ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 32 ใครจะกล้าล้มเลือกตั้ง


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ก่อนรัฐประหาร
ตอนที่ 32 ใครจะกล้าล้มเลือกตั้ง
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*****************************************************************************
กลัวประเทศจะไม่ฉิบหาย ให้นักวิชาการบางส่วนเขาเล่นกันไปเองเถิด นักประชาธิปไตยอย่าได้ลดตัวลงไปเล่นด้วยเลย

*****************************************************************************


ใครจะกล้าล้มเลือกตั้ง

ยิ่งไทยรักไทยกับประชาธิปัตย์เกทับบลัฟแหลกกันแค่ไหนในการเลือกตั้ง แข่งกันอุตลุดว่านโยบายของใครดีกว่าใคร หรือแม้แต่ใครเลียนแบบใคร บรรยากาศโดยรวมของประเทศยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ

เพราะทุกคนในโลกก็จะโล่งอกว่าเมืองไทยยังเป็นประชาธิปไตยอยู่

ไม่เหมือนตอนที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหาร

ไม่เหมือนตอนที่มีเสียงเรียกร้องของคนบางคนให้เลื่อนเลือกตั้งไปเพื่อ “ปฏิรูปการเมือง” ก่อน

ต่างไปจากภาพของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือก๊วนไหนก็ตามที่ข่มขู่ครองเมืองอยู่ โดยทำท่าประหนึ่งว่าจัดตั้งตัวเองเป็นรัฐบาลขึ้นมาเอง ซึ่งประกอบด้วย

สนธิฯ เป็นนายกรัฐมนตรี

จำลองฯ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยควบกลาโหม

สมศักดิ์ฯ (เครางาม) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานควบคมนาคม

สุริยใสฯ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการควบวัฒนธรรม

สนั่นฯ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

เสนาะฯ เป็นสำรองนายกรัฐมนตรี เพราะเผลอไปประกาศไว้แล้วว่าจะเป็น ก็สำรองไว้ตอนบ่ายสองโมงของชาติหน้า

อย่าลืมเอาโรงพิมพ์ผู้จัดการฯ มาแทนโรงพิมพ์สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

และเอา ASTV มาเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเสียด้วย

แค่นึกภาพอย่างนี้ นักลงทุนข้ามชาติก็ส่ายหัวพากับหอบผ้าผ่อนหนีไปเวียดนามหมดแล้ว รักเมืองไทยแทบตายแต่เมืองไทยกลับทำอะไรที่เขาไม่เข้าใจเลย

คุณูปการของพรรคการเมืองไทยในช่วงเวลาอย่างนี้คือการเดินหน้าเต็มสูบในการหาเสียงเลือกตั้ง อย่าได้หยุดทดท้อห่อเหี่ยว หรือไปฟังข่าวลืออัปมงคลต่างๆ เรื่องการยึดอำนาจหรือการนองเลือดอะไรอยู่เลย

เป็นนักการเมืองก็จงทำงานการเมือง คือเสนอนโยบายและวิธีการทำให้นโยบายนั้นเป็นจริง

มีข่าวที่สร้างความเข้าใจผิดก็ต้องแก้ข่าว และอธิบายจนสังคมกระจ่างแจ่มแจ้ง ให้การศึกษาวิชารัฐศาสตร์ในระดับปริญญาเอกกับสังคม

ความวิตกจริต เล่นเท่าไหร่ก็ไม่พอ และกลัวประเทศจะไม่ฉิบหาย ให้นักวิชาการบางส่วนเขาเล่นกันไปเองเถิด นักประชาธิปไตยอย่าได้ลดตัวลงไปเล่นด้วยเลย

ก็ดูเอาสิครับว่าเขามีเหตุมีผลกันขนาดไหน กรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่แต่งตั้งโดยศาลล้วนๆ อิทธิพลของฝ่ายการเมืองไม่ได้แหลมเข้าไปเลย กรรมการการเลือกตั้งชุดเดิมก็ติดคุกแล้วติดคุกอีก แสดงว่าอิทธิพลใดๆ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีนั้น หามีไม่

การเลือกตั้งจึงใสๆ และรอคอยการใช้สิทธิ์ของประชาชนทั่วประเทศอยู่

แต่ความครั่นคร้ามต่อตัวคุณทักษิณฯ มีมากล้น ชนิดเก็บเอาไว้ในใจไม่ได้ นักวิชาการบางคนจึงต้องออกมาเล่นการเมืองกับเขาด้วย ทั้งๆ ที่อุปนิสัยอันแท้จริงนั้นไม่ชอบออกไปไหว้ใคร แต่ชอบนั่งให้คนทั้งมหาวิทยาลัยมากราบไหว้ตัวเองในฐานะที่เป็นอาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์

ไม่รู้ว่าจะสร้างความสับสนต่อไปทำไม และเพื่อใคร

เมื่อพรรคการเมืองทำหน้าที่เต็มที่แล้ว นักวิชาการคนไหนจะออกมาประกาศเสียงดังฟังชัดก็เอาเลยสิครับ ประกาศไปเลยว่าไม่ต้องการประชาธิปไตยอีกแล้ว

แต่อย่ามากะล่อนว่าประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการเลือกตั้ง เพราะพอสวนกลับไปว่าจะใช้วิธีไหนวัดใจประชาชนได้ดีกว่านั้นเล่า?

ใบ้รับประทานทุกที!

-------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น