ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ


โดย : กาหลิบ
สำนักพิมพ์โลกวันนี้

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ :


Nangfa มีโอกาสได้เปิดพ็อกเก็ตบุ๊คส์เล่มหนึ่ง ที่ตั้งชื่อได้สะดุดหูสะดุดตาประชาชีว่า “ยุทธการตอแหลแห่งชาติ” โดยผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า “กาหลิบ”


หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือใหม่ในพ.ศ.นี้ เพราะสำนักพิมพ์ “โลกวันนี้” ได้ตีพิมพ์ออกวางตลาดครั้งแรก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 แต่เมื่อนำมาพลิกอ่านอีกครั้ง ก็มีความรู้สึกว่าแต่ละเรื่องแต่ละตอนยังกับเป็นเหตุการณ์ร่วมสมัย


Nangfa จึงคิดอยากขอนำบทความแต่ละตอนมานำเสนอไว้ในบล็อก เพื่อให้ท่านที่ยังไม่เคยได้อ่าน หรืออาจจะเคยอ่านแล้ว กลับมาอ่านซ้ำกันอีกครั้ง เพื่อระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ เมื่อครั้งก่อนรัฐประหารและหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรืออาจจะเป็นอุทาหรณ์ ว่าวันนี้เราจะลุกขึ้นต่อสู้กับพวกอำมาตย์อย่างไรกันดี เพื่อไม่ให้เหตุการณ์หวนกลับไปซ้าเดิมอีกครั้ง .... "รัฐประหาร!”


Nangfa ไม่ทราบหรอกว่า “กาหลิบ” คือใคร? แต่อยากจะขออนุญาตไว้ ณ ที่นี้ด้วยเลย ว่าขอนำบทความขอท่านมาลงบล็อกนี้ ให้บรรดาพี่น้องผู้เรียกร้องต้องการประชาธิปไตยได้อ่านกัน วันละตอนสองตอน เป็นซีรีส์ต่อเนื่องไปจนกว่าจะหมดเล่ม หวังว่าท่านคงไม่ขัดข้อง ขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้


และที่ขาดไม่ได้ต้องขอขอบคุณ “หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน” ด้วย ที่กลั้นใจเสนอ หนังสือเล่มนี้ ให้พวกเราได้อ่านกัน ขอบคุณมากๆ ค่ะ


***************************************************************************


บทนำ :


ตอแหล: หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้นฐานของไทยทั้งในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรียน และตามอัธยาศัย


หนังสือเล่มนี้เกิดเมื่อผู้เขียนมองลอดหน้าต่างการเมืองไทย และนำสิ่งที่เห็นไปเขียนเป็นบทความแบบวันต่อวันสำหรับท่านผู้อ่านของโลกวันนี้พอได้เนื้อมามากพอก็จับรวมเล่มให้เป็นปึกเป็นแผ่น

