ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 24 นายกฯ บูชายัญ


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ก่อนรัฐประหาร
ตอนที่ 24 : นายกฯ บูชายัญ
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*****************************************************************************
เมื่อฝ่ายเราดีสุดยอด ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องเลวสุดขีดชนิดหาดีไม่พบ ก็เท่านั้นเอง

*****************************************************************************

นายกฯ บูชายัญ

เห็นเขาทำกับคุณทักษิณฯ ในขณะนี้แล้ว อดนึกไม่ได้ว่ามนุษย์ยังไม่พ้นจากความมืดมิดแห่งลัทธิบูชายัญเอาเสียเลย

ก่อนที่จะเรียกตัวเองอย่างโก้หรูหราว่ามีอารยธรรม มนุษย์ทุกซีกโลกไหนผ่านขั้นตอนนี้มาแล้วทั้งนั้น มากน้อยไปตามความเข้มข้นของอวิชชาและปัญญา นั่นคือโทษคนอื่นว่าเป็นสาเหตุแห่งความผิดของตน

แม้กระทั่งความผิดตามธรรมชาติที่ไม่มีใครก่อ แต่ทำใจยอมรับไม่ได้ ก็จะหาใครสักคนให้รับผิดแทน

แนวคิดนี้เรียกว่า การบูชายัญมนุษย์ หรือ human sacrifice ซึ่งเก่าแก่เต็มทน

ถ้าจะมองหาจุดอ่อนของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนกันจริงๆ จังๆ ย่อมจะหาพบ เพราะปุถุชนนั้นยังมิใช่พรหม กว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้ มักจะต้องผ่านความสำเร็จ ความล้มเหลว ความถูกต้อง และความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น

เหมือนใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องเข้าไปเป็นเจอเชื้อโรคทุกที แต่ร่างกายนั้นก็ไม่ตาย อยู่ได้ต่อมา

เพราะอะไร?

ก็เพราะร่างกายมีทั้งเชื้อโรคฝ่ายที่เป็นคุณประโยชน์ต่อร่างกาย และเชื้อโรคชนิดที่เป็นโทษ เมื่อใดที่เชื้อชนิดเป็นโทษมีอิทธิฤทธิ์มากกว่า ร่างกายนั้นก็จะป่วย แต่ถ้าฝ่ายดีมีมากกว่า ร่างกายก็จะต่อสู้ต้านทานอะไรต่อมิอะไรได้เป็นปรกติ

เหมือนกันเลยครับ จะประเมินนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูเชื้อโรคฝ่ายมีประโยชน์และฝ่ายที่เป็นโทษไปพร้อมกัน แล้วชั่งน้ำหนัก

ถ้าฝ่ายทำโทษมีมากกว่าอย่างมีหลักฐานพิสูจน์ได้ ไม่ใช่ข่าวลือและไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อแบบทำลายล้าง นายกรัฐมนตรีนั้นก็จะป่วย

ถ้าคุณประโยชน์ที่กระทำมองเห็นได้ชัด มีคุณภาพและปริมาณที่สูงกว่าฝ่ายที่ทำโทษ ต้องถือว่านายกรัฐมนตรีนั้นปรกติ ควรเลิกคิดลำหักลำโค่นกันเสียที

แต่คนที่ชอบจับคนด้วยกันมาบูชายัญจะไม่คิดอย่างนั้น

เจอผู้หญิงที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง แข็งขืนต่อกระแสของสังคมที่ชอบบังคับให้ผู้หญิงต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะเอะอะว่าเป็นแม่มด มีอำนาจฝ่ายชั่วลึกลับต่างๆ มากมาย จับตัวไปเผาไฟทั้งเป็นมาไม่รู้จักเท่าไหร่

บางที่ในโลกจับตัวผู้หญิงมาขึงพืดไว้ให้คนใช้ก้อนหินขว้างจนขาดใจตาย เหมือนเรื่องสั้นคลาสสิคเรื่อง The Lottery ของเชอร์ลี่ย์ แจ็คสัน

อวิชชาของคนที่คิดอะไรแบบนี้คือ โลกแบ่งออกเป็นคนดีและคนไม่ดีอย่างชัดเจน ไม่ยอมรับว่าคนจริงๆ มักจะเป็นสีเทา ไม่ใช่ดำและขาว มีดีและไม่ดีคละเคล้ากันไปเสมอ

ที่น่าขำคือมักจะกันตัวเองว่าเป็นฝ่ายดีสุดขั้วเสียด้วย ไม่เคยคิดว่าตัวบกพร่องอะไรเลย

เมื่อฝ่ายเราดีสุดยอด ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องเลวสุดขีดชนิดหาดีไม่พบ ก็เท่านั้นเอง

นำมาสู่ความคิดบูชายัญ จับมันมาลงโทษขั้นอุกฤษฏ์เสีย เราจะได้รักษาความดีอันไม่มีข้อด่างพร้อยของเราได้ต่อไป

อวิชชาก็ดำเนินไปข้างหน้า โง่เง่าอย่างไม่รู้จบ บางทีไปสำนึกตัวได้ตอนใกล้จะลงโลง ต้องทำบุญทำทานชดเชยเป็นการใหญ่

ถึงเวลาหรือยังครับที่แนวคิดบูชายัญต้องหยุดลงเสียที เราจะได้เป็นอารยะกันอย่างที่อยากเป็น

ไม่มีแม่มดหรือพ่อมดนอกกายหรอกครับ มีแต่ของที่อยู่ในใจแต่ละคนที่มีส่วนดำมืดอยู่บ้าง ก็ต้องจัดพิธีฌาปนกิจส่วนนั้นของตัวเอง

ไม่ต้องบอกใครก็ยังไหว.

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น