ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประชาชนฉบับไหน? โดย จักรภพ เพ็ญแข

โดย : จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา : คอลัมน์ ผมเป็นข้าราษฎร นสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 21

ข้อถกเถียงว่าควรใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. ไหน หรือจะแก้ไขอย่างไรจะปฏิรูปการเมืองได้ดีกว่า ทำให้ผมระลึกนึกถึงคำพูดทีเล่นทีจริงของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ท่านพูดหลายครั้งขณะเป็นนายกรัฐมนตรีว่า “ทำอะไรอย่าให้เป็น the tallest among the shorts”
แปลว่า จงอย่าเป็น “คนสูงในหมู่คนเตี้ย”

น่าจะคล้ายกับสำนวนอเมริกันว่า “ปลาใหญ่ในบ่อเล็ก” หรือ “big fish in a small pond” คือคนที่ประสบความสำเร็จเพราะปราศจากคู่แข่งที่สมศักดิ์ศรี หรือด้อยสมรรถภาพเสียจนชัยชนะนั้นไม่มีราคาอะไร

คนสูงและคนเตี้ย คือคำเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับที่มวลชนร่วมกันร่างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญที่ร่างและผ่านในยุคเผด็จการทหารครองเมืองในปี พ.ศ.๒๕๕๐ โดยประชามติที่ฝ่ายอำมาตย์ควบคุมกลไกอย่างเข้มข้น

ข้อถกเถียงในขณะนี้คือ ฝ่ายประชาธิปไตยควรเห็นคล้อยตามมติของคณะกรรมการสมานฉันท์ที่รัฐสภาแต่งตั้งขึ้น โดยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นจำนวน ๖ ประเด็นหรือไม่ ตัวแทนพรรคเพื่อไทยในคณะกรรมการฯ คือคุณวิทยา บุรณศิริ เห็นด้วย แต่บุคคลผู้มีอิทธิพลต่อความคิดความเห็นของคนเป็นจำนวนมากอย่างคุณทักษิณ เห็นว่าไม่เพียงพอ และไม่ควรตั้งธงแก้ไขอะไรกับฉบับนี้เพราะควรนำรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ มาใช้แทน

มวลชนเสื้อแดงก็เริ่มจะรวนเร

การถกเถียงที่จำกัดทางเลือกนั้น ความจริงออกจะอันตรายต่อวิถีประชาธิปไตยมาก ก่อนที่ทุ่มตัวเองไปในข้อถกเถียงว่า ๒๕๔๐ หรือ ๒๕๕๐ และควรแก้ไขมากหรือน้อยมาตรานั้น นักประชาธิปไตยควรย้อนไปดูสมุฏฐานของโรคเผด็จการไทยให้ชัดเสียก่อน

รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับควรมีประกาศิตและสั่งระบบการเมืองให้ซ้ายหันขวาหันได้ เพราะมีสถานะอันสูงสุดก็จริง แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว ต้องพิจารณาด้วยว่ามีอำนาจใดที่สูงยิ่งกว่าตัวรัฐธรรมนูญและแฝงเร้นอยู่อย่างลี้ลับหรือไม่

ภาวะเผด็จการของไทยไม่เคยเกิดขึ้นจากฝ่ายการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเลย จะมีคุณทักษิณที่ถูกกล่าวหาซ้ำซากว่าเป็นเผด็จการเลือกตั้งและละเมิดสิทธิต่างๆ มากมาย แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีหน้าไหนไม่ว่าไทยหรือฝรั่งจะสามารถเอาผิดได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว ทั้งที่หมดอำนาจราชศักดิ์แล้วอย่างนี้ ก็ต้องกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่มีรัฐบาลเลือกตั้งชุดใดกลายเป็นเผด็จการเลย

อำนาจใหญ่หลวงที่ปล้นประชาธิปไตยด้วยกำลังอาวุธ หรือบิดเบือนเจตนารมณ์ของกระบวนการยุติธรรม หรือจัดตั้งมวลชนเสื้อเหลืองมาฉีกทำลายเกียรติภูมิของชาติ หรือความเลวร้ายใดๆ ในขณะนี้ ล้วนมาจากฝ่ายตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเรายังเรียกอย่างเกรงใจว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยทั้งนั้น

ระบอบนี้คือลูกที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของเชื้อโรค ๓ ชนิดคือ

๑. ระบบราชการ (ซึ่งมิได้หมายถึงข้าราชการทุกคน)

๒. อำนาจแฝงเร้นที่ทุกฝ่ายยอมเชื่อฟังทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย อย่างที่บางคนเรียกว่า “มือที่มองไม่เห็น”

๓. ระบบสนับสนุนอื่นๆ เช่น ธุรกิจแนวอนุรักษ์ นักวิชาการในสังกัดของรัฐ เป็นต้น

การจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ตามมาใช้หรือนำมาแก้ไข ต้องพิจารณาก่อนว่ามีสรรพคุณในการแก้ไขโรคร้ายดังกล่าวหรือไม่ โดยเฉพาะเชื้อโรคทั้งสามชนิดที่เขียนไว้ข้างบนนี้

