ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โลกล้อมไทย พ.ศ. 2552 โดย จักรภพ เพ็ญแข

โดย : จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา : คอลัมน์ "ผมเป็นข้าราษฎร" นสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 22

ใครรู้ข่าวผู้นำอาเซียนออกอาการประท้วงเมืองไทยแล้วเกิดโมโหโทโสในทำนองคลั่งชาติหรือกูไม่กลัวมึง โปรดสงบจิตใจและฟังทางนี้สักนิด

แล้วจะรู้ว่าเขาประท้วงใครในเมืองไทย

สิ่งที่เกิดขึ้นเกือบจะเรียกได้ว่า ไม่น่าเชื่อ และเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในอาเซียนหรือสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้นำเป็นจำนวนมากพร้อมใจกันแสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้ต่อสมาชิกระดับก่อตั้ง (founding member) และมีเครดิตสูงอย่างไทย

คำประกาศของฮุนเซ็น หรือสมเด็จเดโช นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชานั้นยังไม่เท่าไหร่ เพราะเป็นจุดยืนทางการเมืองของตัวท่านเองที่จะรักษาความเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ขนาดเชิญมาอยู่ในประเทศอย่างถาวรและปลูกบ้านให้อยู่หนึ่งหลัง

จะกระเทือนซางพวกอิจฉาริษยาระดับสูงของไทยถึงขั้นรวมสังขารไม่ติด ท่านก็คงไม่ใส่ใจนัก

แต่เมื่อผู้นำในระดับหัวหน้ารัฐบาล ๕ ประเทศจากทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ได้แก่ ประธานาธิบดีสุสิโล บัมบัง ยุดโดโยโนแห่งอินโดนีเซีย สมเด็จพระราชาธิบดีฮาเซนัล บอลเกียห์แห่งบรูไนดารุสซาลัม นายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซ็นแห่งกัมพูชา


นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย และประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโยแห่งฟิลิปปินส์ พร้อมใจกันงดเข้าร่วมในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ ๑๕ ณ หัวหิน ประเทศไทย จนถึงขั้นต้องงดการถ่ายภาพหมู่ผู้นำตามประเพณี ตาทุกคู่ก็จ้องเข้ามาที่ประเทศไทย เพราะรู้ว่าผิดปกติ

บรรยากาศอันเงื่องหงอยเซื่องซึม พาให้สาระของการประชุมถดถอยไปด้วย คำกล่าวปิดประชุมของนายกรัฐมนตรีไทยที่ควรเป็นบทสรุปที่เปี่ยมไปด้วยความคิดและความริเริ่มดีๆ จากที่ประชุม กลับกลายเป็นเบี้ยหัวแหลกหัวแตก ขาดสาระที่เป็นหนึ่งเดียวและไม่มีความสร้างสรรค์ใดๆ

ความจริงใบหน้าของคุณอภิสิทธิ์ก็บอกทุกอย่างหมดโดยไม่ต้องพูดสักคำ รวมเอาความผิดหวัง ความสับสนงุนงง โทสจริต และความเบลอคิดอะไรไม่ออกไว้ในนั้นเสร็จสรรพ เรียกว่าโศกนาฏกรรมส่วนตัวก็ว่าได้ เดิมทีคนที่เขาจับตัวอภิสิทธิ์ขึ้นมาตั้งไว้ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเขาหวังว่าคนนี้จะเป็นหน้าตาของเขาในเวทีระหว่างประเทศได้ แล้วก็ผิดหวัง เพราะอภิสิทธิ์ภายใต้ความกดดันกลายเป็นคนที่หมดสิ้นแทบทุกอย่าง คิดไม่ออกบอกไม่ถูก และผู้นำอาเซียนอื่นๆ เขาก็มองด้วยสายตาที่สมเพช ทุกคนที่นั่งเรียงแถวหน้าเวทีในพิธีปิดประชุมที่หัวหิน ต่างรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและอภิสิทธิ์เป็นใคร
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกับประเทศที่เกิดปฏิญญากรุงเทพ พ.ศ.๒๕๑๐ และสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศที่คุณทักษิณในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสามารถจัดประชุมสุดยอดเอเปคได้อย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน?

คำตอบที่ง่าย สั้น และตรงที่สุดคือ ความนับถือที่เขามีต่อรัฐบาลไทยหดหายไปจนหมดสิ้น เพราะเขารู้ว่าบัดนี้ผู้นำประชาธิปไตยของไทยถูกแทนที่ด้วยหุ่นเชิดของนักการเมืองหมายเลขหนึ่งของไทย ผู้ซึ่งเป็นนักการเมืองเขี้ยวลากดินที่ห่อหุ้มตัวเองไว้ในเกียรติยศมายาที่สร้างขึ้นและสะสมมานานปี ผนวกกับโฆษณาตัวเองซ้ำซากมากกว่านักการเมืองคนใดในประเทศ จนกลายเป็นการครอบงำอย่างสมบูรณ์

ถ้าไปแอบถามผู้นำเหล่านี้เป็นส่วนตัว จะพบว่าแต่ละท่านรู้ทั้งนั้นว่าใครเป็นตัวการใหญ่คอยป่วนประเทศไทยถึงขนาดนี้

การไม่ให้ความสำคัญกับคนในตำแหน่งอย่างคุณอภิสิทธิ์ เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่าเขาไม่อยากเสียเวลากับหุ่นเชิดของใคร ยิ่งกระเซอะกระเซิงไปจัดประชุมถึงหัวหิน เพื่ออ้างความเป็นเขตพระราชฐาน เขาก็ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งว่าชนชั้นปกครองของไทยกำลังว้าวุ่นแค่ไหนกับการปกป้องตัวเอง


สนใจแต่เรื่องของอำนาจและผลประโยชน์รอบตัว ไม่ได้คิดถึงบ้านเมืองและประชาชนเลยสักนิด อย่างนี้ก็เป็นเหตุให้มายาบางอย่างค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น เหมือนจิตรกรรมฝาผนังที่ไร้การบูรณะจนแม้ต่างชาติต่างภาษาเขาก็เริ่มสังเกตเห็น

ความล้มเหลวทางเกียรติยศในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๕ ความจริงเป็นอาการท้ายๆ แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นแทบจะไม่มีผู้นำเด่นๆ ของโลกมาเยือนประเทศไทยเลย ไม่ว่าในฐานะแขกของรัฐบาลหรือพระราชอาคันตุกะ ผิดกับยุคประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเฟื่องฟูที่หัวกระไดบ้านไทยไม่เคยแห้ง

