ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ระดับระบอบ โดย กาหลิบ


******************************************************************************

“ ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป
แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะ
เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ยอมฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร “

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก
วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
เวลา ๑๓ นาฬิกา ๔๕ นาที


*****************************************************************************

คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?

เรื่อง ระดับระบอบ

โดย กาหลิบ


ถ้ามองให้ทะลุหมอกควันที่ปกคลุมเมืองไทยในขณะนี้อยู่ เราจะเห็นได้ว่าการสู้รบในทุกมิติของทั้งสองฝ่ายหลัก คือฝ่ายอำนาจเก่าและฝ่ายประชาชน ได้ยกขึ้นไปสู่ระดับระบอบเรียบร้อยแล้ว

เราเคยพูดกันแล้วว่า ระบอบ กับ ระบบ อยู่คนละระดับ ระบบคือส่วนเล็กที่อยู่ภายในระบอบ โดยระบอบเป็นเสมือนกรอบใหญ่ที่สุดหรือหลังคาที่ครอบคลุมทุกระบบย่อยนั้นไว้ อำนาจสูงสุดของรัฐย่อมอยู่ในระดับระบอบ แต่ผู้มีอำนาจที่ต้องการยื้อยุดอำนาจนั้นไว้ในมือ จะสกัดกั้นทุกวิถีทางมิให้การปะทะทางการเมืองยกระดับขึ้นไปสู่การเผชิญหน้าในระดับระบอบได้ เพราะถ้าถึงแล้ว ก็จะไม่มีทางเลือกใดๆ เหลืออีกเลย นอกจากสงครามกลางเมืองที่จะต้องสูญเสียกันมาก

ปัญหาคือ ยิ่งไม่ต้องการการต่อสู้ในระดับระบอบ แต่ตัวแทนของระบอบกลับส่งสัญญาณให้เครือข่ายของตนแสดงบทบาททางการเมืองที่สร้างแรงกดดันทางการเมืองและผลักดันสถานการณ์รวมไปสู่จุดนั้นมากขึ้นทุกขณะ

โดยเฉพาะกองทัพบกที่เป็นเครื่องมือหลัก (สลับกับสถาบันตุลาการในฐานะเครื่องมืออันดับหนึ่งและสอง) ขณะนี้ออกมาแสดงบทบาทมากเป็นพิเศษ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งให้หน่วยงานคุมกำลังในบังคับบัญชาออกมาปรากฏตัวจนประจักษ์แก่สายตา (visibility) ลูกน้องในสายเดียวกันอย่าง พลตรี กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสนับสนุน จุดยืนของผู้บัญชาการทหารบก ด้วยวาทกรรมเก่าๆ ย้อนยุค ที่มีความหมายทางการเมือง เช่น นักการเมืองเล่นการเมือง” “บูชาเกียรติยศมากกว่าเงินตราเป็นต้น

การกล่าวหาว่านักการเมืองเล่นการเมือง เป็นวิธีสื่อสารว่า ผู้มีบทบาททางการเมืองทั้งหลายที่มาจากการเลือกตั้ง ต่างขาดความเหมาะสมที่จะเข้ารับอำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศ คนเหล่านี้ถูกฝึกให้ใช้คำว่าการเมืองในมิติลบโดยตลอด โดยต้องการให้มวลชนนึกถึงความฉ้อฉล ผลประโยชน์ และความโง่เขลาในการบริหารชาติ มากกว่าความเป็นประชาธิปไตยและประโยชน์ในทางนโยบาย ในขณะที่ปกปิดความชั่วร้ายเชิงระบอบของตนเองด้วยสื่อกระแสหลักและนักวิชาการสมุนรับใช้

การจี้ไปที่บทบาทของ เงินตราก็หวนกลับไปโจมตี ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้บทละครเดิมที่เขียนขึ้นมานานแล้วโดยสื่อในเครือผู้จัดการ โดยปิดบังความจริงว่า เงินตราสะพัดอยู่ในระบอบเก่าของไทยหนักหนาสาหัสกว่าในระบอบประชาชน ทั้ง ทรัพย์สินฯทั้งกลุ่มธุรกิจที่รับใช้ผู้มีอำนาจสูงสุดจนได้รับสัมปทานผูกขาดและต้องคอยจ่ายค่าต๋งย้อนคืน แม้กระทั่งรัฐประหารแต่ละครั้งก็ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการอัดฉีด เมื่อครั้ง พ.ศ.๒๕๔๙ ก็เอาเงินสดใส่ถุงพลาสติกออกไปจ่ายแจกตามรถถังจุดละหลายล้านบาท เพื่อประกันความ จงรักภักดี