ฉากหลังการเมือง (political backdrop) ของเล่มนี้อยู่ระหว่างวันจันทร์ที่ สิงหาคม ..๒๕๔๙ ถึงวันจันทร์ที่ มกราคม ..๒๕๕๐ เริ่มจากความพยายามโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ ... ทักษิณ ชินวัตร ด้วยวิธีรวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยของขบวนการตอแหลแห่งชาติ ก่อหวอตและเริ่มต้นโหมกำลังของสิ่งที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ยั่วให้เกิดการปะทะทางความคิดและกำลังในสถานการณ์ปกติเพื่อกู้ชาติที่ไม่ได้ล่ม พยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรีและคนทั้งหลายอีกนับร้อย ไปจนถึงการชิงธงรัฐประหารในวันอังคารที่ ๑๙ .. ๒๕๔๙ อย่างขาดๆ เกินๆ ถ้าท่านจะมองหนังสือเล่มนี้ในฐานะอนุทินเล่มหนึ่งของเมืองไทยที่บันทึกโดยคนธรรมดา ผู้เขียนก็เชื่อว่าคงไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องมากนัก มีประเด็นพร้อมข้อมูลที่ต่อเนื่องไปตามเหตุการณ์ พอจะใช้เตือนความทรงจำได้บ้าง ส่วนอยากจะลืมขนาดไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ศัพทานุกรมของคุณเรืองยศ จันทรคีรี โดยเฉพาะคำว่าตอแหลมีอิทธิพลมากต่อผู้เขียน เพราะเป็นคำจำกัดความที่ช่วยอธิบายถึงสิ่งที่ขาดหายไปจากบริบทการเมืองในห้วงเวลานั้นได้มาก ตอแหลเป็นเหตุและผลในตัวเอง ทำให้ข่าวลือและเสียงซุบซิบนินทามีความสำคัญขนาดหนัก และลดน้ำหนักของระบบเหตุผลลงไป ความจริงส่วนหนึ่ง เท็จส่วนหนึ่ง และบิดเบือนไปตามชอบใจซึ่งเป็นความหมายของ "ตอแหล" นั้นเอง ได้กลายเป็นภาวะหลักทั่วไปในพระราชอาณาจักร ในที่สุดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถึงสองครั้งก็ถูกโค่นล้มด้วยความตอแหลที่มียุทธศาสตร์ และมีความเป็นระดับชาติเพราะคนระดับชาติมาเชื่อมโยงกันหมด โดยมีความริษยาเป็นพื้น

การเขียนก็ไม่มีลีลาอะไรมาก มีความรังเกียจแนวคิดเผด็จการและประชาธิปไตยครึ่งใบเป็นแรงขับดัน บวกความอดทนที่น้อยลงทุกทีกับมายาเมืองไทยที่หลอกล่อกันเหมือนการแข่งขันกีฬาสี และเห็นว่าการรัฐประหารจะโดยความสนับสนุนจากใครก็ตาม ถือเป็นสิ่งที่ผิดและเป็นความสิ้นคิดของคนในระดับชาติทั้งนั้น

หนังสือเล่มนี้คลอดจากมดลูกที่ช้ำระบม ความขาดแคลนประชาธิปไตยและเสรีภาพตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนทำให้ร่างกายของประเทศไทยขาดความสมบูรณ์และเต็มไปด้วยพยาธิสภาพ แต่ก็พยายามเขียนอย่างเป็นกลางที่สุด เท่าที่คนที่สูญเสียความเป็นกลางไปแล้วเพราะการรัฐประหารจะทำได้

ความสำเร็จของเล่มนี้ต้องยกให้กับทีมงานโลกวันนี้ที่ริเริ่ม เร่งรัด สานต่อ ปรับปรุงอย่างมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังต้องขอแสดงความคารวะมายังพี่ที่เคารพทุกคนใน "กลุ่มเสวนา" ของเรา ที่กรุณาขัดเกลาแนวคิดหยาบๆ ของผู้เขียนให้มีความหมายขึ้นบ้าง โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทนเลย เว้นแต่ความรักในระบอบประชาธิปไตยและความเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

ผู้เขียนเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะขอโทษขอโพยหรือออกตัวสำหรับท่านที่อ่านแล้วไม่ถูกใจ ส่วนท่านที่อ่านแล้วเห็นด้วยบ้าง โปรดอย่าปล่อยให้ตัวอักษรมันถูกขังอยู่เพียงในเล่มนี้ ถ้าจะช่วยนำออกไปต่อไฟเพื่อให้บ้านเมืองสว่างไสวขึ้นบ้าง ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง จุดไปจุดมา ไปเจอต้นเหตุของปัญหาบ้านเมืองในเวลานี้ที่ตรงไหน จะถือโอกาสจุดไฟฌาปนกิจไปเลยก็ไม่ว่ากัน อาจจะรู้สึกคุ้มค่าที่อุตส่าห์มีไฟทั้งที