งานที่ติดอันดับโลกอย่างตอนที่กราบบังคมทูลและกราบทูลเชิญกษัตริย์และพระราชวงศ์มาแสดงมุทิตาจิตถวายพระเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ อย่าได้คิดจัดอีกเลย ไม่มีทางเป็นไปได้ในเงื่อนไขปัจจุบันของไทย

อย่างเก่งก็จัดกันแค่นๆ เหมือนตอนเปิดสิ่งที่เรียกกันเสียหรูว่า “โทรทัศน์อาเซียน” หรือ “ASEAN TV” ในวันเดียวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน คือมีแต่นายกรัฐมนตรีไทย รัฐมนตรีไทย และเลขาธิการอาเซียนผู้เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ร่วมงานกันเต็ม หาตัวแทนของประเทศอื่นๆ ในอาเซียนทำยาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะเขาเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน
ผู้นำของระบอบอำมาตยาธิปไตยไทยจงรู้ไว้เถิด คุณได้ทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของชาติถึงขั้นที่เขาเห็นเราเป็นตัวตลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเรียบร้อยแล้ว

คิดแล้วก็ใจหาย ในช่วงก่อนและหลังการประชุมเอเปคที่รัฐบาลทักษิณเป็นเจ้าภาพ ไทยเคยเนื้อหอมขนาดที่ได้รับการทาบทามจากมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโลกถึง ๓ ชาติเพื่อเยือนเมืองไทยพร้อมกับเข้าร่วมประชุมด้วย นั่นคือประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และประธานาธิบดีหู จิน เทาของจีน มาคราวนี้ผู้นำอาเซียนและมหาอำนาจกลับเลี่ยงที่จะเยือนประเทศไทยก่อนหรือหลังการประชุมสุดยอด ทันทีที่ปิดประชุมต่างรีบเดินทางออกจากหัวหินเหมือนคนรังเกียจกัน

พูดประสาชาวบ้านได้ว่าเขาเดินทางมาร่วมประชุมในเมืองไทยกันตามหน้าที่ แต่ไม่มีความรู้สึกอยากคบกับรัฐบาลไทยเหมือนที่เขารู้สึกสมัยเอเปค ความขัดแย้งในหมู่คนไทยที่แบ่งสีแบ่งฝ่ายกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่เทียบไม่ได้เลยกับฐานะที่ตกต่ำของไทยในสายตาโลกที่วัดและประเมินได้จากงานนี้ เศรษฐกิจระหว่างประเทศของไทยที่ต้องพึ่งพาและพึ่งพิงชาติอื่นๆ จะเดินต่อไปอย่างราบรื่นได้อย่างไรเมื่อตรายี่ห้อของไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม

แล้วอย่ามาพูดพล่อยๆ ว่าต่างชาติต่างภาษาเขาคิดขนาดนี้เพราะคุณทักษิณหรือมีใครจากเมืองไทยเที่ยวไปบังคับเขา ผมเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาบ้างและรู้ทันทีว่าเป็นความคิดปัญญาอ่อนของพวกอำมาตย์ไทยที่คลานกันอยู่แถวนั้นโดยแท้ เขารู้กันทั่วในโลกาภิวัตน์ว่า หาใครไปบังคับใครได้ยากนักในโลกใบนี้

ความรักชอบในประชาธิปไตยและความรังเกียจระบอบเผด็จการโดยตรงและแอบแฝงเป็นความบริสุทธิ์จริงใจของเขาที่ใครไปบังคับไม่ได้

ช้างตายทั้งระบอบ ครอบด้วยใบบัวไม่ไหว

เรื่องมันก็เท่านั้นครับ.

----------------------------------------------------------------------------------

TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146
ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คนป่วยหรือเด็ก โดย พญาไม้

โดย : พญาไม้
ที่มา :  คอลัมน์ พญาไม้ทูเดย์ นสพ.บางกอกทูเดย์ 29 ต.ค. 52

เด็กก็คือเด็กคนป่วยก็คือคนป่วย เพราะสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศกัมพูชาที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 24 ปี..ยืนยันความเป็นมิตรไมตรีกับ พันตำรวจโท ดอกเตอร์ทักษิณชินวัตร..ไว้อย่างหนักแน่นและไม่หวาดหวั่นต่อความเป็นผู้นำรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย..จึงมีเรื่องราวเกิดใหม่..จะให้มีการถอดยศ พันตำรวจโทของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี..


ยืนหน้ากระจกแล้วลองตั้งคำถาม ถามตัวเองได้ไหมว่า...การใช้อำนาจในฐานะรัฐบาล..ถอดยศทักษิณแล้ว...คนถอดจะได้ประโยชน์อะไร ถอดแล้วทักษิณจะเป็นอย่างไร


หลายๆ ประเทศในโลก..โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย..ยศเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากรากเหง้าของเผด็จการ การปกครองโดยคนๆ เดียว เมื่อสหรัฐอเมริกาปฏิเสธการปกครองของควีนอลิซาเบธ แห่งราชอาณาจักรอังกฤษ..อเมริกันในยุคสร้างชาติ ปฏิเสธยศถาบรรดาศักดิ์ไปพร้อมๆ กัน 


ถึงวันนี้สหรัฐอเมริกาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก..ใหญ่ที่สุดในกองทัพของเขาก็แค่พลเอก..ตำรวจของเขามีแต่ตำแหน่งไร้ยศนำหน้า อธิบายได้ว่า..ยศถาบรรดาศักดิ์นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และอยากจะกล่าวว่า เป็นเครื่องถ่วงความเจริญด้วยซํ้าไป เพราะมันไปแยกประชาชนออกจากกัน 


สมัยหนึ่งประเทศไทยมี ชั้นยศจอมพล..หลังวันมหาวิปโยค..พลเอกกฤษณ์ สีวราผู้บัญชาการทหารบกได้จัดการให้ยศจอมพลหมดไปจากประเทศไทย..การเอากิเลสตัณหาส่วนตน การหมกมุ่นอยู่กับความโกรธแบบไม่ลืมหูลืมตา..นอกจากจะทำให้จิตใจอันคับแคบนั้นทำสติสัมปชัญญะให้ง่อยเปลี้ยเสียขาแล้ว ยังเป็นการบอกกล่าวกับชาวโลกและประชาชนคนไทยโดยทั่วไปว่า..นี่คืออาการของคนป่วยที่มีจิตใจวิปลาส


อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีดีกรีถึงดอกเตอร์ทางการศึกษา..มีโภคทรัพย์มหึมาจากการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น..ยศ “พันตำรวจโท” ซะอีกที่ทำให้เขาดูเล็กลงไป ส่วนจะเอาให้ถึงขั้นที่ว่า...ถอดยศปลดเครื่องราชฯ...ด้วยหรือไม่นั้น..รัฐบาลจะต้องประเมินสถานะของตนเองให้ดี..เพราะอาจจะเสียหน้าเสียเครดิตเอาง่ายๆ..เพราะเครื่องราชนั้นเป็นเรื่องพระราชทาน..มีแต่เรื่องตกตํ่าอายซํ้าอายซาก..จะไหวหรือ..ว่าที่อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ






วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เสื้อแดงไทยในอเมริกา อวยพรวันเกิด "จักรภพ เพ็ญแข"


โดย : Nangfa 
ที่มา : สังคมข่าวชาวเสื้อแดง เว็บ Thai E-News 
27 ตุลาคม 2552 

***คุณทิฟฟี่ เสื้อแดงไทยในอเมริกา ฝากกลอนที่แต่งมาอวยพรย้อนหลังวันเกิดให้จักรภพ เพ็ญแข เนื่องในวันเกิด 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวบอกว่าช้าหน่อยนะคะ แต่มาจากใจของพวกเราชาวเสื้อแดงในอเมริกาค่ะ***

@ 21 ตุลา....วันคนดี จุติมา รับใช่ไพร่
จักรภพ เพ็ญแข ผู้ยิ่งใหญ่
กำเนิดมา เป็นขวัญใจ มหาชน

บุญชาวไทย ได้คนดี มาจุติ
เป็นอริ ต้านอำมาตย์ ก่อนชาติป่น
หนุนทักษิน นำไทย ให้ผ่านพ้น
จากวังวน เผด็จการ ผลาญชาติไทย

นานแค่ไหน ก็จะคอย จักรภพ
ชาตินักรบ นักต่อสู้ ผู้ยิ่งใหญ่
ขออวยพร วันเกิดท่าน ผ่านแดนไกล
ปวงชนไทย ทุกดวงใจ ร่วมอวยพร

***ส่วน "คุณจักรภพ" เมื่อได้รับคำอวยพรแล้ว จึงตอบกลับมาด้วยความซาบซึ้งว่า...***
ถึงพี่น้องไทยใน US ที่รักครับ...

ขอบคุณที่ข้ามฟ้าส่งมาถึง
อ่านแล้วซึ้งในน้ำใจอย่างใหญ่หลวง
ขอตอบกลับรับทราบว่าซาบทรวง
เกิดกำลังใจขึ้นทั้งปวง...สู้ต่อไป

จักรภพ



ใครเข้มแข็ง? โดย จักรภพ เพ็ญแข

โดย : จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา : คอลัมน์ ร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ นสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 21

คำประกาศขนาดใหญ่ “ไทยเข้มแข็ง”
เหมือนสิ้นแรงปุบปับต้องรับขวัญ
งบประมาณผลาญเผาอย่างเมามัน
ล้วนเงินของเขาทั้งนั้นเพราะกู้มา

เอาเม็ดเงินหว่านโปรยโดยระบบ
หวังได้พบกันอีกครั้งเลือกตั้งหน้า
ฝ่ายการเมืองฝ่ายประจำร่วมทำมา
เพราะตัวข้าเข้มแข็งได้แรงดี

แต่บ้านเมืองทั่วทุกแห่งเรี่ยวแรงลด
เพราะเม็ดเงินปรากฏไม่ถูกที่
เขาทุกข์ยากอยากอาหารมานานปี
เอาโฆษณาทีวีมาทดแทน

สมประโยชน์กันทุกหน่วยช่วยเหยียบย่ำ
จะตามน้ำทวนน้ำก็ตามแผน
เป็นโครงการไทยกินทั่วดินแดน
เป็นหมื่นแสนล้านบาทชาติของใคร

“ไทยเข้มแข็ง” ถามเสียใหม่ใครเข้มแข็ง
เมื่อเรื่องแดงไทยทั้งผองต้องร้องไห้
ฝ่ายอำมาตย์ที่ร่วมกันฆ่าฟันไทย
ค้ากำไรกันทุกอย่างเหมือนรางวัล

คอรัปชั่นเชิงนโยบายยิ่งใหญ่หนอ
แม้หลวงพ่อร่วมด้วยมาช่วยฉัน
อีกลูกหลานญาติโยมมาโรมรัน
อุบาสกร่วมฟันรวยทันตา

การรดน้ำลงในทรายย่อมหายหด
จะเหลือเพียงไม่กี่หยดในวันหน้า
เหมือนฝนจากงบหลวงมักลวงตา
เห็นน้ำมาแล้วก็ไปไร้วารี

อนาคตมิใช่อยู่ที่รัฐบาล
และมิใช่ราชการผู้กู้หนี้
หากอยู่ที่ปวงชนและคนดี
ผู้ไม่มีซึ่งโอกาสเพราะขาดแคลน

“ไทยเข้มแข็ง” ชัดในใจไทยทั่วหล้า
ล้วนประโยชน์อำมาตยาและขาแขน
ไม่ช้านานเราคงสิ้นทั้งดินแดน
สมดังแผน “ทุนเก่า” ก็เข้าใจ

เอาตลาดหลักทรัพย์มาจับส่ง
เดี๋ยวหุ้นขึ้นหุ้นลงน่าสงสัย
ทุบราคาจอมปลอมย้อมแมวไทย
เพื่อหลอกให้เขาเข้ามาแล้วฆ่าฟัน

ไทยจะเข้มแข็งได้ในวันนี้
คือประชาธิปไตยต้องมีให้เชื่อมั่น
เผด็จการซ่อนอยู่เขารู้ทัน
ราวสวรรค์แต่นรกตกนรกานต์

ไทยเข้มแข็งประชาชนต้องเข้มแข็ง
เป็นกำแพงแกร่งฝ่าพวกหน้าด้าน
ชิงธงนำอำมาตยาผู้สามานย์
เพื่อสร้างบ้านเมืองทองเป็นของเรา.

