ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ความตายของกัดดาฟี่ โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ความตายของกัดดาฟี่
โดย กาหลิบ
การสังหารโหดอดีตผู้นำลิเบีย พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี่ เกิดขึ้นระหว่างน้ำหลากครั้งใหญ่ในเมืองไทย ใจคอคนไทยอย่างเราๆ ก็เวียนวนอยู่กับเรื่องใกล้ตัว ไม่อยากคิดอะไรไกลนักในระยะนี้ แต่การหักมุมในการเมืองระหว่างประเทศที่ปลิดชีพกัดดาฟี่เที่ยวนี้ออกจะมีความหมายต่อโลกในหลายมิติ จะเพิกเฉยไปเลยคงไม่สมควร โดยเฉพาะในความเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไทย เพื่อนร่วมทุกข์ในเมืองไทยทุกๆ ท่านคงเข้าใจที่จะไม่พูดเรื่องน้ำสักวัน
ข่าวสารทุกวันนี้รวดเร็วถึงขนาดที่ภาพการจับตัวและกลายสภาพเป็นร่างไร้วิญญาณของกัดดาฟี่มาถึงเร็วว่าเนื้อข่าว เราเห็นภาพกัดดาฟี่ที่ดูงุนงงตื่นกลัว ถูกกลุ้มรุมอย่างไม่เป็นมิตรโดยผู้คนที่มีอาวุธในมือ แล้วภาพก็ตัดไปที่ร่างเปื้อนเลือดของอดีตผู้นำลิเบียที่กำลังถูกนำขึ้นแสดงบนเวทีต่อหน้าประชุมชนที่เมืองเซิร์ต และเห็นได้ชัดว่าถูกปลิดชีพลงเสียแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่ากระสุนนัดสุดท้ายที่ฆ่ากัดดาฟี่มาจากที่ใด จากกองกำลังติดอาวุธฝ่ายประชาชนที่รุมล้อมอยู่หรือจากองครักษ์คนสุดท้ายที่ตัดสินใจลั่นกระสุนใส่ศีรษะอดีตเจ้านายของตนเพื่อให้พ้นจากประชาทัณฑ์และพิทักษ์ศักดิ์ศรีกันแน่ แต่นั่นเป็นภาระหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์และผู้สนใจในการรวบรวมหลักฐานเพื่อประกอบภาพขึ้นใหม่
สิ่งที่มีความหมายต่อเราในเมืองไทยคือการตายของกัดดาฟี่และผลกระทบต่อเนื่องจากวันนี้
ข้อเท็จจริงที่ควรบันทึกไว้ก่อนที่อารมณ์ล้างแค้นจะไหลเข้ามาแทนที่คือ กัดดาฟี่มิได้ถูกโค่นโดยประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยสรรพาวุธของมหาอำนาจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝรั่งเศส เพราะเขาไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเกิดคือเซิร์ตอย่างปลอดภัย กองกำลังประชาชนเข้าไม่ถึงตัวนานถึงสองเดือน แต่เมื่อเขาตัดสินใจย้ายที่หลบซ่อนตัวนั่นเองที่ข่าวรั่ว ขบวนรถกันกระสุนของเขาถูกโจมตีปานสายฟ้าแลบจากเครื่องบินรบฝรั่งเศสซึ่งได้รับข้อมูลอย่างแม่นยำ แต่กัดดาฟี่ก็ยังไม่ตาย วิ่งออกจากซากรถที่สิ้นสภาพขบวนอารักขา พร้อมกับลูกชายและหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองประจำตัวแล้วไปหลบซ่อนในท่อน้ำ จากนั้นเองกองกำลังติดอาวุธฝ่ายประชาชนก็เข้าถึงตัว แล้วการฆาตกรรมทางการเมืองจึงเกิดขึ้น จะโดยใครก็ตาม
ชาวประชาธิปไตยทั่วโลกผู้รู้ถึงพฤติกรรมเลวร้ายยาวนานของกัดดาฟี่ รวมทั้งนักประชาธิปไตยไทย คงกำลังสาธุการกับการตายของเขา กัดดาฟี่คือคนที่ฆ่า ทรมาน และละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ของคนลิเบียมานานถึงสี่ทศวรรษ ชีวิตมนุษย์ถูกกระทบกระเทือนอย่างสาหัสจากระบอบเขามาไม่รู้จักเท่าไหร่ แม้แต่ประชาคมระหว่างประเทศก็ยังชิงชังในความเป็นผู้ก่อการร้ายสากลของเขา การสิ้นชีพอย่างน่าสยดสยองของเขาจึงเสมือนว่าบาปอันหนักได้สนองเขาเข้าให้ ดูจะเป็นสมดุลแห่งชีวิตอยู่
ประชาชนผู้ถูกกดขี่ทำร้ายจนต้องลุกขึ้นสู้กับผู้เผด็จการและระบอบชั่วร้าย ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของสังคมมนุษย์ และเป็นความงอกงามของประชาธิปไตย แต่สมควรหรือไม่ที่ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจจะเข้าร่วมแทรกแซงด้วยอย่างนี้?