ไฟไม่คู่ควรกับการรัฐประหารหรอกนะครับ แต่สำหรับการปฏิวัติใหญ่ที่ใกล้จะมาถึงนั้นไม่แน่


ขอศาสนธรรมจงคุ้มครองท่าน

กาหลิบ

******************************************************

ประวัติผู้เขียน :

กาหลิบ

เทือกเถาเหล่ากอมาจากโคราช แต่มาเกิดและเติบโตในกรุงเทพพระมหานครในปี ..๒๕๑๐ เป็นต้นมา พ่อเป็นทหารแต่ไม่ชอบบังคับใจใคร แม่เป็นลูกทหารแต่มีหัวใจเสรีและไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ทั้งปวง เป็นผลผลิตจากพ่อที่เป็นลูกคนจนแต่กลายเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้ตัวเองได้ศึกษาเล่าเรียนตามกำลังปัญญา และใช้ปัญญาอันจำกัดทำมาหากินอยู่จนถึงปัจจุบัน พ่อแม่สอนให้ชิงชังระบบอุปถัมภ์และรู้จักเอาตัวรอดอย่างมีคุณธรรมในระบบประสิทธิภาพ

เชื่อมาตลอดว่าประชาธิปไตยงอกขา งอกปีก และลงหลักปักฐานแล้วในเมืองไทย เมื่อเกิดการรัฐประหารในวันอังคารที่ ๑๙ กันยายน ..๒๕๔๙ จึงเกิดอาการซึมเศร้า พอหายเศร้าแล้วก็คิดสู้ พอสู้แล้วก็เลยได้รู้ว่าอารยธรรมไทยทั้งปวงเปรียบประดุจปราสาททราย ก็เลยตั้งใจว่าจะทำหน้าที่เป็นวิศวกรทางสังคม และเริ่มต้นก่อสร้างประชาธิปไตยเมืองไทยตั้งแต่ลงเสาเข็มไปเลยทีเดียว จะเสร็จเมื่อไหร่ จะเสร็จหรือไม่ และจะต้องสูญเสียอะไรบ้างคงไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ปรัชญาชีวิต: กระโดดลงเหวก่อน แล้วงอกปีกตามไปให้ทัน (เรย์ แบรดบิวรี่ นักเขียนอเมริกัน)

**************************************************

ติดตามตอนที่ 1 พรุ่งนี้ค่ะ (พุธที่ 27 มกราคม 2553)



3 ความคิดเห็น:

  1. อ่านทุกตัวอักษรแล้ว เห็นว่าผู้เขียนซ่อนความคิดลึก ๆ ไว้ ปล่อยหมัดแย้บ เป็นบางครั้ง ถูกเป้าหมายและได้คะแนนสะสมเรื่อย ๆ บางครั้งคำแนะนำของโค้ช ผู้ชกมักจะตั้งใจลืมและภูมิใจแกมหยิ่งในตนเอง

    ตอบลบ
  2. ขอร่วมเป็นกำลังใจใหเฝ่ายปชต.จงได้รับชัยชนะในปี 2553 ด้วยเถิด

    ตอบลบ
  3. อาจมีรากที่หยั่งลึกลงแล้วในแนวทางการต่อสู้ที่คุณเลือก แผ่ก้าน ผลิใบ ในวันนี้ อาจเติบโตต่อเนื่องหรือถูกโค่น ริดรอนกิ่งใบ แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่คุณทำมันเกิดขึ้น มันสำเร็จ สัมฤทธิ์ผลแล้วโดยสมบูรณ์ ในตัวมันเอง อ่านงานของคุณแล้วผมคิดถึงวีรบุรุษในดวงใจของผม ท่านหนึ่งนาม จิตร ภูมิศักดิ์ จงเดินไปในท่ามกลางความมืด ด้วยคบเพลิงแห่งปัญญาที่คุณเป็นผู้จุดด้วยมือคุณเองนี้เถิด ด้วยจิตคารวะ

    ตอบลบ