----------------------------------------------------------------------------------

TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146
ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)


วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ อภิวัฒน์สู่สันติ CHANGE TO PEACE

รายการพิเศษทรงคุณค่าแห่งการรอคอย
เทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ อภิวัฒน์สู่สันติ CHANGE TO PEACE
วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
--------------------------------------------------------------------------------
โดย : สถาบันปรีดี พนมยงค์
26 ตุลาคม 2552

ขอเชิญชมการผสานศิลปะสองสาขาระหว่างการฉาย
ภาพยนตร์กับการบรรเลงดนตรีสด
เวลา ๑๓.๐๐ น. / time 1.00 p.m.
ชม ! คานธี อนันตกาญจน์ และคณะบรรเลงดนตรีสด
ในการฉายภาพยนตร์อมตะโลก
เรื่อง Metropolis 1927 Black and White
117 minutes Silent with English Subtitles
A Film by Fritz Lang’s
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของภาพยนตร์เยอรมันเรื่อง Metropolis 1927 ผลงานการสร้างและกำกับการแสดงโดย Fritz Lang นี่คือผลงานชิ้นสำคัญที่ได้วางรากฐานอย่างล้ำลึกเหนือยุคสมัย ขณะเดียวกันได้ให้แง่คิดในเรื่องการปรองดองกันหลังความขัดแย้งเอาไว้ด้วย
หลายสิ่งที่เป็นจินตนาการของผู้สร้างปรากฏเป็นจริงในเวลาต่อมา นับเป็นตำนานประวัติศาสตร์ของโลกภาพยนตร์ที่ได้เคยมีการสร้างสรรค์ผลงานอันน่ามหัศจรรย์ในยุคภาพยนตร์เงียบ การนำออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1927 ได้ใช้วงดนตรีบรรเลงสดประกอบการนำมาฉายในเทศกาลศิลปะนานาพันธ์ อภิวัฒน์สู่สันติ CHANG TO PEACE นี้
ด้วยความตระหนักถึงคุณค่าของภาพยนตร์ คานธี อนันตกาญจน์ ศิลปินรุ่นใหม่ผู้เพียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์ความสามารถทั้งการประพันธ์สร้างสรรค์ดนตรี ผู้ซึ่งมีผลงานโดดเด่นทางดนตรีประกอบภาพยนตร์ การแสดงสด บรรเลงดนตรีประกอบละครเวทีและอื่นๆ อีกมากมาย
อีกทั้งยังเป็นนักการละครชั้นเยี่ยม ได้ชักชวนเพื่อนนักดนตรีมาร่วมกันบรรเลงดนตรีประกอบการฉายภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ของโลก เพื่อให้เกิดอรรถรสทั้งภาพและเสียงอย่างสอดประสานกัน เป็นการสร้างปรากฏการณ์การรังสรรค์เพื่อสันติภาพร่วมกันของศิลปินต่างยุค ระหว่าง Fritz Lang 1927 ปรมาจารย์ภาพยนตร์เงียบชาวเยอรมัน กับ คานธี อนันตกาญจน์ 2009 ศิลปินนักดนตรีนักแสดงร่วมสมัยไทยและคณะ โดยมีงานศิลปะเป็นตัวเชื่อมโยงจิตวิญญาณอภิวัฒน์สู่สันติ เข้าด้วยกัน
เวลา ๑๕.๑๕ น. / time 3.15 p.m.
ชมการแสดงพื้นบ้านล้านนา
จาก โรงเรียนสืบสานศิลปวัฒนธรรมล้านนา
คณะศิษย์แม่จำปา แสนพรหม ณ หอประชุมพูนศุข พนมยงค์
เวลา ๑๕.๓๐ น. / Time 3.30 p.m.
ชมภาพยนตร์อมตะสท้านโลก Modern Time 1936
Black and White 88 minutes
Silent with Thai Subtitles Produced, Starring, Music ,
Written and Directed by CHARLES CHAPLIN
ในกระบวนภาพยนตร์เงียบของ CHARLES CHAPLIN ที่ทำให้ผู้ชมหัวเราะได้เต็มเสียงพร้อมกับการเสียดสีสังคมทุนนิยมอย่างครื้นเครงนั้น ภาพยนตร์เรื่อง Modern Time 1936 เป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุด ทั้งสาระและความบันเทิง เต็มไปด้วยชั้นเชิงทางศิลปะ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าใด คุณค่าของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เคยเสื่อมมนต์เสน่ห์ ทำให้ผู้ชมต่างยุคได้สนุกสนานแฝงแง่คิดอย่างลึกซึ้ง เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม
สถาบันปรีดี พนมยงค์ เลขที่ ๖๕/๑ (ทองหล่อ) กรุงเทพฯ
เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีทองหล่อ (ทางออกหมายเลข ๓)
Tel ๐-๒๓๘๑-๓๘๖๐-๑

Pridi Banomyong Institute65/1 Thonglor, Sukhumvit 55 Rd., Vadhana,
Bangkok 10110 ThailandTel : (66) 2381-3860-1 Fax : (66) 2381-3859

ประชาชนฉบับไหน? โดย จักรภพ เพ็ญแข

โดย : จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา : คอลัมน์ ผมเป็นข้าราษฎร นสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 21

ข้อถกเถียงว่าควรใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. ไหน หรือจะแก้ไขอย่างไรจะปฏิรูปการเมืองได้ดีกว่า ทำให้ผมระลึกนึกถึงคำพูดทีเล่นทีจริงของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ท่านพูดหลายครั้งขณะเป็นนายกรัฐมนตรีว่า “ทำอะไรอย่าให้เป็น the tallest among the shorts”
แปลว่า จงอย่าเป็น “คนสูงในหมู่คนเตี้ย”

น่าจะคล้ายกับสำนวนอเมริกันว่า “ปลาใหญ่ในบ่อเล็ก” หรือ “big fish in a small pond” คือคนที่ประสบความสำเร็จเพราะปราศจากคู่แข่งที่สมศักดิ์ศรี หรือด้อยสมรรถภาพเสียจนชัยชนะนั้นไม่มีราคาอะไร