สิ่งที่ควรเกิดขึ้นตามธรรมชาติคือประชาชนลุกขึ้นสู้ด้วยตนเอง เมื่อถูกทำร้ายโดยผู้มีอำนาจรัฐก็ย่อมมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ หากจะมีประชาคมระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องในบางขั้นตอนก็ควรเป็นองค์การสหประชาชาติ มากกว่าจะเป็นประเทศอื่นที่มีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันในความเป็นพลโลก พูดง่ายๆ ว่าถ้าจะเอาผิดกัดดาฟี่ในอาชญากรรมทางการเมืองอันมากมายของเขา ชาวลิเบียก็ควรเป็นผู้ชี้นำและดำเนินการเอง อดีตผู้นำควรถูกนำตัวขึ้นศาล ใช้หลักนิติธรรมมาเป็นเนื้อ โทษจะถึงขึ้นประหารชีวิตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนั้น
ไม่ใช่การไล่ฆ่าโดยกองกำลังต่างชาติ และต้อนให้กระเซอะกระเซิงไปถูกฆ่าโดยคนที่กำลังโกรธแค้นชิงชัง
การลงโทษคนที่มีหัวใจเป็นสัตว์ ต้องกระทำโดยจิตใจที่สูงกว่า การลดตัวลงไปเป็นสัตว์ด้วยมิใช่สิ่งพึงกระทำ
เราไม่ต้องการกลายเป็นเผด็จการระบอบใหม่ที่มาแทนเผด็จการระบอบเก่า แต่ต้องการนำความเป็นมนุษย์ที่สูงกว่าเข้ามามอบแก่สังคม เราต้องระวังความคิดและจิตใจของเราให้ดี
ความตายของกัดดาฟี่นั้นเข้าใจได้ แต่ชาวประชาธิปไตยควรคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งถึงผลทางสังคมในอนาคต ก่อนที่เราจะต้องตกอยู่ในที่นั่งนั้นเอง.
--------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com
วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554
สู้กันซึ่งหน้า โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง สู้กันซึ่งหน้า
โดย กาหลิบ
เพิ่งดูการโต้ความคิดเต็มเหยียดสองชั่วโมงของผู้ที่ต้องการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในสหรัฐฯ เพื่อไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับบารัค โอบาม่า แล้วก็เกิดความคิดหลายอย่าง
การโต้ความคิด หรือ debate ครั้งนี้เกิดขึ้นในหมู่ผู้สมัคร ๗ คน และเฉือนกันในสายตาของผู้ชมอเมริกันนับหมื่นในห้องประชุมของโรงแรมเวเนเชียนลาสเวกัส และอีกเป็นล้านๆ คนที่ชมทางโทรทัศน์ นี่คือหนึ่งในการเดินสายโต้ความคิดของผู้สมัครเหล่านี้ และใครจะอยู่จะไปจนถึงวันเลือกตัวผู้สมัครในการประชุมใหญ่ของพรรคขึ้นอยู่กับคะแนนนิยมที่จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลง ทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตต่างยอมรับและใช้รูปแบบที่คล้ายคลึงกันนี้
๗ คนของรีพับลิกัน ซึ่งจะต้องสู้กันจนเหลือเพียงคนเดียว และคนๆ นั้นก็จะเลือกผู้สมัครร่วมเพื่อเป็นรองประธานาธิบดีอีกคนหนึ่งในภายหลัง ประกอบด้วยอดีตสมาชิกวุฒิสภาอย่าง ริค แซนทอรั่ม ที่วางตนเองเป็นผู้สมัคร “หนุ่ม” อดีตผู้ว่าการรัฐอย่าง มิตต์ รอมนี่ย์ ผู้เป็นตัวเต็งในชั่วโมงนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบันอย่าง รอน พอลล์ และ มิเชล บาคแมน ซึ่งเป็นสุภาพสตรีคนเดียวในกลุ่ม ขาใหญ่ผู้เป็นอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่าง นิวท์ กิงริช ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสอย่าง ริค เพอร์รี่ ไปจนถึงชายผิวดำผู้สร้างจุดยืนว่าเป็นนักธุรกิจคนนอกและไม่ใช่นักการเมืองอาชีพอย่าง เฮอร์แมน เคน ที่กำลังเข้าตามวลชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ใครเป็นใครและมีโอกาสเข้าวินขนาดไหน วันหลังคงมีโอกาสได้เสวนากัน แต่ความสำคัญที่เกิดขึ้นในกิจกรรมการเมืองสไตล์อเมริกันอย่างนี้อยู่ที่การโต้ความคิดกันสดๆ แบบซึ่งหน้า หยิบเอาเรื่องที่มวลชนสนใจมาสาดใส่กันอย่างเปิดเผย แม้เป็นเรื่องที่อ่อนไหวและถ้าเป็นสไตล์ไทยเดิมก็ต้องคุยด้วยเสียงกระซิบ เขาก็พูดกันเสียงดังๆ และคาดคั้นคำตอบกันเหมือนจะฆ่าฟันกันทางการเมือง
