ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ให้เวลา-อย่าเซ็ง โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ให้เวลา-อย่าเซ็ง
โดย กาหลิบ
พรรคพวกเล่าว่าขณะนี้พี่น้องเสื้อแดงเป็นจำนวนมากกำลังรู้สึก “เซ็ง” กับวิธีการและบรรยากาศการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งความไม่ชัดเจนของแนวทางการต่อสู้ หรือความรู้สึกว่าได้เกิดการสมานฉันท์อย่างเสียเกียรติขึ้น
ถึงความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าพี่น้องฝ่ายประชาธิปไตยจะหันหลังกลับในทางอุดมการณ์ เพราะแนวคิดไปไกลเกินกว่าลมจะหวน แต่เราก็ควรถนอมน้ำใจกันเองด้วยการวิเคราะห์ว่าบรรยากาศเช่นนี้แปลว่าอะไรและน่าจะนำไปสู่อะไร อย่างน้อยก็คงลดปริมาณความรู้สึกเซ็งลงบ้าง
ใครก็ตาม หากมองสถานการณ์ไทยทั้งภาพและตั้งทัศนะในระดับระบอบแล้ว จะเข้าใจทีเดียวว่ามันต้องเป็นเช่นนี้เอง เป้าต่อสู้ของพวกเราเริ่มจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ ผู้พิพากษาและสิ่งที่เรียกว่ากระบวนการยุติธรรม กองทัพ ไปจนถึงองคมนตรีและทำท่าจะขยายผลต่อ
กลายเป็นการต่อสู้ทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่การอภิวัฒน์ พ.ศ.๒๔๗๕ เป็นต้นมา
บางคนเห็นไปว่าขณะนี้กลับยิ่งใหญ่กว่า ๒๔๗๕ ในแง่ที่ว่ามวลมหาประชาชนเข้าร่วมขบวนด้วยอย่างกล้าหาญมุ่งมั่น
เรื่องใครยิ่งใหญ่กว่าใครนี้ ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เอาอย่างหมอเหล็ง ศรีจันทร์ผู้รวมกลุ่มขึ้นมาเรียกร้องและแสวงหาประชาธิปไตยจนถูกจำคุกและเกือบถูกประหารชีวิตในเหตุการณ์ที่ฝ่ายผู้ชนะเขาจิกเรียกว่า “กบฎ ร.ศ. ๑๓๐” ดีกว่า ท่านเดินทางมาแสดงความยินดีกับพระยาพหลพลพยุหเสนาเมื่อการอภิวัฒน์ประสบผลสำเร็จ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมและแสดงความชื่นชมอย่างสูง
เจ้าคุณพหลฯ ท่านกลับตอบถ้อยคำอันเป็นปิยวาจานั้นว่า “ถ้าไม่มีคณะของคุณ ก็คงไม่มีคณะของผม”
ขบวนประชาธิปไตยไม่เคยแข่งขันกันในความยิ่งใหญ่ โด่งดังหรือแสวงหาผลประโยชน์ ทุกชิ้นของทุกคนที่ได้เคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ย่อมเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการก่อสร้างระบอบประชาธิปไตยในภาพใหญ่
เมื่อเราสู้กันมาถึงระดับนี้ เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้นำ แกนนำ และมวลชนที่ร่วมสู้จะตระหนักถึงความจริงอันยากลำบากว่า ขณะนี้เราดั้นด้นกันมาจนถึงภูผาแล้ว สงครามแท้จริงไม่ได้อยู่ในช่วงปีที่ผ่านมา แต่อยู่ในก้าวย่างจากนี้ไปจนถึงที่สุด
เวลานี้คือจังหวะที่ยากลำบากที่สุดของการต่อสู้ โดยเฉพาะในการรวบรวมความกล้าหาญเพื่อประกาศต่อประเทศชาติและประชาคมโลกว่าเรากำลังต่อสู้กับสิ่งใด กับใคร
และข้อเสนอเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองโดยมีนัยยะสำคัญนั้นคืออะไร
ไม่ว่าใครมาถึงขั้นนี้ ก็ต้องไตร่ตรองด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ ละเว้นการใช้อารมณ์ความรู้สึกให้ได้มากที่สุดเพื่อถามตัวเองเสียให้ชัด
ระบอบเผด็จการไม่ต้องเสียเวลาถามตัวเอง เพราะเขาใช้ระบบควบคุมบังคับและใช้อำนาจเพื่อให้บรรลุผลความต้องการของเขา แต่ผู้ร่วมก่อสร้างระบอบประชาธิปไตยไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะเราจะไม่เอาเผด็จการใหม่ไปแทนเผด็จการเก่า แต่ต้องการสังคมใหม่ที่ยอมรับนับถือในความเป็นมนุษย์มากขึ้น ถึงจะยุ่งยากและเสียเปรียบเผด็จการในระยะต้นบ้างก็ตามที
ความเห็นที่แตกต่างในขบวนประชาธิปไตยขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น นปช.แดงทั้งแผ่นดิน คุณทักษิณฯ พรรคเพื่อไทย นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย แดงสยาม และอื่นๆ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตั้งคำถามและหาคำตอบในเวลาที่สำคัญนี้ทั้งสิ้น
เราต้องยอมอดทนและให้เวลากับการปรับเปลี่ยนตามธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
อย่ากลัวว่าจะแพ้ แนวทางของใครที่ไม่ใช่ เขาจะปลีกตัวหรือผละออกจากขบวนไปเรื่อยๆ ผู้ที่มุ่งมั่นในการต่อสู้อันแท้จริงก็จะรวมกลุ่มกันใหม่และแน่นขึ้นเรื่อยๆ (regrouping) เพื่อเดินให้กระชับและมุ่งตรงไปสู่ผลในที่สุด
คิดเร็วเดินเร็วโดยปราศจากความถ่องแท้เสียอีก จะนำผลร้ายมาสู่ขบวนของเราได้
โปรดอย่าเซ็งและมาใช้เวลานี้ให้สมค่าด้วยหัวใจอันปีติเถิดครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น