คนสูงและคนเตี้ย คือคำเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับที่มวลชนร่วมกันร่างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญที่ร่างและผ่านในยุคเผด็จการทหารครองเมืองในปี พ.ศ.๒๕๕๐ โดยประชามติที่ฝ่ายอำมาตย์ควบคุมกลไกอย่างเข้มข้น

ข้อถกเถียงในขณะนี้คือ ฝ่ายประชาธิปไตยควรเห็นคล้อยตามมติของคณะกรรมการสมานฉันท์ที่รัฐสภาแต่งตั้งขึ้น โดยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นจำนวน ๖ ประเด็นหรือไม่ ตัวแทนพรรคเพื่อไทยในคณะกรรมการฯ คือคุณวิทยา บุรณศิริ เห็นด้วย แต่บุคคลผู้มีอิทธิพลต่อความคิดความเห็นของคนเป็นจำนวนมากอย่างคุณทักษิณ เห็นว่าไม่เพียงพอ และไม่ควรตั้งธงแก้ไขอะไรกับฉบับนี้เพราะควรนำรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ มาใช้แทน

มวลชนเสื้อแดงก็เริ่มจะรวนเร

การถกเถียงที่จำกัดทางเลือกนั้น ความจริงออกจะอันตรายต่อวิถีประชาธิปไตยมาก ก่อนที่ทุ่มตัวเองไปในข้อถกเถียงว่า ๒๕๔๐ หรือ ๒๕๕๐ และควรแก้ไขมากหรือน้อยมาตรานั้น นักประชาธิปไตยควรย้อนไปดูสมุฏฐานของโรคเผด็จการไทยให้ชัดเสียก่อน

รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับควรมีประกาศิตและสั่งระบบการเมืองให้ซ้ายหันขวาหันได้ เพราะมีสถานะอันสูงสุดก็จริง แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว ต้องพิจารณาด้วยว่ามีอำนาจใดที่สูงยิ่งกว่าตัวรัฐธรรมนูญและแฝงเร้นอยู่อย่างลี้ลับหรือไม่

ภาวะเผด็จการของไทยไม่เคยเกิดขึ้นจากฝ่ายการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเลย จะมีคุณทักษิณที่ถูกกล่าวหาซ้ำซากว่าเป็นเผด็จการเลือกตั้งและละเมิดสิทธิต่างๆ มากมาย แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีหน้าไหนไม่ว่าไทยหรือฝรั่งจะสามารถเอาผิดได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว ทั้งที่หมดอำนาจราชศักดิ์แล้วอย่างนี้ ก็ต้องกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่มีรัฐบาลเลือกตั้งชุดใดกลายเป็นเผด็จการเลย

อำนาจใหญ่หลวงที่ปล้นประชาธิปไตยด้วยกำลังอาวุธ หรือบิดเบือนเจตนารมณ์ของกระบวนการยุติธรรม หรือจัดตั้งมวลชนเสื้อเหลืองมาฉีกทำลายเกียรติภูมิของชาติ หรือความเลวร้ายใดๆ ในขณะนี้ ล้วนมาจากฝ่ายตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเรายังเรียกอย่างเกรงใจว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยทั้งนั้น

ระบอบนี้คือลูกที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของเชื้อโรค ๓ ชนิดคือ

๑. ระบบราชการ (ซึ่งมิได้หมายถึงข้าราชการทุกคน)

๒. อำนาจแฝงเร้นที่ทุกฝ่ายยอมเชื่อฟังทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย อย่างที่บางคนเรียกว่า “มือที่มองไม่เห็น”

๓. ระบบสนับสนุนอื่นๆ เช่น ธุรกิจแนวอนุรักษ์ นักวิชาการในสังกัดของรัฐ เป็นต้น

การจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ตามมาใช้หรือนำมาแก้ไข ต้องพิจารณาก่อนว่ามีสรรพคุณในการแก้ไขโรคร้ายดังกล่าวหรือไม่ โดยเฉพาะเชื้อโรคทั้งสามชนิดที่เขียนไว้ข้างบนนี้

ถ้ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ ไม่มีคุณสมบัติหรือสรรพคุณอย่างนี้ ก็ถือว่าไร้ประโยชน์และไม่ใช่ “คนตัวสูง” ของการช่วงชิงอำนาจครั้งนี้ และเราก็ไม่ควรขอร้องมวลชนให้เสียเวลาออกมาเรียกร้องต้องการ

ไม่ต้องเอ่ยถึงฉบับปี พ.ศ.๒๕๕๐ ให้เสียปากก็ได้

ก็รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ มิใช่หรือ ที่สร้างองค์กรอิสระมาทำลายสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของคนไทยจนแทบจะยกพวกฆ่ากันแล้วในวันนี้?
เนื้อความโดยรวมถึงจะมีมาตราดีๆ และมีลักษณะก้าวหน้า ก็ไม่ได้พาคนไทยออกจากกับดักเดิมคือระบอบอำมาตยาธิปไตย แต่ยังคลอเคลียอยู่อย่างแนบเนียน

เก็บสุนัขรับใช้ไว้ทั้งฝูง แถมยังใส่ลูกสุนัขใหม่ไว้อีกหลายตัว เพราะคนยกร่างเขาแนบแน่นอยู่กับเจ้าของหมา แต่ฝ่ายประชาชนเราไม่รู้

จริงครับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ทำให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยแท้ๆ ภายใต้นายกทักษิณขึ้นมาได้ในปี พ.ศ.๒๕๔๔ และฝ่ายประชาธิปไตยก็มีความสุขกันมาก แต่จากนั้นมาจนกระทั่งวันนี้บรรยากาศการเมืองไทยเปลี่ยนไปราวหน้ามือกับหลังเท้า จนแทบจะแบ่งประเทศกันอยู่แล้ว เราจะหลงภาพความงดงามในอดีตอย่างนั้นกันได้หรือ

ฝ่ายอำมาตย์เขาไม่ได้โง่จนยอมให้เกิด “ทักษิณ ๒” ขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ง่ายๆ หรอกครับ

เมื่อวิจารณ์แล้วก็ต้องบอกว่าเสนออะไร

หากไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่สอดคล้องต่อการกำจัดเผด็จการและพัฒนาประชาธิปไตยให้ยั่งยืน ก็มีทางเดียวคือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาเสียเลย ภารกิจหลักคือทำลายอำนาจของ “มือที่มองไม่เห็น” และเครือข่ายของฝ่ายที่มุ่งทำลายระบอบประชาธิปไตยลงเสีย

