เพราะผมกลายเป็นตัวข่าวเสียเองในห้วงเวลาที่ผ่านมา ก็เลยส่องกล้องเข้าไปดูเบื้องหลังเรื่องราวโดยละเอียดจนเข้าใจความเจ้าเล่ห์ของอำมาตย์ไทยขึ้นเยอะทีเดียวครับ
วันนี้จะขอเล่าให้ท่านฟังสนุกๆ
แผนการนี้เริ่มต้นจากรายงานข่าวภาษาอังกฤษธรรมดาชิ้นหนึ่ง โดยนักข่าวสัญชาติอเมริกันชื่อ นายชอว์น คริสพิน ที่เคยถูกดำเนินคดีสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไปเขียนข่าววิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลระดับสูงของไทยกับผู้นำทางการเมืองในขณะนั้นและเคยลุกขึ้นมาถามคำถามแรงๆ กับคุณทักษิณกลางที่ประชุมผู้สื่อข่าวอย่างคนที่มีอะไรในใจ เวทีที่ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นนี้คือเว็ปไซต์ที่มีชื่อว่า Asia Times Online
เนื้อข่าวเขียนราวกับนิยายว่า นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ให้สัมภาษณ์กับเขาเกี่ยวกับแผนการขนส่งอาวุธจากกัมพูชาเข้ามาปฏิบัติการในเมืองไทย เพื่อหวังผลเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยใช้กำลังและความรุนแรง คนที่อ่านย่อมนึกคล้อยตามใน ๒ ประเด็นเป็นอย่างน้อย นั่นคือ ๑)ผมได้พูดจริงเกี่ยวกับการขนส่งอาวุธ ๒) ฝ่ายเรามีความเกี่ยวข้องทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา
ตอนแรกผมรู้สึกขำ เพราะแต่งกันเป็นตุเป็นตะ แต่ต่อมาปรากฏว่ามีคนส่วนหนึ่งเชื่อขึ้นมาเพราะสื่อไทยส่วนที่ไม่หวังดีนักเอาเรื่องนี้มาตีกระหน่ำเพิ่มเติมจนเป็นข่าว จนแม้กระทั่งผู้ใหญ่หลายคนในฝั่งประชาธิปไตยก็ทำท่าจะคล้อยตามเชื่อเขาขึ้นมาด้วย ผมจึงตัดสินใจแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พ.ย. ๒๕๕๒ เวลา ๑๔.๓๐ น. โดยผ่านอินเตอร์เน็ตไป สื่อมวลชนมากันมากในวันนั้น ผมได้แจกเอกสารสั้นๆ ชิ้นหนึ่งประกอบการแถลงข่าวด้วย ขอนำมาพิมพ์ไว้เป็นหลักฐานตรงนี้อีกทีครับ:
เอกสารประกอบการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำขบวนการประชาธิปไตย
ณ อิมพีเรียลเวิร์ลด์ ลาดพร้าว วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น.
ตามที่เกิดข่าวว่าผมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านและอาวุธยุทโธปกรณ์ จนทำให้มวลชนเกิดความสับสนและอาจเสียหายต่อแนวทางของฝ่ายประชาธิปไตยได้ ผมขอปฏิเสธข่าวดังกล่าว และขอยืนยันว่า ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์ไปเช่นนั้นเลย
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เป็นข่าวคือ นายชอว์น คริสพิน (Shawn Crispin) ของ Asia Times Online ได้นัดเข้ามาสัมภาษณ์ผมเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ผ่านผู้ประสานงานสื่อต่างประเทศของผม และได้ถ่ายภาพการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไว้เป็นหลักฐานด้วย เราได้สนทนากันกว้างๆ ในประเด็นอนาคตของการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยและวิสัยทัศน์ของผมต่อการเมืองไทยในอนาคตหลังจากนั้นไม่นานนายชอว์นฯ ก็เขียนรายงานจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยแพร่โดยทั่วไป และไม่ปรากฏว่ามีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับการสะสมหรือขนย้ายอาวุธเลย ผมกับนายชอว์นคุยกันครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการติดต่อใดๆ กันอีกเลยจนกระทั่งบัดนี้ เมื่อจู่ๆ มีประเด็นนี้โผล่ขึ้นมาในรายงานของเขาในช่วงนี้ และสื่อไทยบางส่วนก็คว้าเอาไปเล่นข่าวกันเสมือนเป็นเรื่องจริง โดยไม่เคยตรวจสอบกับผมเลยนั้น ทำให้เกิดคำถามว่าคนเหล่านี้มีแผนอะไรกัน ผมขอตั้งประเด็นไว้ว่านี่เป็นเจตนาป้ายสีต่อตัวผมโดยหวังให้เกิดผลบางอย่างในทางการเมือง ผมขอย้ำว่าการเตรียมการใดๆในการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นจากสถานที่ใดก็ตาม ไม่ใช่แนวทางของผมและผู้สนับสนุนตัวผมอย่างเด็ดขาด การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมืองไทยจะต้องเกิดจากพลังขับดันภายในประเทศและเกิดโดยสงบสันติ เมื่อปวงชนชาวไทยมีความพร้อมแล้วเท่านั้น
