ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทวิลักษณ์ของอำนาจ โดย จักรภพ เพ็ญแข


เรื่อง : ทวิลักษณ์ของอำนาจ
ที่มา : คอลัมน์กว่าจะเป็นประชาธิปไตย
โดย : จักรภพ เพ็ญแข

******************************************************************************

ผมเพิ่งดู DVD ที่ออกจะเก่าแล้วเรื่องหนึ่งชื่อ “The Contender” เป็นหนังเกี่ยวกับศึกชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเพราะคนเก่าตายลง ธรรมดาผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงพร้อมกับประธานาธิบดี ตามระบบเลือกหนึ่งได้สอง แต่บังเอิญตำแหน่งรองประธานาธิบดีเกิดว่างลง ก็ต้องสรรหาโดยผ่านคองเกรสส์หรือรัฐสภาอเมริกัน โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรที่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มาตรา ๒๕ ให้อำนาจดังกล่าวไว้ แล้วเกมการเมืองชนิดเลือดสาด เพราะเกิดการแย่งชิงว่าใครจะเข้าป้ายก็เกิดขึ้นในห้องประชุมกรรมาธิการและการให้การแบบที่เรียกว่า hearing

เป็นการเฉือนบทอย่างสุดยอดระหว่างสมาชิกวุฒิสภาหญิงผู้เป็นว่าที่รองประธานาธิบดี (โจน อัลเล็น เป็น ส.ว.เลน แฮนสัน) ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมฯ (โดย แกร์รี่ โอลด์แมน) ประธานาธิบดี (เจฟฟ์ บริดเจส) หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว (แซม เอลเลียต) เพราะเกมนี้คือโอกาสที่จะวางตัวเองเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปด้วย ใครมีอะไรในตัวต้องคว้าออกมา บรรยากาศจึงเกลื่อนไปด้วยจิตใจอันสูงส่งและวิชามารที่ต่ำช้า ไม่ต่างไปจากการเมืองที่ไหนในโลกรวมทั้งการเมืองไทย

แต่ประโยคหนึ่งของตัวประธานาธิบดีทำให้เกิดสะดุดใจและอยากนำมาเขียนไว้ในที่นี้ เพราะสื่อความจริงทางการเมืองได้ดีเหลือหลาย

“นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า อำนาจได้มาด้วยการใช้วิธีการทุกอย่างไม่ว่าเทพหรือมาร ไม่ว่าดีหรือเลว ไม่ว่าสูงหรือต่ำ (pettiness) แต่การจะใช้อำนาจให้เป็นผลดีและเกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ต้องอาศัยความยิ่งใหญ่ (greatness) เสมอ ปัญหาคือลักษณะสองอย่างมักไม่มีอยู่ในคนๆ เดียว”

ฟังแล้วก็ต้องนำมาใคร่ครวญโดยแยบคาย ขั้นแรกคือจริงหรือไม่ที่นโปเลียนกล่าวอย่างนี้

การแสวงหาอำนาจ ต้องใช้กลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่าง เรียกว่า pettiness

การใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม ต้องประกอบด้วยความยิ่งใหญ่คือ greatness เป็นพื้น

ลักษณะสองอย่างนี้ขัดกันโดยธรรมชาติ คนที่มีจิตใจสูงส่งมักคิดเรื่องต่ำช้าไม่ได้ ส่วนคนที่คิดเรื่องต่ำช้าอยู่เสมอ จะไปเอาความสูงส่งในหัวใจมาจากไหน

แต่นโปเลียนมองว่าถ้าไม่มีครบสองอย่างนี้ก็บริหารอำนาจไม่ได้

เมื่อประชาธิปไตยเป็นระบอบเดียวที่ปวงชนมีอำนาจสูงสุดและเป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุด แต่จำเป็นต้อง “ฝาก” อำนาจให้คนอื่นใช้แทนชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือใครก็ตาม ทำให้แนวคิดเรื่องอำนาจในระบอบประชาธิปไตยมีความแตกต่างจากระบอบอื่นมาก

ในระบอบอื่นๆ อย่างสมบูรณาญาสิทธิราช (กษัตริย์ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดหรือมีพระราชอำนาจ) อำมาตยาธิปไตย (ชนชั้นปกครองมีอำนาจสูงสุด) คณาธิปไตย (กลุ่มบุคคลมีอำนาจสูงสุด) ฯลฯ ล้วนแสวงหาอำนาจและใช้อำนาจกันอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้อยู่ใต้ปกครองมากนัก หรือไม่คิดเลย อำนาจอย่างนั้นเรียกตามสูตรได้ว่าคือสิ่งที่มีแล้วทำให้บุคคลอื่นกระทำตามความต้องการของตนได้