จะรวมเขตแบ่งเขต จะนับคะแนนที่อำเภอหรือหน้าบ้าน กกต. หรือเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งทั้งหลาย ช่างมารดามันเถิดครับ

พูดเรื่องใหญ่และพูดให้ชัดว่า ต้องเขียนใหม่ได้ทุกมาตราไม่มีข้อแม้และไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีหมวดใดและมาตราใดพ้นจากมือประชาชน เพื่อย้อนกลับมาทำร้ายประชาชนด้วยอำนาจแฝงเร้นล้นพ้นได้อีก

ขณะนี้บ้านเมืองกำลังป่วยด้วยโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราคงไปขุดกรุแล้วเอายาเก่ามาผสมผเสกินใหม่ไม่ได้หรอกครับ

เมื่อเกิดโรคใหม่หรือโรคเก่าที่รักษาไม่หายสักที ก็ต้องปรุงยาใหม่

เช่นเดียวกับการสลัดการเมืองแบบเก่าก็ต้องอาศัยรัฐธรรมนูญใหม่
การไปขุดเอารัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาใช้ในสถานการณ์ใหม่ เพียงเพราะมีสภาพดีกว่าฉบับทหารเพียงนิดหน่อย ก็คือการเลือกคนสูงจากกลุ่มคนเตี้ยอย่างที่พูดมาตอนต้น

เราว่าของเราสูงแล้ว แต่เอาไปแข่งบาสเก็ตบอลกับใครก็ไม่ไหว เพราะสูงไม่พอเมื่อเทียบกับเขา

จะเอาฉบับของ นายแพทย์เหวง โตจิราการ มากางก็ได้ แล้วเพิ่มส่วนที่หมอเหวงท่านยังเหนียมๆ ไม่ใส่ในตอนแรกให้มันครบ หรือจะร่วมกันยกร่างขึ้นใหม่ ให้เหมือนร่างกฎหมายเรื่องเดียวกันที่ยกร่างขึ้นหลายๆ ฉบับก็ได้ ถึงเวลาก็มาเลือกสรรและบูรณาการกัน นี่ก็เป็นวิธีการที่ทำได้ในยามสันติ

แต่ถ้าอำมาตย์ยังบ้ากันไม่พอ ยังวิ่งไล่ล่าฝ่ายประชาธิปไตยด้วยคดีความต่างๆ กันไม่หยุดจนหาเวทีสงบหรือเวทีกลางร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ นั่นก็ต้องว่ากันไปอีกทาง เพราะบ้านเมืองอาจจะมีกรรมเก่ามาก

ใครแตะเชือกก่อนในตอนนั้นก็งัดเอาฉบับของตัวเองออกมาใช้ก็แล้วกันครับ.

----------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146
ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)
----------------------------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ด่วน อาเซียนซัมมิทเจอป่วนหนัก พรก.มั่นคง เอาไม่อยู่ โดย วโรทาห์

โดย : วโรทาห์
24 ตุลาคม 2552

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตำแหน่งประธานอาเซียน ที่นึกว่าใครเป็นก็ได้ ทำท่าว่าจะมีอาถรรพ์ซะแล้ว เมื่อคนที่มาสวมรอยดันบุญไม่ถึง จะหยิบจะจับอะไรมันเลยมีปัญหาไปซะหมด ขนาดว่าเตรียมการกันมาอย่างดี ยังให้มีอันเป็นไป ต้องป่วนกันไม่เสร็จ

อย่างคราวที่แล้วก็เจอจอมเนรคุณอย่างเนรวิน พาพวกเสื้อน้ำเงิน ไปดักตีเสื้อแดงจนงานกร่อย เล่นเอาที่ประชุมถึงกับวงแตก เปิดตูดเผ่นแน่บ อย่างกับผึ้งแตกรัง ป่านนี้ยังเคืองท่านประธานไม่หายว่า

แหม..ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน มันยังทิ้งกันได้ลงคอ

มาครั้งนี้กะว่ายังไงก็กินนิ่มแน่ๆ เพราะเตรียมกองทหารไว้เต็มอัตราศึก พร้อมอาวุธหนักครบมือ ซ้ำมีร่างประกาศพรก.มั่นคงเอาไว้รอเสร็จ ขนาดนั้น ยังไม่วายเจอป่วนเข้าอีกจนได้

แถมคราวนี้ยังแสบหนักขึ้นไปอีกหลายกิโลขีด เพราะมันป่วนจากภายใน โดยแก๊งค์ออฟโฟร์ ที่เกิดเฮี้ยนขึ้นมา อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ต่อให้พ่อพรก.ยังยากที่จะเอาอยู่

เมื่อจู่ๆ ผู้นำ 4 ประเทศ ก็มาไม่ทันเปิดงานมันซะดื้อๆ ด้วยข้ออ้างสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ตู-ม่าย-ว่าง!

แล้วแก๊งค์ที่ว่าก็บิ๊กเนมกันทั้งนั้น นำทีมโดยบิ๊กบัง ประธานาธิบดีสุสิโล่ บัมบัง ยุดโดโยโน่ แห่งอินโดนีเซีย พร้อมด้วยคู่หูคู่ฮาอย่าง นายกรัฐมนตรีดาโต๊ะ ซรี โมฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค แห่งมาเลเซีย

ผสมโรงโดยประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัลป์ อาร์โรโย่ แห่งฟิลิปปินส์ และที่ขาดไม่ได้เป็นอันขาด คือสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน

ว่ากันว่า รายหลังนี้ ตั้งใจมาป่วนโดยเฉพาะ

แต่ที่ไม่คาดไม่ฝันว่าจะทำกันได้ คือสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาเลาะห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ข่าวว่าทรงเมินโรงแรมที่ประทับ ซึ่งรัฐบาลไทยจัดให้อย่างไม่สมพระเกียรติ แล้วเสด็จไปประทับที่บ้านรับรองของน้าแม้ว

หลังจากนั้นก็ทรงประชวร ไม่เสด็จมาร่วมเปิดงาน ซะงั้น

หมดกัน..ชื่อเสียงประเทศชาติป่นปี้ ยังไม่เท่าอดชักรูปหมู่ ซึ่งมาร์คหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ ว่าจะเอาไปประดับหอแต๋วแตก ให้เลื่องลือกันไปว่า มาร์คหล่อที่สุดในอาเซียน