ผมขอเรียกร้องฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยด้วยว่า โปรดฟังหูไว้หู ไตร่ตรองโดยแยบคายก่อนจะเชื่อข่าวสารใดๆ และอย่ากระทำการใดๆ ที่เป็นการเหยียบย่ำคนในฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเพื่อให้ทางศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์กันและกันกระทำได้เสมอเพราะเราเป็นนักประชาธิปไตย แต่การเลยเถิดไปถึงขั้นใช้วิชามาร เช่น การป้ายสีตีตรา การทำร้ายผู้สนับสนุนของอีกกลุ่มหนึ่งเพราะลุ่มหลงในลัทธิพรรคพวกอย่างเกินเลย เป็นต้น พึงละเว้นเสีย
ขอขอบพระคุณสื่อมวลชนที่รักยิ่งทุกๆ ท่านครับ
จักรภพ เพ็ญแข
ครับ ก็แถลงกันตรงๆ ซื่อๆ อย่างนั้นแหละ ผมมาหวนคิดว่าเล่ห์กลของอำมาตย์นี่มันมากมายเสียจริงๆ งานนี้ผมเคยคุยกับผู้สื่อข่าวในกรอบวิชาการ ซึ่งแปลว่าไม่ใช่ข่าวและข้อเท็จจริง แถมยังคุยกันมานานเกินครึ่งปีแล้ว ก่อนจะเกิดเหตุการณ์สงกรานต์เลือดและก่อนที่ผมจะเดินทางออกนอกประเทศ พอมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเยือนกัมพูชาเท่านั้นเอง ก็เกิดการ “เต้า” ข่าวขึ้นขนานใหญ่ จับแพะชนแกะให้วุ่นวายไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีเสียงแอะออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
ไม่ต้องแปลให้มากความก็รู้ความครับ นี่คือแผนสร้างภาพของอำมาตย์ไทยที่ใส่ไคล้ว่า การเยือนกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ครั้งนี้ไม่ใช่เกียรติยศของชาติและประชาชนชาวไทย แต่เป็นแผนลึกลับซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการใช้กำลังจากกัมพูชาเข้ามาปฏิบัติการในเมืองไทย แต่ลำพังพ.ต.ท.ทักษิณฯ คนเดียวอาจจะดูน้อยไป ไม่เป็นทีม เลยยืมชื่อของผมพ่วงเข้าไปด้วย โดยไปขุดเอาเรื่องเก่าๆ ในเหตุการณ์อื่นมาปัดฝุ่น แถมด้วยชื่อของผู้ใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตยที่นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นอย่าง น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และอดีตประธานรัฐสภาอย่างคุณยงยุทธ ติยะไพรัช
พูดตรงๆ แล้วผมขำเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะบางเวทีสื่ออย่าง “มติชนออนไลน์” ที่พาดหัวข่าวเสียน่าหวาดเสียวในทำนองว่าจักรภพจะขนอาวุธมาที่ร้านเรดช็อปในวันที่แถลงข่าว ก็ยิ่งชวนหัวร่องอหาย แต่เมื่อมวลชนฝ่ายเราเองเกิดสับสนไปด้วย และผู้ใหญ่ที่ควรเข้าใจในวิชามารของฝ่ายตรงข้ามเกิดคล้อยตาม ก็เห็นความจำเป็นที่ต้องอธิบายความกันบ้าง แต่ก็อธิบายไปหัวเราะไปครับ
ประกาศไว้เสียตรงนี้อีกครั้งว่า คนอย่างผมตั้งอยู่บนหลักการดังต่อไปนี้เท่านั้น และจะไม่เดินออกจากหลักการนั้น:
๑. การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมืองไทย ต้องเกิดจากพลังขับดันภายในประเทศ
๒. สู้ด้วยกำลังและการยืดหยัดของมหาประชาชน ไม่ใช่กำลังอาวุธยุทโธปกรณ์
๓. ถึงจะแสวงหาความร่วมมือจากนานาชาติ แต่ยึดผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไทยเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนอื่น
๔. เชื่อมั่นศรัทธาในกำลังกาย ใจ และปัญญาของปวงชนชาวไทย
๕. มุ่งสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ฝ่ายอำมาตย์ออกแบบและกำหนดให้
นอกเหนือจากนี้ ไม่ใช่จักรภพ เพ็ญแขครับ.
****************************************************
***"TPNews" ขอเชิญผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตยทุกท่าน สมัครเป็นสมาชิกข่าวสั้นผ่านมือถือ (SMS) เพื่อนำรายได้ช่วยสนับสนุนการต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย***
***TPNews (Thai People News) : ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-456 6794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)****
***********************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น