ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

นอกกะลา-ตาสว่าง โดย กาหลิบ


คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : นอกกะลา-ตาสว่าง
โดย : กาหลิบ

วิวัฒนาการทางสังคมเป็นสัจธรรมที่แปลกประหลาด เมื่อถึงคราวเสื่อมทรุด ชนชั้นปกครองที่เคยเหมาทรัพยากรแถมด้วยภูมิปัญญาในบ้านเมืองไปหมด เหลือเศษขยะเพียงเล็กน้อยให้มวลชนส่วนใหญ่ไปยื้อแย่งแข่งขันกันเองเหมือนหมากับชิ้นกระดูก กลับกลายเป็นกบในกะลา ความฉลาดแกมโกงกลายเป็นความโง่และอวิชชา นำพาตนเองออกจากวิกฤติไม่ได้

แต่มวลชน “ผู้โง่เขลา” กลับฉลาดหลักแหลมขึ้นด้วยฤทธิ์ของสถานการณ์ และตัดสินใจได้อย่างผู้มีปัญญาในยามคับขัน

ผู้ปกครองกลายเป็นกบในกะลา ขณะที่มวลชนเคลื่อนตัวไกลกะลาออกไปเรื่อยๆ

ผู้ปกครองตาบอดมองอะไรไม่เห็นแม้ในระยะใกล้ ขณะที่มวลชนต่างล้างตาจนตาสว่าง
นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยวันนี้

ใครได้ฟังบทกวีของ “เดือนวาด พิมวนา” ที่หอประชุมศรีบูรพาหรือหอประชุมเล็กธรรมศาสตร์จะเข้าใจซาบซึ้งถึงความรู้สึกนั้นทันที โดยเฉพาะเมื่อเธอชี้เปรี้ยงจนเห็นสัจธรรมว่า “เขา” ประณามว่าเราร้ายเพราะเขาวางแผนร้ายมาก่อน อันเป็นอกุศลมูลอันเนื่องมาจากความอิจฉาริษยาอาฆาต สุดท้ายก็บอกด้วยเสียงเบาๆ ว่าไม่มีความรักที่จะให้กับ “เขา” อีกแล้ว

นึกถึงสำนวนบาดใจของ กฤษณา อโศกสิน ในนวนิยาย “ภมร” ว่า ผู้ชายที่เลวนั้น ผู้หญิงขอบอกว่า “ไม่รัก ไม่นับถือ อีกต่อไป”

ปวงชนชาวไทยฟังแล้วก็ตะโกนกู่ก้องกันสนั่นหวั่นไหว จนดังไปทั่วทั้งหอประชุม ทั่วไทย และทั่วโลก

เขาครอบงำกลไกการโฆษณาชวนเชื่อมานานจนเชื่อในคำลวงโลกของตนเอง คำสั่งฆ่าทั้งปวงที่อำพรางมาในรูปของพระเอกขี่ม้าขาวจึงถูกกำหนดจากความคับแคบของกะลา


มวลชนนอกกะลา-ตาสว่างเขามองเห็นได้ในทันที ปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อเมื่อวันรำลึก ๔ เดือนของการฆ่าหมู่ประชาชนกลางเมืองจึงเกิดขึ้น กว้าง ลึก และเจ็บปวดอย่างที่ใครก็ไม่นึกว่าจะเกิดเร็วถึงขนาดนี้ กลางเมืองที่ใครๆ ก็สงเคราะห์ว่าเต็มไปด้วยคนเขลา

การรวมตัวของมวลชนโดยไม่มีแกนนำ แสดงออกทางการเมืองโดยไม่มีใครเขียนบทหรือชักนำ และเกิดอุดมการณ์อันชัดเจนโดยไม่ต้อง “จัดตั้ง” อย่างเป็นทางการเหมือนก่อน นี่คือประชาธิปไตยในรูปกรีกโบราณที่บริสุทธิ์ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย

นี่ล่ะคืออิทธิพลของการรวมตัวกันหงายกะลาที่ครอบตัวเองมาชั่วชีวิต

เมื่อแรกหงายขึ้น แสงที่จัดจ้าอาจทิ่มแทงตาบ้าง ทำให้แสบตาไม่อยากลืมตารับรู้ความจริงของธรรมชาติบ้าง แต่เมื่อปรับจนเข้าที่แล้ว ก็จะปฏิเสธไม่ยอมหลับตาลงอย่างคนขลาดเขลาอีกต่อไป


ประชาธิปไตยต้องปรับตัว และกำลังปรับตัวอยู่ในเมืองไทยท่ามกลางประเพณีแห่งอำนาจเดิม
แต่เผด็จการโบราณไม่ปรับ และกำลังมุ่งหน้าสวนกระแสความเปลี่ยนแปลงด้วยแรงขับดันของอัตตาและอวิชชาอันมากล้นจนไร้ปัญญา

เวลาพิสูจน์ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว อะไรหลายอย่างจะบังเกิดขึ้นในเมืองไทยที่ไม่เคยเปลี่ยน
สิ่งที่เรียกว่า “ความจริง” นั้น อยู่ที่เลิกทำบอดและลืมตามองดูโลกด้วยใจอันสว่างเท่านั้นเอง.

------------------------------------------------------------------------------
ข่าว SMS ของฝ่ายประชาธิปไตย เชิญสมัครสมาชิก SMS-TPNews โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-5 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com บล็อก : wwwthaipeoplenews.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น