งานนี้ ต้องเรียกว่าขาป่วนเขามีระดับ ถึงได้เล่นซะงานกร่อยตั้งแต่ยังไม่เปิดด้วยซ้ำ มิน่าล่ะ เสื้อแดงถึงได้ทำเป็นใจดี ส่งพี่กี้ร์ไปยื่นหนังสือสนับสนุนการประชุม แล้วกลับบ้านไปนอนเกาพุงเฉย

และที่ทำเอาคอการเมืองถึงกับซี้ดปาก อย่างกับฟาดตำไทยใส่พริก 7 เม็ด ก็คือลีลาพญามังกรอย่างพ่อใหญ่จิ๋ว เมื่อแตะมือกับพญานาคอย่างฮุน เซน ก็เล่นเอางูดินอย่างมาร์ค ถึงกับดิ้นพราดๆ อย่างกับไส้เดือนถูกขี้เถ้าร้อนๆ

ถ้าแค่นี้ถือว่าฮาแล้ว แสดงว่ารู้ไม่จริง ต้องติดตามตอนต่อไป แล้วจะรู้ว่า ยังฮาได้อีกเมื่อฮุนเซนไปกระซิบกระซาบข้างหูลุงจิ๋วว่า ได้เตรียมที่พักอย่างดีไว้ให้เพื่อนแม้ว จะมาเมื่อไหร่ก็เวลคัมเสมอ

มีหรือที่อินทรีการเมืองระดับนั้นจะไม่รู้ว่า พ่อใหญ่แกปากสว่างจะตายไป ขนาดป๋าไม่ให้เข้าไปลาบวช แกยังเอามาปูดซะเสียหมาหมด

แล้วลุงจิ๋วก็ไม่ทำให้ลูกหลานต้องผิดหวัง เมื่อแกเอาคำพูดของฮุนเซนมาป่าวประกาศซะดังลั่น เล่นเอาแมลงสาบถึงกับผีเข้ากันยกก๊วน

ให้มันรู้กันไปว่า เมื่อพ่อใหญ่จิ๋วพูดจารู้เรื่องขึ้นมา อะไรก็เอาแกไม่อยู่

แล้วเราก็ได้เห็นลีลาการเมืองระดับฮุนเซน เมื่อเขาปล่อยของผ่านลุงจิ๋ว แล้วยังตามมาย้ำหัวตะปูที่กรุงเทพฯ ยืมปากผู้สื่อข่าวนับพันที่มารอทำข่าวการประชุม ให้มันดังก้องไปทั้งโลก กล้าๆ แทงเต็งไปเต็มๆ ที่ฝั่งเสื้อแดง ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยไม่เห็นหัวใครอยู่ในสายตา

ถือเป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่กินยาวไปได้ชั่วลูกชั่วหลาน

ด้วยคิวเพื่อนช่วยเพื่อน ซื้อใจกันล่วงหน้า นอกจากยืนยันให้พักพิงแล้ว ยังจะตั้งเพื่อนแม้วเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจอีกต่างหาก ถ้าใครยังขืนข้องใจ จะลากเรื่องที่เพื่อนแม้วถูกรัฐประหาร เข้าไปพูดในที่ประชุม เหมือนกรณีออง ซาน ซูจี ซะให้เข็ด

เจอกับดักเข้าไปเต็มเปา แทนที่จะรู้ตัว ประธานอาเซียนเด็กดื้อของเรา กลับแสดงอาการฮึดฮัดโดดเกาะโพเดียม ลอยหน้าลอยตาเหน็บกลับไปหลายดอก ทั้งๆ ที่เรื่องน่าอายอย่างนี้ น่าจะโบ้ยไปให้เทพทุย เขารับเหมาโชว์โง่แต่เพียงผู้เดียว ดูจะเข้าท่ากว่า

คงกลัวว่าจะสวนกลับไม่ได้อย่างใจ เลยทำให้ถลำลึก แสดงวุฒิภาวะออกมา ให้ชาวโลกได้เห็นกันจะๆ

เจอมวยเชิงสูงระดับอัครมหาเสนาบดีเดโชอย่างฮุนเซน เล่นเอาเอกอัครมหาซื่อบื้อของเรา ถึงกับเข้าป่า ออกทะเล กู่ไม่กลับกันเลยทีเดียว

เป็นอันว่า ถึงจะจัดการประชุมได้ แต่กลับต้องมาเสียหน้าหนักเข้าไปอีก เจอเข้าไปไม้นี้ คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างมาร์ค แทบจะคลั่งซะให้ได้ อยากสั่งกองทัพลุยถั่วเขมรให้รู้แล้วรู้รอด ก็ไม่มีอำนาจ

จะยืมมือป๊อกเด้ง ก็กลัวใจมันจริงๆ รู้ๆกันอยู่ว่าขานั้น เห็นงานเป็นโดดหนี เห็นหมีเป็นโดดใส่ นอกจากจะไม่จัดให้แล้ว เผลอๆ มันจะไปตั้งก๊วนออกทีวีกับสรยุทธ แล้วประกาศกร้าวว่า ถ้าเป็นผม ผมลาออกไปแล้ว

อะไรไม่เจ็บปวดเท่า การประชุมอาเซียนซัมมิท กลายเป็นทักษิณซัมมิทไปซะฉิบ อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือว่าจะแจ้งเกิดในงานนี้ ดันมาโดนทักษิณแย่งซีนไปซะได้ ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว ขานั้นก็ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร ให้เป็นเรื่องเป็นราว

ยังขุดหาเพชรงกๆ อยู่ที่อาฟริกาด้วยซ้ำไป.

