ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อารมณ์กร้าวร้าวรุนแรง ยิ่งทำให้แย่ลงนะท่านผู้นำ โดย พระพยอม กัลยาโณ

โดย : พระพยอม กัลยาโณ
ที่มา : สำนัก (ข่าว) พระพยอม นสพ.โลกวันนี้วันสุข
ศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2552

การตอบโต้กันด้วยอารมณ์ของทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการให้สัมภาษณ์ที่ใช้คำท้าทายกันตลอดชนิดไม่มีใครกลัวใคร อาจเป็นต้นตอทำให้พังด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ใช้อารมณ์ แต่ใช้สติและความใจเย็น เรื่องราวที่ทำท่าจะร้ายอาจจะไม่รุนแรงก็ได้ และไม่เกิดความเสียหายมากมายต่อทั้งสองประเทศ แต่ถ้ายังใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ไม่เอาความปรารถนาดีต่อกันนำหน้า ใช้แต่อารมณ์นำหน้ามากกว่าเหตุผล กว่าจะสำนึกได้ก็คงสายไปแล้ว เหมือนกับคนที่รู้สึกว่าตัวเองเพลี่ยงพล้ำไป รู้ว่าทำอะไรไม่เป็นการบังควรจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา

ถ้าหากการเจรจายังยืนอยู่บนอคติของผู้นำทั้งสองแล้ว โดยต่างตั้งธงว่าจะไม่มีการปรารถนาดีต่อกัน เชื่อว่าจะเกิดการกระทำตามที่ตั้งธงกันไว้

ฉะนั้นจึงอยากนำเรื่องราวต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเราต้องอดทนอดกลั้นเมื่อมีข้อพิพาทกับต่างชาติในสมัย ร.5 ในขณะนั้นต่างชาติใช้กำลังที่เข้มแข็งกว่ารุกรานเรา ทำให้เราต้องใจเย็น ใช้สติคิดอย่างรอบคอบ เราจึงรอดมาได้ แต่มาดูสถานการณ์ในวันนี้ที่เรามองว่าเราเหนือกว่าเขมรทุกอย่าง แต่เรายังต้องรักษาอารมณ์ของเราให้ได้ในระดับที่พอจะสมานฉันท์ต่อกัน เพราะหากเพื่อนบ้านเปลี่ยนมาเป็นศัตรูแล้วจะไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งคู่ มีแต่เสียกับเสีย การเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตรน่าจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

พูดเรื่องนี้ทำให้นึกถึง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ที่เคยใช้นโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า ถึงแม้ว่าบุคลิกของท่านจะดูเป็นนักซิ่งแต่ท่านก็อารมณ์ดี คนอารมณ์ดีย่อมทำให้ทุกอย่างดีได้

ลักษณะอย่างนี้ทำให้พวกเราโชคดีที่เคยมีผู้นำอารมณ์ดี มีแนวทางเจรจาทางการทูตที่สร้างสรรค์กับประชาชน

เพราะฉะนั้นการที่คนเราสามารถรักษาอารมณ์ให้ดีและยึดเหตุผลในการพูดจากัน โดยต่างฝ่ายต่างไม่ท้าทายกันด้วยคำพูด ไม่ใช้อำนาจข่มขู่กดดันด้วยความก้าวร้าวน่าจะดีกว่าความแข็งกร้าวที่เป็นอยู่ ความแข็งกร้าวคนโบราณเขาบอกไว้ว่า “แข็งได้มันก็บิ่นได้” เหมือนกับเหล็กที่แข็งย่อมบิ่นได้ไม่ต่างกัน และความรุนแรงก็จะเป็นแค่เรื่องสะใจที่ออกมาจากความบ้าบิ่น เพราะใช้ความก้าวร้าวทุ้มใส่กัน ทำให้มิตรกลายเป็นศัตรูไปเปล่าๆ เพื่อนบ้านก็จะกลายเป็นเพื่อนบ้าที่ต้องมาห้ำหั่นกันด้วยอารมณ์ดุดัน ก้าวร้าว ไม่มีเหตุผลจูงใจให้มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน สุดท้ายสถานการณ์ผกผันจนสร้างรอยร้าวรอยแค้นที่ขมขื่น ไม่มีความชื่นมื่น มีแต่เรื่องเจ็บปวด

