ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สิ่งที่อภิสิทธิ์ไม่รู้ โดย กาหลิบ
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : สิ่งที่อภิสิทธิ์ไม่รู้
โดย : กาหลิบ
นี่คือเวลาสยายปีก เชิดหน้า และท้าทายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะสามารถดำรงสภาพความเป็นรัฐบาลอยู่ได้ท่ามกลางซากศพของวีรชนประชาธิปไตยผู้มีแต่มือเปล่า ทั้งที่รัฐบาลเผด็จการในอดีต รวมทั้งรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ ฆ่าประชาชนน้อยกว่านี้มาก ยังต้องล้มคว่ำลงกลางคันและถูกฟ้าถล่มทับจนบี้แบน
ทำชั่วระดับอุกฉกรรจ์แล้วยังลอยนวลอยู่ได้และอยู่ดี ได้ปลุกความยโสในหัวใจที่มีมากอยู่แล้วให้ท่วมท้นล้นตัว
มั่นใจว่ามีลมใต้ปีกที่จะช่วยให้บินฝ่าสภาพอากาศทุกชนิดได้ โดยไม่ตระหนักว่าลมใต้ปีกนั้น ที่จริงคือลมหมุนอันเลวร้ายที่จะเหวี่ยงนกตกสู่พื้นดินได้ทุกเมื่อที่ลมต้องการ หากนกตัวนั้นคิดจะบินไปคนละทิศกับความต้องการของลมขึ้นมา
ความมั่นใจอันเกินขีดนี่ล่ะ ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ฯ อยู่ในสภาพของคนไข้ที่อยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ไม่ใช่เพราะตนเอง และทำให้เกิดสภาพตาบอดชั่วคราว มองไม่เห็นอันตรายบางอย่างที่มาจ่ออยู่ใกล้ตัวเสียเหลือเกินแล้ว สองเรื่องเป็นอย่างน้อย
เมื่อไม่กี่วันมานี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้พบปะอย่างลับๆ กับแกนนำหลักของ นปช. แดงทั้งแผ่นดินผู้ที่ยังมีอิสรภาพคนหนึ่ง โดยมีคนใหญ่ทางสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ประสานงาน
เขาร่วมฆ่าประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยตายกลางถนนจนเป็นทรราช หมดสิ้นซึ่งความชอบธรรมในฐานะผู้นำไปแล้ว แต่ฝ่ายเราดันคลานเข้าไปขอเจรจาอะไรกับเขาอีกนั้น เป็นเรื่องที่กาหลิบยอมรับว่าไม่เข้าใจและหัวใจยังเห็นด้วยไม่ได้ แต่วันนี้ขอข้ามประเด็นนั้นไปก่อน
ระหว่างการคุยลับครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ฯ ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า ให้อภัยคนอย่าง “อริสมันต์” และ “สุภรณ์ (แรมโบ้)” ไม่ได้ เพราะพวกนี้ “...คิดจะฆ่าผม...”
ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลอธิบายว่าในช่วงก่อนการสังหารหมู่ประชาชนแห่งเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่มีการ (แอบ) เจรจาความระหว่างแกนนำ นปช.ฯ กับฝ่ายรัฐบาลถึงสองสามครั้ง จึงปรากฏผลออกมาว่าทุกคนจะได้ประกันหลังมอบตัว เว้นแต่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) ซึ่งเขาแค้นเป็นพิเศษ
ความคิดฝังใจของนายอภิสิทธิ์ฯ ว่าตัวเองถูกปองร้ายขนาดจะเอาชีวิตจนไม่อาจมองสถานการณ์ตามเนื้อผ้าได้ เอาแต่มองมุมตัวเองอย่างหมกมุ่นนั้น เป็นหลักฐานชี้ว่าผู้มีอำนาจในเมืองไทยเขา “เล่น” กับหัวคิดของนายอภิสิทธิ์ฯ ได้เหมือนสัตว์เลี้ยงของเขาตัวหนึ่ง
นอกจากจะใช้นายอภิสิทธิ์ฯ เป็นหนังหน้าไฟในความเลวร้ายทุกอย่างที่เขาทำแล้ว ยังใช้เขี้ยวแก่ของตัวเองปั่นหัวเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งให้มันระอุอยู่ในความโกรธ โลภ หลง แม้ รัก ก็เหลือแต่ความรักตนเองอย่างเดียว จนหลงคิดว่าสงครามครั้งนี้เป็นการประจัญบานระหว่างตัวเองกับมวลมหาประชาชน ทั้งที่ความจริงเป็นสงครามของเขาที่ตัวมานั่งรับหน้าเสื่อแทนเท่านั้น
อวิชชาหรือความไม่รู้ของนายอภิสิทธิ์ฯ เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งของความวุ่นวายไม่รู้จบในขณะนี้
นี่ไม่ได้หมายความว่านายอภิสิทธิ์ฯ จะปราศจากความรับผิดชอบเสียเลยในกรณีฆ่าหมู่ประชาชน แต่การชี้เป้าไปยัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่ได้มองเครือข่ายโดยรวมของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย แถมถูกบุคคลเบื้องหลังผู้อำนาจเหนือกว่าล่อให้คนเหล่านี้เห็นว่าเป็นสงครามของตนเองเสียอีกนั้น เป็นความสามานย์อันเก่าแก่โบราณที่ใช้มานานจนเกิดความชำนาญ
ไม่มีเกมไหนที่เขาจะถนัดไปกว่าจับจิ้งหรีดมากัดกัน
จิ้งหรีดเหล่านี้ไม่ใช่ใคร ก็คือไพร่ไทยที่เผลอคิดไปว่าตัวเองเป็นคนวงในของคนใหญ่คนโต จนหันมากัดกันเองมาตลอดประวัติศาสตร์ของระบอบอันฉ้อฉล
อีกเรื่องหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์ฯ คงไม่รู้
คือขณะที่กำลังอิ่มเอมใจว่าเจ้าของบ้านเขารักใคร่ไว้ใจตนเสียเหลือเกินนั้น เขาก็กำลังเตรียมคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนตัวเองในทำนองอะไหล่รถยนต์อยู่ตลอดเวลา ทันทีที่นายอภิสิทธิ์ฯ เน่าเสียจนเป็นภาพลักษณ์อันเลวสำหรับเขา คนใหม่ก็จะปราดเข้ามาแทนที่โดยไม่ให้มีช่องว่างเลยทีเดียว
“คนใหม่” คนนี้ ความจริงก็เก่าสุดกู่ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลทักษิณมานาน ก่อนที่กลายร่างเป็นกบฏภายในระบอบประชาธิปไตยและร่วมวางแผนยึดอำนาจที่โคตรวงศ์ของตนเองเป็นผู้ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ทั้งหลายรับไปทำ
ดร. ทางกฎหมายคนนี้เดินงานยึดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างขะมักเขม้น ใช้ให้ ดร.เพื่อนซี้ที่ให้ไปนั่งบริหารงานองค์การสื่อของรัฐบาลเสียหลายปีเดินสายไปพบคนนั้นคนนี้ เพื่อหาเสียงกรุยทางเผื่อตนเองจะบุญพาวาสนาส่งได้สวมตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีพิเศษ
คนที่ไปพบแล้วนั้นมีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ข้าราชการ นักธุรกิจใหญ่ๆ จนถึงนักการเมืองหลายสาย
โน้มน้าวว่าช่วยกันโค่นอภิสิทธิ์แล้วหันมาหนุนตัวเองแทน จะตอบแทนให้หนำใจยิ่งกว่า
เรื่องแบบนี้นายอภิสิทธิ์ฯ ไม่รู้ เพราะกำลังลำพองใจ
ตากำลังมัวด้วยอกุศลมูล
และเจ้านายเหนือหัวของนายอภิสิทธิ์ฯ กำลังหัวเราะชอบใจในความโง่.
---------------------------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น