ซึ่งเป็นคำจำกัดความของ อำนาจ

แต่นักประชาธิปไตยต้องระวังมากกว่านั้นหลายเท่า การได้ซึ่งอำนาจก็ดี และการใช้อำนาจที่ได้มาก็ดี จะกระทำอย่างต่ำช้าและกระทบกระเทือนต่อความเป็นเจ้าของอำนาจนั้นของปวงชนไม่ได้ ครั้นจะระวังมากจนฝ่ายตรงข้ามที่เขาทำทุกอย่างเต็มที่ กลับช่วงชิงอำนาจนั้นไปแทน แล้วกดขี่ข่มเหงปวงชนเป็นการใหญ่ ก็เท่ากับว่าฝ่ายประชาธิปไตยล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเหมือนกัน

สมดุลที่นโปเลียนกล่าวไว้จึงถือเป็นเรื่องยากยิ่ง

ในประเทศที่ระบอบประชาธิปไตยประสบความสำเร็จ เขามักจะฝากตัวทำสมดุล (balancer) ไว้ในรัฐธรรมนูญและในวัฒนธรรมการเมือง (หรือจะเรียกจารีตการเมืองก็ได้) เพื่อเป็นเกณฑ์บอกว่าการแสวงหาอำนาจและการใช้อำนาจในแต่ละครั้งเกินเลยไปจากเส้นและกรอบอันเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสม ก็จะมีเครื่องมือต่างๆ เพื่อเอาอำนาจนั้นคืน เช่น การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ อารยะขัดขืน เป็นต้น ระบอบประชาธิปไตยในที่นั้นก็จะอยู่ต่อไปได้

ผู้ที่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์จะรู้ดีว่าประชาธิปไตยทุกชนิดคือระบอบจัดการทางสังคม สังคมนั้นประกอบขึ้นด้วยคน จึงไม่มีทางที่กลไกใดๆ จะเป็นหลักประกันอย่างถาวรและเปลี่ยนแปลงมิได้ ปวงชนต้องลงแขกทางการเมืองกันเป็นระยะๆ เพื่อผลักอะไรต่างๆ ให้เข้าที่และจัดสมดุลนั้นเสียใหม่ เหมือนในเมืองไทยขณะนี้

คนที่มักถามว่า ทำไมทุกอย่างวุ่นวายนัก และจะวุ่นวายไปอีกนานเท่าไหร่ ต้องย้อนถามตัวเองว่าได้ร่วมออกแรงในการจัดสมดุลอย่างเพียงพอแล้วหรือไม่ นี่คืองานของปวงชนโดยแท้ จะทำในนามคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เอ็นจีโอ หรือใดๆ ก็ตาม ต้องเตือนตัวเองให้เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุดในขณะนี้

เมื่อวันเกิดของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ผ่านมา ผมได้เขียนกลอนขึ้นบทหนึ่ง กะจะอ่านตอนที่โฟนอินเข้ามาที่สนามหลวง แต่เวลาน้อยและผู้คนที่จัดงานออกจะเกร็งมาก ขอนำบทกลอนนี้มาทิ้งท้ายไว้ตรงนี้
เพื่อเป็นตัวอย่างว่าภาวะเสียสมดุลและการจัดสมดุลนั้น ปวงชนชาวไทยได้ทำและจะทำต่อไปอีกมากอย่างไร...

กลอนชุมนุมวันเกิดเปรม
โดย จักรภพ เพ็ญแข

จากนทีสีทันดรส่งกลอนข้าม
ถึงมวลชนคนใจงามสนามหลวง
ส่งความรักแนบในใจไทยทุกดวง
ด้วยความห่วงใยกันทุกวันวาร

พี่น้องมาร่วมกันอย่างฉันท์มิตร
เพื่อแก้ไขสิ่งผิดไม่มองผ่าน
เมื่อประชาธิปไตยถูกภัยพาล
ก็ออกต้านต่อสู้ชูสีแดง

จากสองพันสี่ร้อยเจ็ดสิบห้า
ชาวประชาธิปไตยถูกกลั่นแกล้ง
เลือกผู้นำโดดเด่นเขาเล่นแรง
เข้าดับแสงแรงกล้ามหาชน

