ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เครื่องมือเผด็จการ โดย กาหลิบ


คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง เครื่องมือเผด็จการ
โดย กาหลิบ

ผู้ใดยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.๒๕๕๑ หรือ พรบ.ความมั่นคงฯ อันเป็นเครื่องมือปัจจุบันที่เผด็จการไทยงัดเอาใช้แทนกฎหมายฉุกเฉินต่างๆ ขอแนะนำให้ท่านหาเวลาและเร่งศึกษาโดยด่วน ก่อนที่จะกลายเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายของเครื่องมือชิ้นนี้โดยไม่ได้ตั้งตัว

เอาบทคัดย่อขึ้นมาพูดไว้ตรงนี้ก่อนเลยก็ได้ว่า พรบ.ความมั่นคงฯ ฉบับนี้ เป็นภาพลวงตาที่ฝ่ายเผด็จการไทยสร้างขึ้นมาหลอกคนไทยและชาวโลกว่า ไม่รุนแรงเท่ากับกฎหมายฉุกเฉินที่ผ่านมา

เขาพยายามบอกว่าการ “ลด” ลงมาใช้ พรบ.ความมั่นคงฯ เป็นหลักฐานว่าสถานการณ์การเมืองดีขึ้น แท้ที่จริงแล้ว ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยต่างอยู่ภายใต้กฎหมายที่โหดเหี้ยมขึ้น แนบเนียนขึ้น และละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์มากกว่าเก่า

การแอบใช้อำนาจเผด็จการในเวลาที่เสมือนว่าปกติ ไม่มีปัญหารุนแรงใดๆ ให้เห็นนั้น เป็นความชำนาญพิเศษของหัวหน้าใหญ่ของระบอบเผด็จการศักดินา-อำมาตยาธิปไตยไทยมาแต่ไหนแต่ไร พวกเราในฝ่ายประชาธิปไตยจึงประมาทมิได้และต้องตั้งสติให้ดี

การอุ้มฆ่า “ดีเจแดง คชสาร” และเอาศพไปทิ้งไว้ในป่าที่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ โดยยัดข้อหายาบ้าให้เสร็จสรรพเมื่อไม่กี่วันนี้ เกิดขึ้นในช่วงเชื่อมต่อระหว่างกฎหมายฉุกเฉินและ พรบ. ความมั่นคงฯ และจะไม่ใช่ความสูญเสียครั้งสุดท้ายของฝ่ายประชาชนในศึกชนช้างกับเจ้าของประเทศไทย

พรบ.ความมั่นคงฯ คือมรดกก้อนใหญ่ที่สุดของปิศาจผู้ก่อการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ที่ยกร่างขึ้นมาในปี พ.ศ.๒๕๕๐ และผ่านออกมาเป็นกฎหมายเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนรัฐบาลสมัคร สุนทรเวชไม่กี่วัน จนดูออกว่ารีบเร่งออกมาเพื่อเตรียมเล่นงานรัฐบาลประชาธิปไตยที่ “ดัน” เกิดใหม่ได้อีกครั้งในนามพรรคพลังประชาชน

ลองยกเนื้อหามาพิจารณาเพียงบางส่วนก็ได้

กฎหมายฉบับนี้ให้ชีวิตใหม่กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. โดยตรง เพราะคือกฎหมายรองรับหรือเป็น “ตัวพ่อตัวแม่” ของหน่วยงานอันร้ายกาจนี้ คำว่ารองรับหมายถึงทั้งในแง่ระบบบริหาร การจัดสรรงบประมาณ สายการบังคับบัญชา และความสามารถจะใช้อำนาจล้นพ้นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ครบถ้วนสมบูรณ์หมด ว่าไปแล้วสมบูรณ์ยิ่งกว่า ศอฉ. ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจมากนัก

ถึงจะพรางตาด้วยการให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. และผู้บัญชาการทหารบกเป็นรอง เพื่อให้เกิดภาพว่าไม่ใช่ระบบทหารนำ แต่การใช้อำนาจเรื่อยลงมาทั้งหมดเป็นโครงสร้างของกองทัพบกโดยแท้ เสนาธิการทหารบกเป็นเลขาธิการ รมน. โครงสร้าง กอ.รมน. ระดับภาคก็ให้แม่ทัพทั้ง ๔ ภาคเป็นหัวหน้า

