ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554
ใต้รัฐบาล โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ใต้รัฐบาล
โดย กาหลิบ
คำว่า รัฐบาล นั้น โดยสากลก็หมายถึงกลไกและกระบวนการทั้งหมดในการบริหารประเทศ และมีศูนย์กลางอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาลของแต่ละรูปแบบการปกครอง ของไทยเราก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี และตัวนายกรัฐมนตรีกับคณะรัฐมนตรีก็ขึ้นกับรัฐสภาอีกต่อหนึ่ง เรียกว่าระบบรัฐสภา ส่วนที่เรียกประเทศไทยว่าราชอาณาจักรไทยนั้นก็เพราะมีประมุขเป็นกษัตริย์ ประเทศที่ถือตนเองเป็นสาธารณรัฐ เขาก็เรียกคนที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลของเขาว่าประธานาธิบดี อย่างนี้เป็นต้น
ประเด็นของไทยในวันนี้ เกิดจากหลักการพื้นฐานที่ว่า รัฐบาลประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ ๓ อย่างคือ
๑. ผู้นำ / ผู้กำหนดนโยบาย
๒. ระบบราชการ
๓. ประชาชน / มวลชน
แต่ความจริงประเทศไทยกลับสะท้อนว่า ฝ่ายประชาชนเพิ่งได้มาเพียงสองในสามเท่านั้นเอง นั่นคือมีผู้นำและผู้กำหนดนโยบายที่มาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก และมีมวลชนที่พร้อมสนับสนุน
ระบบราชการที่ควรเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลด้วยนั้น ในใจจริงแล้วเขาไม่เคยถือตนเองว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลเลย
ขึ้นอยู่กับใครก็นึกถึงคำพูดของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อหลายปีมาแล้วว่าทหารทุกๆ นายและกองทัพไม่ควรถือว่ารัฐบาลเป็นเจ้าของคอกม้า รัฐบาลเป็นเพียงจ็อคกี้ ส่วนเจ้าของคอกม้านั้นเขาก็พูดชัดเจนว่าทุกๆ คนเป็น “ทหารของพระราชา”
เพราะฉะนั้นจะกระทำตนว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ก็ให้นึกคำพูดนี้ไว้ให้ดี
ทหารมีจิตวิญญาณอยู่ที่วินัยและการเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา คำพูดที่ชี้นำว่าผู้บังคับบัญชาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามาถือเป็นเรื่องร้ายแรง ถ้าจะเอากันถึงที่สุดก็มีโทษเป็นกบฏ
ขณะนี้แนวคิดเดียวกันนั้นได้ไหลซึมเข้ามาในสายงานพลเรือนของระบบราชการเช่นเดียวกันแล้ว ซึ่งถือเป็นวิกฤติร้ายแรงในการบริหารรัฐกิจ
ยิ่งถ้าฝ่ายการเมืองทำตัวเละเทะเหลวไหล วางคนไม่เหมาะสมกับงาน เล่นพวก บ้าอำนาจ มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว และดำเนินการบริหารบ้านเมืองไม่ถูกใจประชาชนส่วนใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยิ่งเอามาใช้เป็นข้ออ้างในการขโมยอำนาจบริหารไปจากรัฐบาลของประชาชนได้ง่ายขึ้น
ข่าวแว่วมาว่ามีการส่งสัญญาณไปยังผู้นำหน่วยราชการพลเรือนหลายหน่วยที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลโดยเปิดเผยในทำนองว่าให้ทำตัวเป็นหอกข้างแคร่รัฐบาลไปเรื่อยๆ เถิด ถึงเวลาก็จะปกป้องให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ แถมอีกว่า รัฐบาลนี้ถูกโค่นลงเมื่อใดก็จะปูนบำเหน็จรางวัลกันให้ถึงใจด้วย
การเจาะยางรัฐบาลของประชาชนด้วยการแอบขโมยข้าราชการไปเป็นของตน เป็นเรื่องเก่าที่ทำกันมาทุกๆ ครั้งที่ฝ่ายประชาชนได้เป็นรัฐบาล
ประเด็นคือนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของประชาชนควรจะวางตนอย่างไรในสภาพเช่นนี้
อันดับแรก เมื่อรัฐบาลพบว่าข้าราชการคนใดกระทำตนเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายอย่างชัดเจนจนจับได้ ก็ต้องจัดการให้ชัดเจนเด็ดขาดและส่งสัญญาณให้สังคมรู้ด้วยว่าทำเพราะอะไร
ไม่ต้องมาอ้างว่า “ปรองดอง” เพราะถ้าใครคิดบ่อนทำลายการทำงานของรัฐบาลจนมวลชนเสียประโยชน์ ก็ถือว่าเขาไม่ได้คิดดีกับประชาชนตั้งแต่ต้น แล้วจะต้องไปปรองดองหาพระแสงอันใด
อันดับสอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกๆ ท่านโปรดกรุณาตรวจสอบข้าราชการในสังกัดของท่านในเรื่องวินัยและการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ
กระทำตนเป็นหมอเก่งๆ ที่สังเกตอาการผิดปกติของร่างกายก่อนจะเกิดโรคได้ก็จะดี
อันดับสุดท้าย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนใดที่ไม่อำนวยสะดวกให้กับทุกๆ นโยบายที่ต้องทำให้ถึงประชาชนอย่างรวดเร็ว ก็เท่ากับบ่อนทำลายโอกาสในการพัฒนาประชาธิปไตย ควรถือเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ที่ต้องขจัดให้พ้นไปด้วยวิธีบริหาร
สรุปแล้วคืออย่านอนรอความตายครับ.
----------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น