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คำขอบคุณจาก "จักรภพ เพ็ญแข"

โดย : จักรภพ เพ็ญแข
23 ตุลาคม 2552

ได้รับพรจากทุกท่านมั่นใจนัก
ว่าความรักเพิ่มพูนไม่สูญหาย
เชื่อมหัวใจไว้ระหว่างแม้ห่างกาย
สู่เป้าหมายไทยล้วนเพื่อมวลชน
แต่ละคลิปแต่ละคำช่างอมฤต
และศักดิ์สิทธิ์หนักหนาคุ้มฟ้าฝน
ถึงกายไกลก็ไม่หนาวเพราะชาวชน
เป็นลมบนเบิกฟ้าอยู่ท้าทาย
อำนวยพรพี่น้องสนองตอบ
สิ่งที่ชอบสิ่งที่ดีไม่หนีหาย
ให้หมดจดสดใสทั้งใจกาย
สู่สุดท้าย “ศักดิ์ศรีเสรีไทย”

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บรรยากาศงานทำบุญวันเกิด "จักรภพ เพ็ญแข"

โดย : Nangfa
21 ตุลาคม 2552

ผ่านมาแล้วเมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคม 52 งานทำบุญเลี้ยงพระเพลในโอกาสคล้ายวันเกิด ที่บรรดาแฟนคลับและญาติสนิทมิตรสหายพร้อมใจกันจัดขึ้น เพื่อเป็นการระลึกถึงและอุทิศบุญกุศลให้กับ “คุณจักรภพ เพ็ญแข” นักสู้เพื่อประชาธิปไตยของพวกเราทุกคน ณ สถานีวิทยุ “รวมใจไทย” FM105.75 ถนนลาดพร้าววังหิน งานบรรลุวัตถุประสงค์และสำเร็จไปอย่างราบรื่น ได้รับความปลื้มอกปลื้มใจไปตามๆ กัน

บรรยากาศตั้งแต่เช้าบรรดาแฟนคลับทยอยกันเดินทางมาจากต่างสถานที่ นั่งบ้างยืนบ้าง ทักทายพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เจ้าของสถานที่ “คุณเล็ก-สุพรรณฯ” ก็จัดเตรียมอาหารทั้งคาว-หวาน ผลไม้ พร้อมเครื่องถวายพระสงฆ์ไว้อย่างครบครัน

แขกคนสำคัญนอกจากคุณพ่อ-กัปตัน จำนงค์ เพ็ญแข และคุณแม่ณัฐวรรณ เพ็ญแข แล้ว ยังได้รับเกียรติจาก ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ มาพร้อมกับภรรยา คุณแหม่ม-สุพิชฌาย์ และทีมงานของท่าน

ดร.วิบูลย์ นอกจากจะมาร่วมงานบุญแล้ว ท่านยังได้สละเวลาเสวนาประชาธิปไตยให้ทุกคนในงานได้รับความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านไว้ ณ ที่นี้

เมื่อเลี้ยงพระเสร็จเรียบร้อย บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายก็ตั้งโต๊ะรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข รอคอยเวลาที่ “เจ้าของวันเกิด” จะโฟนอินเข้ามาทักทาย และขอบคุณในน้ำใจไมตรีที่แฟนๆ และพี่น้องมีให้

เวลา 13.10 น. “เสียงสวัสดีครับ” จากคนที่รอคอยก็ดังขึ้น พร้อมเสียงปรบมือต้อนรับอย่างเกรียวกราว ตามด้วยเสียงเพลง “Happy Birthday to you” ที่กลั่นออกมาจากหัวใจทุกดวงของผู้ที่อยู่ในห้องนั้นก็ดังขึ้นพร้อมกัน วันนี้เป็นวันแรกที่พ่อ-แม่-ลูก ได้ทักทายกันต่อหน้าผู้คนที่ให้กำลังใจอยู่นับร้อยชีวิต ทำให้ทุกคนตื้นตัน อดที่จะน้ำตาไหลซึมออกมาไม่ได้ การสนทนาต่อๆ ไป จึงจบลงด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา แต่ก็มีความสุขกันถ้วนหน้า

เมื่อโฟนอินจบเรียบร้อยทางเจ้าภาพจึงชวนกันเปลี่ยนอารมณ์ ด้วยการร้องรำทำเพลง เรียกความครึกครื้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

งานนี้ได้ทั้งบุญ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งน้ำตา แต่ก็เป็นน้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขค่ะ

ภาพบรรยากาศในงาน...
























***ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง "ชมรมคิดถึงเพื่อนร่วมรบ จักรภพ เพ็ญแข" มีจิตศรัทธาพร้อมใจนัดกันไปทำทาน เพื่อเป็นกุศลให้กับ "คุณจักรภพ" เช่นกัน จึงได้ร่วมกันรับบริจาคอาหารคาว-หวาน ผลไม้ และช่วยกันนำไปแจกให้กับเพื่อนผู้ด้อยโอกาส ที่อยู่บริเวณท้องสนามหลวง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดาเพื่อนๆ ที่อาศัยอยู่ที่ท้องสนามหลวงวนเวียนกันเข้ามารับแจกอาหารจนหมดเกลี้ยง ก็สนุกสนานไปอีกรูปแบบหนึ่ง...

และเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. “คุณจักรภพ” ก็ได้โฟนอินเข้ามาที่เวทีเล็ก บริเวณท้องสนามหลวงด้วย ทำให้บรรยากาศที่คึกคักอยู่แล้ว มีความกระชุ่มกระชวยขึ้นอีก ทุกคนรีบกระวีกระวาดวิ่งไปหาที่นั่งติดหน้าเวทีเพื่อตั้งใจฟัง ผู้นำในดวงใจของพวกเขา แฮ๊ปปี้กันไปตามๆ กันค่ะ

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง :

สุขสันต์วันเกิดเพื่อนร่วมรบ จักรภพ เพ็ญแข
http://www.123greetings.com/birthday/friends/bdayfriend78.html

คลิ๊ปเสียงท่านจักรภพ โฟนอินเพื่อนร่วมรบฯ สนามหลวง MP3 21-10-2009
http://www.mediafire.com/download.php?05mlgtznkym

คลิ๊ปเสียงอวยพรวันเกิดจักรภพ เพ็ญแข จากชาวเว็บ
http://baygon5.no-ip.org/upfiles/tammpa/HBD@JAKKAPOP@2009-10-21.mp3

คลิปเสียงคุณจักรภพ วันทำบุญวันเกิดที่ FM105.75 -21-10-52
http://www.4shared.com/file/142419973/d22b735e/JP_phone-in_FM10575_MHz_on_his_birthday2009-10-21.html

คลิปเสียงคุณจักรภพให้สัมภาษณ์ konthaiuk สบายๆ ในวันเกิด 21-10-52
http://www.4shared.com/file/142449204/c7bb10ab/DJ_Shanamy-DJ_Pitt_Interiew_DrJakapob_Penkhae_2009-10-21.html