ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 22 จังหวะของคุณอานันท์


รีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ก่อนรัฐประหาร
ตอนที่ 22 : จังหวะของคุณอานันท์
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*****************************************************************************

อยู่มาวันหนึ่ง ซามูไรคนใหม่ปรากฏตัวบนขอบฟ้าอันเรืองรอง เขามาพร้อมกับกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นที่ครั่นคร้ามของคนที่ได้พบเห็นยิ่งนัก

*****************************************************************************
จังหวะของคุณอานันท์ฯ

เห็นหน้าคุณอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีของ รสช. เหมือนกับเห็นละครฉากท้ายๆ ของสุขนาฏกรรมครั้งล่าสุดของเมืองไทย เพราะมหาบุรุษท่านนี้จะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนง่ายๆ ถ้าไม่แน่ใจว่าชั่วโมงนี้จะเป็นของท่าน

ไปเปิดงานลูกตะขบอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่การเลือกจังหวะในการสื่อสารทางการเมือง จำเป็นต้องออกมาในรูปของการบรรยาย ปราศรัย หรือกล่าวสุนทรพจน์ เพราะหัวใจอยู่ที่สารหรือสาระ ไม่ใช่เพียงแต่ไปปรากฏตัว

พอต่อภาพกับอดีตนายกรัฐมนตรีอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเวียนไปบรรยายในหลายต่อหลายที่ ก็จะเห็นอะไรที่สมบูรณ์ครบถ้วนขึ้น แต่ดูแล้วไม่ใช่แบ่งหน้าที่กันเป็นดาบหนึ่งและดาบสอง เหมือนการประหารชีวิตคนโทษในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง ออกจะเป็นเรื่องดาบเล็กและดาบใหญ่มากกว่า

ดาบเล็กเอาไว้ทิ่มตำชอนไช และหั่นชิ้นใหญ่ๆ ให้ย่อมลง

ดาบใหญ่เอาไว้ตัดแขนตัดขา พอได้จังหวะเหมาะก็ตัดคอ

เหมือนดาบตำรวจที่วางลำดับความรับผิดชอบไว้อย่างดี จนถึงการปูนบำเหน็จ ดาบเล็กก็จะต้องได้รับรางวัลอันพึงมีพึงได้เช่นเดียวกัน

ดาบใหญ่จะเป็นคนดูแลจัดการให้

นึกถึงซามูไรสองคนในภาพยนตร์ของ อากิระ คุโรซาวะ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด พบกันเมื่อเป็นต้องขยับดาบกันกรุ๊งกริ๊งไปทีเดียว

ซามูไรคนแรกอาวุโสมากแล้ว เห็นอะไรต่อมิอะไรมามาก และรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่นักรบรุ่นหลังบอกว่าสำคัญยอดยิ่ง เป็นแค่ความทะนงตัวและอัตตาอันสูงส่งของเด็กๆ ที่ไม่รู้จักลำดับต่างๆ ของนิ้วเท่านั้นเอง ซามูไรมือเก่าคนนี้ก็นั่งมองการขยับขึ้นมาสู่ฐานะอันสูงของนักรบคนใหม่อย่างสนใจและระมัดระวัง ไม่ได้คิดร้ายแต่ก็ไม่ได้คิดดีด้วย

ซามูไรคนที่สองออกจะได้รับอิทธิพลตะวันตกมากหน่อย และไม่เคยอยู่ “ใต้” ใครมาเลยในชีวิต เพราะตำแหน่งขนาดไหนก็จะทำตัวสูงกว่านายที่เขาถือว่าต่ำศักดิ์กว่าเสมอ ซามูไรหนุ่มไม่ได้รังเกียจอะไรซามูไรเฒ่า พบกันแต่ละครั้งก็โค้งคำนับอย่างนุ่มนวลสูงส่ง แต่ปัญหาคือเขามิได้เห็นคุณค่าอะไรในตัวผู้เฒ่าเกินไปกว่านั้นเลย

การแบ่งเขตระหว่างซามูไรทั้งสองจึงเกิดขึ้น และต่างฝ่ายก็ต่างไม่ข้องแวะหรือมีสันทวะอะไรกันจนเกินไป

อยู่มาวันหนึ่ง ซามูไรคนใหม่ปรากฏตัวบนขอบฟ้าอันเรืองรอง เขามาพร้อมกับกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นที่ครั่นคร้ามของคนที่ได้พบเห็นยิ่งนัก

แถมยังออกประกาศไปทั่วเมืองว่า จากนี้ไปไม่ให้ใส่ใจกับกฎเกณฑ์เก่าๆ ที่ออกโดยซามูไรคณะเดิม แต่ให้จับดูเขาทุกฝีก้าว เขาก้าวไปทางไหนก็ขอให้ก้าวตามไปทางนั้น

คนเป็นจำนวนมากขยับก้าวตาม โดยเฉพาะในเมืองที่ซามูไรผู้เฒ่าเคยมีอำนาจอยู่เดิม ก็ยังแปรเปลี่ยนโอนเอนไป

เพราะซามูไรคนที่สามนี่เอง ทำให้ซามูไรคนที่หนึ่งและซามูไรคนที่สองต้องหันหน้าเข้าหากันอย่างเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดความสามัคคีกันในแบบที่สงครามเท่านั้นทำให้เป็นไปได้

ได้ฟังคุณอานันท์ฯ แล้วจึงสะท้อนใจว่าการเมืองไทยช่างเป็นเรื่องของครอบครัวเสียจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนร่วมสายเลือดกันมาก่อน ก็จะต้องถ่ายเลือดให้แก่กันและกันอย่างปัจจุบันทันด่วน เพราะมองล่วงหน้าว่าจะเป็นศึกระหว่างคนร่วมสายเลือดและคนนอกสายเลือด

ครับ ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยที่ร่วมมือกันได้

เป็นห่วงอยู่อย่างเดียวว่าดาบของคุณอานันท์ฯ นั้นมิใช่ดาบเล็ก ออกจะเป็นขนาดกลางๆ อยู่นะครับ พอเทียบกันจริงๆ แล้วกลายเป็นดาบใหญ่กว่าท่านผู้ว่าแบ๊งค์ชาติ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ตั้งเยอะแยะ

หรือหม่อมอุ๋ยท่านจะคิดว่า “กระบี่อยู่ที่ใจ” ก็ไม่รู้?
---------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น