ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
รัฐขวาจัด (ตอนที่ ๑) โดย กาหลิบ
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง: รัฐขวาจัด (ตอนที่ ๑)
โดย : กาหลิบ
เวลาเราอ่านประวัติศาสตร์ย้อนหลัง เรามักพบว่าเราเข้าใจในอดีตได้ดีกว่าที่คนในยุคนั้นเข้าใจตัวเอง เหตุผลที่สำคัญก็เพราะว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในขณะนั้นมักเกิดขึ้นทีละเรื่อง ไม่ได้เกิดพร้อมๆ กันห้าอย่างสิบอย่างให้เรานำมาร้อยเรียงพิจารณาได้อย่างต่อเนื่องในคราวเดียว
การนำเหตุการณ์ที่ดูเสมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกันในขณะที่เกิด มาวิเคราะห์ร่วมกันทั้งในจุดร่วมและจุดต่าง จึงเป็นกลวิธีทางประวัติศาสตร์ที่นำมาใช้ทำความเข้าใจกับความยุ่งเหยิงต่างๆ รอบตัวเราได้เสมอ
เมืองไทยในขณะนี้คือตัวอย่างที่ดี เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นดูราวกับว่าต่างมีเหตุปัจจัยไปคนละแบบ แต่ถ้าหาจุดเชื่อมโยงได้ เราอาจจะพบยุทธศาสตร์ของคนบางคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและชักใยอยู่อย่างเมามัน
เราได้เห็นกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาออกโรงเรื่องบันทึกช่วยจำฉบับที่ ๔๓ และตั้งอกตั้งใจที่จะปั้นสถานการณ์การทูตธรรมดาให้กลายเป็นปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาขึ้นมา จนถึงขั้นที่กล่าวหาว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรม “ขายชาติ”
เรื่อง: รัฐขวาจัด (ตอนที่ ๑)
โดย : กาหลิบ
เวลาเราอ่านประวัติศาสตร์ย้อนหลัง เรามักพบว่าเราเข้าใจในอดีตได้ดีกว่าที่คนในยุคนั้นเข้าใจตัวเอง เหตุผลที่สำคัญก็เพราะว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในขณะนั้นมักเกิดขึ้นทีละเรื่อง ไม่ได้เกิดพร้อมๆ กันห้าอย่างสิบอย่างให้เรานำมาร้อยเรียงพิจารณาได้อย่างต่อเนื่องในคราวเดียว
การนำเหตุการณ์ที่ดูเสมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกันในขณะที่เกิด มาวิเคราะห์ร่วมกันทั้งในจุดร่วมและจุดต่าง จึงเป็นกลวิธีทางประวัติศาสตร์ที่นำมาใช้ทำความเข้าใจกับความยุ่งเหยิงต่างๆ รอบตัวเราได้เสมอ
เมืองไทยในขณะนี้คือตัวอย่างที่ดี เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นดูราวกับว่าต่างมีเหตุปัจจัยไปคนละแบบ แต่ถ้าหาจุดเชื่อมโยงได้ เราอาจจะพบยุทธศาสตร์ของคนบางคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและชักใยอยู่อย่างเมามัน
เราได้เห็นกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาออกโรงเรื่องบันทึกช่วยจำฉบับที่ ๔๓ และตั้งอกตั้งใจที่จะปั้นสถานการณ์การทูตธรรมดาให้กลายเป็นปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาขึ้นมา จนถึงขั้นที่กล่าวหาว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรม “ขายชาติ”
ทำงานสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนปราศรัยที่หน้ารัฐสภากับภายในรัฐสภาที่มีคนอย่างนายคำนูญ สิทธิสมานอภิปรายอยู่
ASTV ก็ขยายผลเต็มที่ไปตามระเบียบ
ดูให้ดีแล้วจะพบว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องของดินแดนหรือเส้นแบ่งระหว่างไทยกับกัมพูชาแต่อย่างใดเลย แต่เป็นการเคลื่อนไหวหวังจุดประเด็นให้ความคลั่งชาติเป็นประเด็นการเมืองของไทยในขณะนี้
เราได้ยินผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่และบริษัทบริวารอย่างแม่ทัพภาคที่ ๓ นัดกันออกมาพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และประกาศว่าจะต่อสู้ทำลายล้าง “ขบวนการล้มเจ้า” อย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
พูดแล้วจู่ๆ ก็หายตัวไปจนผู้สื่อข่าวตามตัวไม่พบ
ทั้งหมดนี้เป็นเสมือนการออกมาจุดประเด็นบางอย่างไว้ให้คนเขาเอาไปขบคิดและพูดต่อ โดยหวังผลทางการเมืองให้ทั้งประเทศคิดว่าเมืองไทยกำลังจะล่มสลาย บางทีอาจคิดเลยเถิดต่อไปด้วยว่าการรัฐประหารเพื่อล้มกระดานและจัดระเบียบการเมืองตามใจตัวเองอีกครั้งอาจเกิดขึ้นได้อีก
นั่นสินะ เดี๋ยวนี้ออกรายการวิทยุโทรทัศน์ครั้งใดผู้บัญชาการทหารบกคนนี้จะปรากฏตัวพร้อมด้วยเพลงมาร์ชบรรเลงตึงตังอยู่ในฉากหลังแทบทุกครั้ง เหมือนกำลังยึดอำนาจไม่มีผิด
ซ้อมแล้วซ้อมอีกอย่างนี้ ถ้าไม่ล้มหายตายจากไปเสียก่อนก็คงจะได้ทำสมใจสักครั้ง ประเทศจะวินาศฉิบหายอย่างไรก็ช่างประเทศ
เราได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งตัวกันทั้งนั้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม และเราก็ได้เคยคุยผ่านคอลัมน์นี้แล้วว่าเหตุที่บาทต้องแข็งในขณะนี้เพราะอะไร
อย่ามาโทษดอลลาร์เลยครับ ก็บาทแข็งโด่เด่อยู่สกุลเดียวในแถบนี้จะไปกล่าวหาได้อย่างไรว่าบาทเราแข็งเพราะปัจจัยภายนอก เราควรส่องกล้องดูตัวเองว่า “ขาใหญ่” คนใดหรือครอบครัวไหนในประเทศไทยที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าขนาดนี้ และดูต่อว่าหน่วยงานผู้รับผิดชอบโดยตรงหน่วยใดที่อยู่ภายใต้อำนาจเขามากพอที่จะกระทำตามแนวทางผลประโยชน์นั้น แต่ก็อ้างผลประโยชน์แห่งชาติตามตำราเหมือนผีเจาะปากมาพูด
บาทที่แข็งค่าช่วยให้ทรัพย์สมบัติภายในประเทศมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น สอดคล้องต่อผลประโยชน์โดยตรงของเศรษฐีเก่า/ทุนเก่า (old money)
และช่วยทำลายฐานผลประโยชน์ของเศรษฐีใหม่และผู้ประกอบการใหม่ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของเศรษฐีเก่า/ทุนเก่าเหล่านั้นด้วย
ลัทธิคลั่งชาติ การสร้างภาพขบวนการล้มเจ้า และเงินบาทที่แข็งค่า บวกกันแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเมืองไทยที่กำลังจะปิดประเทศ
ไม่อยากคบค้าสมาคมกับใครในโลก เพราะระดับการพัฒนาทางการเมืองของเรายังไม่ถึงเขา
คนไทยล้วนเป็นผู้เจริญ แต่เจ้าของประเทศไทยยังอยู่ห่างไกลจากแนวคิดประชาธิปไตยอันเป็นครรลองหลักของโลกมากนัก.
(ยังมีต่อ)
-----------------------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น