ใส่หน้าคนเข้าไปในตำแหน่งสักนิดอาจจะเห็นชัดขึ้น

นอกจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในตำแหน่งรอง ผอ.รมน. จะสามารถนั่งเป็นประธานแทนนายอภิสิทธิ์ฯ ได้ทุกเวลานาทีแล้ว สายพันธุ์ร่วมอย่าง พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบกและเลขาธิการ รมน. ยังได้รับการแต่งตั้งโดยมติ กอ.รมน. ให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์ตรวจสอบสถานการณ์ (ศตส.) อีกต่างหาก

ศตส. จึงมาแทน ศอฉ. และคนอย่าง พลเอกดาว์พงษ์ฯ ก็มาแทนนายสุเทพ เทือกสุวรรณ แถมยังมี พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นที่ปรึกษา ศตส. อีกต่างหาก

อำนาจ กอ.รมน. ตาม พรบ.ความมั่นคงฯ สามารถล้วงลึกเข้าไปในทุกหย่อมหญ้าด้วยโครงสร้างในระดับภาคและจังหวัดที่ทหารและคนที่ทหารเลือกคอยคุม ข้าราชการคนไหนขวางหรือทำให้ไม่พอใจก็มีอำนาจย้ายได้ในทันที โดยใช้หลักย้ายก่อนอธิบายทีหลัง

กอ.รมน. ระดับภาคมีอำนาจตั้งที่ปรึกษาได้ถึง ๕๐ คน กอ. รมน. ระดับจังหวัดได้ ๓๐ คน โดยได้รับเงินค่าตอบแทน แปลว่าเขาสามารถดึงขาใหญ่ในแต่ละท้องถิ่นเข้ามาเป็นพวกได้และลดทอนอำนาจของฝ่ายประชาชนลงไปในเครือข่ายที่เป็นประหนึ่งมาเฟียใหม่

แต่สำคัญที่สุดคือ ความหมายของการรักษาความมั่นคงตาม พรบ.ฉบับนี้ ซึ่งเขียนไว้กว้างขวางอย่างชนิดที่รัฐเผด็จการตรงๆ ยังอาย

“มาตรา ๓....... “การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร” หมายความว่า การดำเนินการเพื่อป้องกัน ควบคุม แก้ไข และฟื้นฟูสถานการณ์ใด ที่เป็นภัยหรืออาจเป็นภัยอันเกิดจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ก่อให้เกิดความไม่สงบสุข ทำลาย หรือทำความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ ให้กลับสู่สภาวะปกติเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ...”

สำคัญตรงวลี “...ที่เป็นภัยหรืออาจเป็นภัย...” นั่นเอง

แปลไทยเผด็จการมาเป็นไทยประชาธิปไตยได้ว่า แม้เหตุการณ์ยังไม่เกิด เพียงเจ้าหน้าที่เกิดลางสังหรณ์หรือหวาดระแวงว่าจะเกิด ก็สามารถใช้อำนาจอันล้นพ้นตามกฎหมายของสภาเผด็จการฉบับนี้ได้อย่างเต็มอัตราในทันที

ลิดรอนสิทธิของประชาชนทั้งประเทศได้ตามความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ต้องมีหลักฐาน หรืออ้างเอาได้ตามใจของเหล่ามาเฟียประเทศไทยในทุกเวลา

นี่ล่ะครับ ยอดของเผด็จการ หรือพูดอย่างชาวบ้านคือเผด็จการโคตรพ่อโคตรแม่

ใครละเมอเพ้อพกอยู่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นหลังเลิกใช้กฎหมายฉุกเฉิน โปรดตื่นจากหลับ

แล้วมาเร่งศึกษาเครื่องมือเผด็จการชิ้นนี้ให้ละเอียดเถิด

แล้วได้รู้ว่าสงครามเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น.

----------------------------------------------------------------
สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00 น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก : http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น