ยึดอำนาจปีสี่เก้าพวกเราตื่น
มวลชนพร้อมหยัดยืนสู่พวกปล้น
ถึงเวลาทำคนให้เป็นคน
สู้เกมกลทำคนให้เป็นควาย

การต่อสู้ครั้งนี้เรามีหวัง
มวลพลังแห้งผากกลับหลากหลาย
ชนทุกชั้นร่วมสู้ไม่ดูดาย
เพื่อหวังผลขั้นสุดท้ายได้ความจริง

ประเทศไทยเหมือนบ้านที่ร้างเก่า
หลังคา เสา สวยศรีแต่ผีสิง
ปลอมแปลงตนจนซาบซึ้งน่าพึ่งพิง
บังความจริงสิงสู่เป็นปู่เมือง

ณ สี่เสาฯ เข้าคิวเป็นทิวแถว
ตลอดแนวที่มีแค่สีเหลือง
ลืมปวงชนคนในรัฐผู้ขัดเคือง
ขุนนางเหลืองเขื่องแท้เห็นแก่ตัว

เป็นลูกน้องของโจรโจรก็รัก
จึงปกปักรักษาไร้ค่าหัว
ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นให้แทนตัว
จนคนกลัวอิทธิพลของคนพาล

ถึงฟ้ามืดเพียงใดใจสว่าง
ใครคิดสร้างบาปใหม่คงไม่ผ่าน
เพราะมวลชนทนทุกข์มาเนิ่นนาน
ประสบการณ์เพียงพอไม่ต่อรอง

ใช้กฎหมายฉบับใดใช้ไปเถิด
จะปราบปรามวันเกิดไม่ขัดข้อง
บ้านเมืองจักเปลี่ยนผันตามครรลอง
ใครคิดครองตลอดไปไม่มีทาง

“เมืองไทยนี้ดี” เขาชี้ไว้
แต่เมืองไทยของเขานำเราห่าง
ใครเกิดมาเป็นคนจนจนไม่จาง
ใครอำพรางยากจนคือคนรวย

ภาพมายาเยี่ยงนี้ต้องตีแผ่
สังคมไทยที่แท้คือคนป่วย
ประชาชนเจ็บไข้หายใจระรวย
ภาพสุดสวยสร้างไว้หลอกให้มอง

ถึงเวลาเมืองไทยได้สติ
พอมายาแตกปริก็โปรดส่อง
ของเคยสวยน่าจูบเพราะรูปทอง
ความจริงฟ้องจนได้รู้อสุรกาย

จึงส่งกลอนข้ามฟ้ามาหารัก
เพราะความจริงย่อมประจักษ์ไม่สูญหาย
เมื่อท้องฟ้าสีทองก่องกำจาย
แม่พระพายพัดกลับรับขวัญเอย.

---------------------------------------------------------------------------------
ประชาสัมพันธ์ :
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146
ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

1 ความคิดเห็น:

  1. คำถามถึงอำมาตย์

    อำมาตย์ อำมหิต ประกาศิตตระบัดสัตย์
    ปืนชี้ประกาศชัด ปฏิวัติรัฐประชา
    พรใดฤๅได้พึ่ง เพียงน้ำหนึ่งน้ำใจพา
    หลอมรวมมิอ่อนล้า ยังหยัดท้าอธรรมหยัน


    โดดเดี่ยวไม่เดียวดาย มีจุดหมายจึงมุ่งมั่น
    ต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์ ดุจตะวันตวัดแดง
    สดุดีวีรกรรม อันหาญกล้าหทัยแกร่ง
    ร้อยใจไปร่วมแรง จรัสแสงเจริดสรวง

    ยุทธนายังนานยาว ฝ่ายหนึ่งก้าวไปไกลล่วง
    อีกฝ่ายยังเฝ้าหวง บัลลังก์ลวงมงกุฎหลอน
    สำนึกสิสำนึก! ต้องรู้สึกอนาทร
    ล้านศพที่ทบซ้อน ใช่กองฟอนแค่กลบฝัง

    คำถามถึงอำมาตย์ ลุอำนาจอิ่มหรือยัง?
    เหยียบย่ำสยามยั้ง จนภินท์พัง ถอยหลังครืน
    อำมาตย์ อำมหิต ยังปิดตามิยอมตื่น
    ปวงไพร่ผู้ไร้ปืน ปลุกคนป่าเข้าล้อมเมือง!

    เพ็ญ ภัคตะ
    ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ http://penpakata.blogspot.com/

    ตอบลบ