ยิ่งในช่วงนี้มีการโหมกระแสรักชาติมาโดยตลอด เรียกว่ายิ่งปลุกยิ่งได้ผล เพราะอารมณ์กำลังขึ้นกันทุกคน กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว ทำให้เกิดสถานการณ์ร้ายๆจนเจ็บตาย เกิดหายนะขึ้นมาอย่างที่ไม่ควรจะเกิด ไม่ควรจะมีกับประเทศไทยที่บอกตัวเองว่ารักสงบ

มนุษย์ที่ดีควรหลีกเลี่ยงการก่อเกิดสงคราม ถ้ามนุษย์เกิดมาแล้วชอบทำสงครามก็จะกลายเป็นความอาภัพของประเทศนั้น หรืออาจเรียกว่าเป็นประเทศต้องคำสาป เพราะจะไม่ว่างเว้นจากสงคราม พอเว้นมาหน่อยก็หาเรื่องให้เกิดสงครามกันไปเรื่อย ถามว่าแล้วความเจ็บปวดจากสงครามตกอยู่ที่ใคร ก็ต้องตกอยู่กับประชาชนที่ต้องสังเวยชีวิตไปกับกระสุน คมหอกคมดาบ แล้วก็ต้องมานั่งน้ำตาอาบหน้าเพราะต่างก็ย่อยยับอัปรากันทั้งสองฝ่ายด้วยฤทธิ์ของสงคราม

ในหลายยุคหลายสมัยมีประเทศที่คอยยั่วยุให้เกิดสงคราม และก็มีอีกหลายประเทศที่เอาความเยือกเย็นเข้าสู้ ไม่อยากมีสงคราม โดยเอาความดีชนะความชั่ว ในที่สุดก็ผ่านไปได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเจ็บหรือล้มตาย ลักษณะอย่างนี้ถือว่าเป็นทูตสันติภาพ

เวลานี้ชาวบ้านที่ค้าขายตามแนวชายแดนเริ่มมีปัญหาบ้างแล้ว เพราะทั้งสองประเทศกำลังจะเปลี่ยนตลาดการค้าไปเป็นสงคราม ถึงเวลานั้นคงเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดกันจริงๆ บางคนอาจต้องล้มละลายทางทรัพย์สิน ทางการค้า การทำมาหากินจะไม่ประสบความเจริญรุ่งเรือง แต่จะเป็นไปด้วยความบอบช้ำ บาดเจ็บล้มตายโดยที่ไม่ทำให้เกิดคุณกับใครเลย

ทางที่ดีที่สุดขอให้ผู้นำของแต่ละประเทศใช้อารมณ์ที่สงบเยือกเย็น อย่าคิดแต่ว่าเป็นศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้ เพราะศักดิ์ศรีของมนุษย์จริงๆแล้วคือการเอาชนะโลภ โกรธ หลงให้ได้ ถ้าเรารู้จักยอมแพ้เพื่อเอาชนะกิเลสเสียบ้างก็จะอยู่กันง่าย แต่ถ้ายอมแพ้กิเลสแต่เอาชนะคน ความวุ่นวายก็จะไม่มีวันจบสิ้น มีแต่จะล้มหายตายจากกันไปชนิดที่เราอาจต้องพบเห็นในไม่ช้าไม่นาน ตามกฎของโลกที่ว่า “มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป” สงครามอาจดับไปพร้อมๆกับการดับของชีวิตมนุษย์ รวมไปกับสมบัติชาติที่จะถล่มทลายหายไป เงินทองที่มีก็จะถูกนำมาทำสงคราม แทนที่จะนำไปใช้พัฒนาลงทุนทำอะไรให้บ้านเมืองก้าวหน้า

ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเราไม่พัฒนาอารมณ์ให้ดี เขาบอกว่ามนุษย์เราจริงๆแล้วต้องการแค่อาหาร อาภรณ์ ยา และที่อยู่ ก็อยู่ได้ แต่จะอยู่กันอย่างสงบสุขได้ต้องมีเรื่องของอารมณ์ที่ดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เจริญพร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น