้เสื่อมคลายลงไป
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือรัฐประหารไม่ใช่ศัตรูอันดับหนึ่งของระบอบประชาชนอีกแล้วในวันนี้
ศัตรูอันดับหนึ่งของระบอบประชาชนคือผู้นำประชาธิปไตยจอมปลอมที่เปล่งวาจาประชาธิปไตยอยู่ทุกวัน แต่คอยสกัดกั้นมิให้ขบวนการปฏิวัติของประชาชนเกิดขึ้นได้แม้จะเกิดรัฐประหาร เพราะกลัวว่ากลุ่มผลประโยชน์ของตนจะควบคุมมวลชนไม่ได้เมื่อฝ่ายตรงข้ามสิ้นอำนาจลงและฝ่ายตนจะทะยานขึ้นสู่อำนาจนั้นแทน ทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดขบวนประชาธิปไตยไปเรื่อยๆ เตรียมโค่นฝ่ายเขาลงเพื่อตัวจะก้าวขึ้นเป็นผู้เผด็จการใหม่เท่านั้น
ถ้าคนชนิดนี้ยังเรืองอำนาจอยู่ ขบวนการประชาชนธรรมชาติไม่มีวันจะได้เกิด เพราะเขาต้องการแค่กลุ่มมวลชนที่เขาควบคุมและสั่งการได้จากรีโมทคอนโทรล เขาจึงต้องทำลายพลังมวลชนธรรมชาติและสู้สงครามกับระบอบเก่าไปพร้อมกัน
โดยสรุป หากเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง พี่น้องประชาชนโปรดฟังเสียงของตัวเองเป็นหลัก อย่าได้หลงเชื่อศัตรูหมายเลขหนึ่งและศัตรูหมายเลขสองของระบอบประชาชนเลยครับ.
---------------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น