ถ้ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ ไม่มีคุณสมบัติหรือสรรพคุณอย่างนี้ ก็ถือว่าไร้ประโยชน์และไม่ใช่ “คนตัวสูง” ของการช่วงชิงอำนาจครั้งนี้ และเราก็ไม่ควรขอร้องมวลชนให้เสียเวลาออกมาเรียกร้องต้องการ

ไม่ต้องเอ่ยถึงฉบับปี พ.ศ.๒๕๕๐ ให้เสียปากก็ได้

ก็รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ มิใช่หรือ ที่สร้างองค์กรอิสระมาทำลายสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของคนไทยจนแทบจะยกพวกฆ่ากันแล้วในวันนี้?
เนื้อความโดยรวมถึงจะมีมาตราดีๆ และมีลักษณะก้าวหน้า ก็ไม่ได้พาคนไทยออกจากกับดักเดิมคือระบอบอำมาตยาธิปไตย แต่ยังคลอเคลียอยู่อย่างแนบเนียน

เก็บสุนัขรับใช้ไว้ทั้งฝูง แถมยังใส่ลูกสุนัขใหม่ไว้อีกหลายตัว เพราะคนยกร่างเขาแนบแน่นอยู่กับเจ้าของหมา แต่ฝ่ายประชาชนเราไม่รู้

จริงครับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ทำให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยแท้ๆ ภายใต้นายกทักษิณขึ้นมาได้ในปี พ.ศ.๒๕๔๔ และฝ่ายประชาธิปไตยก็มีความสุขกันมาก แต่จากนั้นมาจนกระทั่งวันนี้บรรยากาศการเมืองไทยเปลี่ยนไปราวหน้ามือกับหลังเท้า จนแทบจะแบ่งประเทศกันอยู่แล้ว เราจะหลงภาพความงดงามในอดีตอย่างนั้นกันได้หรือ

ฝ่ายอำมาตย์เขาไม่ได้โง่จนยอมให้เกิด “ทักษิณ ๒” ขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ง่ายๆ หรอกครับ

เมื่อวิจารณ์แล้วก็ต้องบอกว่าเสนออะไร

หากไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่สอดคล้องต่อการกำจัดเผด็จการและพัฒนาประชาธิปไตยให้ยั่งยืน ก็มีทางเดียวคือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาเสียเลย ภารกิจหลักคือทำลายอำนาจของ “มือที่มองไม่เห็น” และเครือข่ายของฝ่ายที่มุ่งทำลายระบอบประชาธิปไตยลงเสีย

จะรวมเขตแบ่งเขต จะนับคะแนนที่อำเภอหรือหน้าบ้าน กกต. หรือเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งทั้งหลาย ช่างมารดามันเถิดครับ

พูดเรื่องใหญ่และพูดให้ชัดว่า ต้องเขียนใหม่ได้ทุกมาตราไม่มีข้อแม้และไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีหมวดใดและมาตราใดพ้นจากมือประชาชน เพื่อย้อนกลับมาทำร้ายประชาชนด้วยอำนาจแฝงเร้นล้นพ้นได้อีก

ขณะนี้บ้านเมืองกำลังป่วยด้วยโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราคงไปขุดกรุแล้วเอายาเก่ามาผสมผเสกินใหม่ไม่ได้หรอกครับ

เมื่อเกิดโรคใหม่หรือโรคเก่าที่รักษาไม่หายสักที ก็ต้องปรุงยาใหม่

เช่นเดียวกับการสลัดการเมืองแบบเก่าก็ต้องอาศัยรัฐธรรมนูญใหม่
การไปขุดเอารัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาใช้ในสถานการณ์ใหม่ เพียงเพราะมีสภาพดีกว่าฉบับทหารเพียงนิดหน่อย ก็คือการเลือกคนสูงจากกลุ่มคนเตี้ยอย่างที่พูดมาตอนต้น

เราว่าของเราสูงแล้ว แต่เอาไปแข่งบาสเก็ตบอลกับใครก็ไม่ไหว เพราะสูงไม่พอเมื่อเทียบกับเขา

จะเอาฉบับของ นายแพทย์เหวง โตจิราการ มากางก็ได้ แล้วเพิ่มส่วนที่หมอเหวงท่านยังเหนียมๆ ไม่ใส่ในตอนแรกให้มันครบ หรือจะร่วมกันยกร่างขึ้นใหม่ ให้เหมือนร่างกฎหมายเรื่องเดียวกันที่ยกร่างขึ้นหลายๆ ฉบับก็ได้ ถึงเวลาก็มาเลือกสรรและบูรณาการกัน นี่ก็เป็นวิธีการที่ทำได้ในยามสันติ

แต่ถ้าอำมาตย์ยังบ้ากันไม่พอ ยังวิ่งไล่ล่าฝ่ายประชาธิปไตยด้วยคดีความต่างๆ กันไม่หยุดจนหาเวทีสงบหรือเวทีกลางร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ นั่นก็ต้องว่ากันไปอีกทาง เพราะบ้านเมืองอาจจะมีกรรมเก่ามาก

ใครแตะเชือกก่อนในตอนนั้นก็งัดเอาฉบับของตัวเองออกมาใช้ก็แล้วกันครับ.

----------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146
ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น