ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553
จดหมายตบหน้า โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง จดหมายตบหน้า
โดย กาหลิบ
ข้อความง่ายๆ ไม่กี่บรรทัดในจดหมายของสุภาพสตรีชาวอิตาเลียนคนหนึ่ง กำลังสร้างกระแสต่อต้านรัฐไทยอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประเทศอิตาลี ใครที่อ่านข้อความเหล่านี้แล้วจะรู้ทันทีว่า คนที่เปิดไฟเขียวให้ประชาชนถูกฆ่าอย่างทารุณเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ มีความวิปริตผิดเพี้ยนและมืดบอดในจิตใจจนไม่รู้แล้วว่าสถานการณ์ของตัวเองเป็นอย่างไร
ถ้อยคำอันสุภาพแต่ด่าได้อย่างเนียนที่สุดนี้ จะชำแรกเข้าไปในจิตใจอำมหิตและโสมมของเขาทั้งสองคนและโคตรตระกูลได้บ้างหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่คนไทยที่ได้อ่านทุกคนต่างมีความรู้สึกร่วมและอับอายแทนอย่างประมาณมิได้
สุภาพสตรีท่านนี้คือ นางสาวอลิซาเบ็ตต้า โพเล็งกี้ ผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของ นายฟาบิโอ โพเล็งกี้ นักข่าวอิตาเลียนผู้ถูกยิงตายกลางถนนในวันล้อมฆ่าประชาชนเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓เหตุที่เธอลุกขึ้นมาเขียนจดหมายประวัติศาสตร์ฉบับนี้ ก็เพราะเธอและครอบครัวได้รับบัตรเชิญตราครุฑจาก นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโรม ประเทศอิตาลี ให้ไปร่วมถวายพระพรในงานเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา
ครอบครัวโพเล็งกี้ทั้งครอบครัวขอให้อลิซาเบ็ตต้าเป็นตัวแทนเขียนจดหมายปฏิเสธคำเชิญนี้ในทันทีในช่วงแรกของจดหมาย หากพูดอย่างไทยๆ เธออธิบายความรู้สึกของเธอและครอบครัวต่อคำเชื้อเชิญในครั้งนี้ว่า เธอรู้สึก “สะอึก”
เธอเขียนขยายความว่าทางการไทยจะให้เธอและครอบครัวมีความ “ปลื้มปิติ” (“joy”) กับงานที่จัดฉลองในครั้งนี้ได้อย่างไร ในเมื่อสมาชิกผู้เป็นที่รักของเธอและครอบครัวถูกยิงตายอย่างเหี้ยมโหดในขณะทำหน้าที่สื่อมวลชนระหว่างประเทศตามจรรยาบรรณ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เธอชี้ด้วยว่าจนบัดนี้แล้ว ทางการไทยยังไม่ได้ให้คำตอบหรือความกระจ่างกับเธอและครอบครัวแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟาบิโอ โดยเฉพาะประเด็นที่บาดใจที่สุดคือใครฆ่าเขา?
ก่อนหน้านี้ อลิซาเบ็ตต้าเดินทางมายังเมืองไทยเพื่อเร่งรัดหาคำตอบ และได้นำหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะรูปภาพมามอบให้กับทางการไทย แต่แล้วทุกอย่างก็หายเข้ากลีบเมฆ “เสมือนว่าพี่ชายได้หายตัวไปในอากาศ” (“....disappeared into thin air...”)
เธอจึงเขียนต่อไปว่า คำเชิญเธอและครอบครัวไปร่วมงานฉลองในครั้งนี้ นอกจากจะแสดงความไร้มารยาทและความเย็นชาต่อชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ยังทำให้เธอหมดความมั่นใจว่าผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมพี่ชายของเธอเยี่ยงการกระทำของสัตว์ป่านั้นจะมีคำตอบใดๆ รออยู่ที่ปลายอุโมงค์
แต่ประเด็นที่สาธุชนทั้งหลายควรต้องอับอายกันเป็นพิเศษ คือครอบครัวโพเล็งกี้กล่าวประณามทางการไทยที่ได้เสนอจ่ายเงินชดเชยการตายของนายฟาบิโอฯ
เธอกล่าวว่า เงินจำนวนนี้คือความพยายามในการ “ปิดปาก” ครอบครัวของเธอและพยายามจะพรากเกียรติยศฟาบิโอไปจากตัวเขา ครอบครัวโพเล็งกี้จึงขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงกับพฤติกรรมที่ไร้ความเป็นมนุษย์นี้
จดหมายระบุต่อไปอีกว่าการปฏิบัติเยี่ยงนี้ต่อฟาบิโอทำให้ครอบครัวของเธอและชาวอิตาเลียนทั่วประเทศเชื่อว่า การเสียชีวิตของประชาชนชาวไทยผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนร้อยๆ นั้นคงปิดฉากลงโดยปราศจากคำตอบที่แท้จริงอีกเช่นกัน
จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นง่ายๆ และยาวเพียงหนึ่งหน้ากระดาษ แต่เสมือนจิกเข้าไปในหน้าหนาๆ ของเผด็จการโบราณของไทยที่มีความสุขอยู่ท่ามกลางเลือดและน้ำตาของผู้บริสุทธิ์ จนทะลุเข้าไปได้
จดหมายฉบับนี้จะได้รับการถ่ายทอดต่อกันไปอย่างไม่สุดสาย เพื่อให้โลกเห็นว่าคนไทยที่ใจดีมีเมตตาธรรมกันถ้วนทั่วนั้น ถูกปกครองด้วยคนใจชั่วที่หลบอยู่หลังรูปทองอย่างไร
และจดหมายฉบับนี้ก็จะเป็นนาฬิกาปลุกอีกเรือนหนึ่งที่จะทำให้ชาวไทยในภวังค์ได้ลืมตาตื่นขึ้นมายอมรับความจริงอันเจ็บปวดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า...
เขาไม่ใช่คนดี.
-------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00 น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก : wwwthaipeoplenews.blogspot.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น