ยิ่งฝ่ายอำนาจเก่าเข็นกันออกมาเล่นบทบาทเท่าไหร่ ก็ยิ่งเร้าให้สถานการณ์ยกระดับจากการต่อสู้เผด็จการเฉพาะหน้า กลายเป็นต่อสู้กับเผด็จการระดับโครงสร้าง ที่เปรียบเสมือนเซลล์มะเร็งในร่างกาย จนสุดท้ายก็ถึงความคิดที่จะเปลี่ยนโครงสร้าง และดุลทางอำนาจทั้งหมด เนื่องจากหมดหนทางใดๆ อีกต่อไป

สำหรับผู้ที่ยังเชื่อว่า การต่อสู้ในระดับระบอบและโครงสร้างนั้น ใหญ่โตเกินไปหรือ ไม่มีทางจะเป็นไปได้โปรดทราบด้วยว่าท่านอาจจะไม่มีทางเลือก

การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในประวัติศาสตร์ไม่เคยกระทำสำเร็จเมื่อ ทุกๆ ฝ่ายในสังคม พร้อมหากเกิดขึ้นเมื่อมวลมหาประชาชนมีมติตรงกันว่า สถานภาพทางการเมืองที่เป็นอยู่มีความเลวร้ายจนเหลือที่จะกล่าว ไม่อาจยอมให้ดำรงสภาพอยู่ต่อไปได้ต่างหาก

ปฏิวัติฝรั่งเศสก็ไม่พร้อม ได้อำนาจรัฐในห้วงแรกแล้วก็ต้องล้างเลือดกันระลอกแล้วระลอกเล่ากันอีกหลายสิบปี จนระบบต่างๆ เริ่มลงตัว ระบอบจึงบังเกิดขึ้น และเสถียร ถือเป็นหลักชัยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ได้

ปฏิวัติรัสเซียเมื่อล้มพระราชวงศ์ได้แล้วก็ปฏิวัติซ้ำ โค่นกันอีกหลายครั้งจนพรรคคอมมิวนิสต์ใต้ วลาดิเมียร์ เลนิน ได้รับอำนาจสูงสุดและวางเครือข่ายของประเทศใหม่ สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีก

แม้แต่ปฏิวัติในยุคหลังอย่างชิลี อิหร่าน กัมพูชา ยูเครน ยูโกสลาเวีย ตูนิเซีย อียิปต์ ฯลฯ ก็ล้วนต้องอาศัยเวลาในการปฏิวัติเป็นระยะๆ ไปทั้งสิ้น ไม่มีรายไหนเลยที่ทำครั้งเดียวแล้วลงตัวได้ผล นี่คือสัจธรรมของความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมโดยมนุษย์

เมืองไทยเราเดินเข้าสู่ถนนสายปฏิวัติเพราะรู้สึกอย่างเดียวกับมวลชนปฏิวัติในอดีตว่าวิกฤติในปัจจุบันไร้ทางออกตามประเพณีเสียแล้ว เพียงแต่หลายคนยังติดยึดกับ ระบบเล็กๆ น้อยๆ เช่น เวทีชุมนุมประท้วง พรรคการเมืองแนวเก่า การเลือกตั้งในระบอบเดิม เป็นต้น ถึงขั้นนั่งแก้ตัวให้กับระบอบเก่าที่ประสบความล้มเหลว ถ้ากลับตัวไม่ทันอาจจะพลาดพลั้งลงหลุมไปพร้อมกับเขาอย่างน่าเสียดายเป็นที่สุด

รัฐไทยในการเผชิญหน้าใน ระดับระบอบถือเป็น สถานการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากห้าปีที่ผ่านมา.

-------------------------------------------------------------------------------

สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น