ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำท่วมระบอบไทย โดย กาหลิบ


คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?

เรื่อง น้ำท่วมระบอบไทย

โดย กาหลิบ

                มีงบประมาณในมือมหาศาล มีระบบราชการใหญ่โตอยู่ในมือ มีทหารครบสามกองทัพ ตำรวจทั้งสำนักงาน มหาดไทยทั้งกระทรวง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกหย่อมย่าน แถมยังมีเอกชนที่เขาหากินอยู่กับรัฐจนเกรงใจรัฐอีกนับจำนวนไม่ถ้วน แปลกไหมว่าทำไมรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภาจึงไม่อาจแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกรอบหลายปีได้

                จะด่ารัฐบาลชุดนี้ ห่วย” ก็คงมีคนร้องรับอย่างสะใจกันตั้งแต่เหนือจรดใต้

                แต่เรื่องนี้สะท้อนความเลวร้ายที่ลึกซึ้งกว่านั้นมากและเป็นความเลวร้ายในระดับระบอบเสียด้วย คำว่าห่วยอาจจะเบาเกินไปในกรณีนี้

                ปัญหาการจัดการทรัพยากรน้ำกระจายอยู่ใน ๒๒ หน่วย ๗ กระทรวงตามที่ท่องกันราวกับนกแก้วนกขุนทองนั้น ความจริงคือสิ่งที่บ่งบอกว่ารัฐบาลไทยไม่ใช่ผู้ประสานภารกิจหลักตัวจริงในเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่เกิดอะไรขึ้นรัฐบาลจะต้องเข้ามารับผิดชอบ

                พูดอย่างนี้ก็มิได้แปลว่ารัฐบาลไม่มีความผิด แต่เราต้องเริ่มวิเคราะห์ปัญหาเรื่องน้ำจากสภาพที่เป็นจริงในการเมืองไทยเสียก่อน

                หากถอดวิญญาณไปถามนายกรัฐมนตรีทุกคนตั้งแต่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เรื่อยมา ไม่ว่าแบบลากตั้งหรือเลือกตั้งก็ตาม ท่านเหล่านี้จะบอกความจริงว่ารัฐบาลเป็นแค่เสมียนในปัญหาน้ำเท่านั้น

                ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เกิดบริษัทคูคลองสยามขึ้นที่รังสิต ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นกันว่านี่คือระบบบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจนเป็นแห่งแรก ส่วนที่งานนี้จะทำให้ราคาที่ดินของใครในบริเวณนั้นเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาล จนกลายเป็นมรดกตกทอดมากดขี่กันได้เป็นร้อยๆ ปี เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเด็นอยู่ที่ว่าโครงการนี้สร้างประเพณีขึ้นมากลางเมืองว่าใครเป็นผู้มีอำนาจจริงในเรื่องน้ำ

                หลังจากนั้นมาจนเกิดกรมชลประทาน ฝ่ายการเมืองผู้ตระหนักชัดในเรื่องนี้ก็ไม่กล้าไปแตะต้องกับเรื่องน้ำอีกเลย ขนาดตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทานยังไม่กล้าแตะต้องหรือเลื่อนลดปลดย้าย จนรู้กันดีในหมู่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้เกี่ยวข้องทุกสมัย

                คนฉลาดจริงตามระบบไทย ก็ต้องแบบนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ไปคว้าตัวนายธีระ วงศ์สมุทรมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สำเร็จ เพราะประสานได้ตั้งแต่ฟ้าถึงดิน โดยไม่พูดมาก

                คนที่ชอกช้ำเพราะไปแตะต้องกรมชลประทานมีหลายคน หนึ่งในนั้นคือนายปองพล อดิเรกสาร ใครสนใจว่าเจอของแข็งแล้วรู้สึกอย่างไร ควรไปหาทางไถ่ถามกันเอาเอง

                ส่วนคนระดับนายกรัฐมนตรีนั้น แค่ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมัคร สุนทรเวชผู้คิดจะนำน้ำมาให้คนไทยได้ใช้กันอย่างสมดุลทั่วประเทศ ตามโครงการผันน้ำจากเหนือสู่อีสานและโครงการผันน้ำจากลาวตามลำดับ ก็จะซาบซึ้งใจดี เพราะสองท่านโดน น้ำ” พุ่งเข้าใส่ตัวเองพูดไม่ออก ปัจจุบันเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียวในกลุ่มนี้ แต่ก็ยังพอเล่าให้ฟังได้ว่าปัญหาน้ำในเมืองไทยนี่มันคือปัญหาอะไรแน่

                เอาเป็นว่า รากเหง้าของปัญหาน้ำในเมืองไทยก็คือ เทวดาเขาไม่ยอมให้รัฐบาลสามัญชนเข้ามาแก้

                ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ได้ถ้าไม่เกินหน้าเกินตา แต่ไอ้ที่จะทะเยอทะยานวางระบบขนาดใหญ่เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนนั้นไม่มีทางทำได้ถ้าไม่มีสัญญาณจากสวรรค์

                ชอบอย่างเดียวก็คือสร้างเขื่อน เพราะสร้างเขื่อนมันใช้ปูนซีเมนต์เยอะดี

                ถึงเวลาก็ปล่อยน้ำในเขื่อนออกมาทำลายบ้านช่องเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขื่อนขนาดใหญ่ไม่อาจแก้ไขปัญหาน้ำมากและน้ำแล้งได้จริง

                ถ้าเป็นยา ก็ไม่ได้รักษาโรค แต่เป็นแค่ยาระงับประสาทชั่วคราวเท่านั้น

                สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงได้บันดาลให้น้ำท่วมหลังคา จวนจะถึงฟ้าแล้วในบัดนี้. 

-----------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น