ยกตัวอย่างเรื่องเหล่านี้เสียหน่อยให้เห็นภาพ การประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเอาอย่างไร เอาเงินกลุ่มไหนไปช่วยกลุ่มไหน ภาษีจะลดให้ใคร เพิ่มให้ใคร อำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายเป็นของใคร รัฐบาลกลางที่กรุงวอชิงตันหรือรัฐบาลระดับมลรัฐในท้องถิ่นนั้นๆ เงินที่เอาไปช่วยประเทศต่างๆ ในฐานะความช่วยเหลือในขณะที่คนอเมริกันลำบากยากจน จะยกเลิกหรือไม่ งบประมาณทางทหารควรลดลงขนาดไหน โดยไม่เกิดผลกระทบต่อการป้องกันประเทศ ฯลฯ
การโต้ความคิดเป็นไปอย่างดุเดือด อย่างตอนหนึ่ง ริค เพอร์รี่ เรียก มิตต์ รอมนี่ย์ ว่า “คนโกหก” และ “คนเสแสร้ง” เพราะมีข้อกล่าวหาว่ารอมนี่ย์แอบจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไว้ทำงานในสวนเกษตรของเขา ก็ทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงคละเคล้าระหว่างเรื่องส่วนตัวกับนโยบาย
นอกจากรอมนี่ย์จะถูกโจมตีและคนอื่นๆ ก็เข้าช่วยรุมเพราะกำลังนำ อีกคนหนึ่งที่ความนิยมดีขึ้นเรื่อยๆ อย่าง เฮอร์มัน เคน ก็ถูกเล่นงานไม่น้อย โดยเฉพาะข้อเสนอภาษี 9-9-9 ที่หวังให้เป็นเครื่องมือกระตุ้นและสร้างเศรษฐกิจ ข้อเสนอนี้ถูกโจมตีจากทั้ง ริค เพอร์รี่ มิเชล บาคแมน และริค ซานทอรั่ม ว่าเป็นแผนการที่คนอเมริกันจะต้องจ่ายภาษีมากขึ้นในบั้นปลาย
ความน่าสนใจของเคนอย่างหนึ่ง นอกจากความเป็น “คนนอก” และฉีกตัวเองจากนักการเมือง ๖ คนที่เหลือแล้ว เขายังเป็นคนผิวดำ ประเด็นนี้น่าจะเป็นยุทธวิธีที่จะเอาคนดำฝ่ายรีพับลิกันมาชนคนดำอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นแชมเปี้ยนฝ่ายเดโมแครตอยู่ในสนาม นั่นคือประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า
ผลลัพธ์อย่างหนึ่งของการสู้กันซึ่งๆ หน้า ได้แก่ความชัดเจนในจุดยืนของผู้สมัครแต่ละคน สิ่งที่ผู้ดำเนินรายการ แอนเดอร์สัน คูเปอร์ จาก CNN และผู้ชมส่วนหนึ่งลุกขึ้นถาม ล้วนเป็นหมัดตรงๆ ชนิดเลี่ยงไม่ได้ทั้งนั้น ใครที่คิดว่าวาทศิลป์และความลื่นกะล่อนทางการเมืองจะช่วยได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็เท่ากับลุกขึ้นประจานตัวเองในที่สาธารณะ
ดูตัวอย่างนี้แล้วก็นึกถึงเมืองไทยเรา
ไม่มีใครบอกว่าอยากให้เมืองไทยจู่ๆ กลายเป็นเมืองอเมริกันหรือตาบอดจนมองข้ามความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างกัน แต่ยอมรับหรือไม่ว่าการพูดอะไรตรงๆ ไม่ได้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างในเมืองไทยขาดความชัดเจน
เอาตัวอย่างเฉพาะหน้าก็ยังได้ จนถึงบัดนี้ทุกคนพูดแต่การแก้ปัญหาน้ำโดยทุบโต๊ะตัดบททุกคนว่า อย่ามาถามว่าเราเกิดวิกฤติขึ้นมาได้อย่างไร โดยความคิดที่ครอบงำประเทศมาเนิ่นนานขนาดไหน และทำเป็นไล่ให้ไปช่วยคนที่เดือดร้อนเพื่อกลบเกลื่อน หากคำถามนี้ถูกนำขึ้นไปสู่เวทีที่ลาสเวกัสอย่างเมื่อครู่นี้คงจะกระชากใครต่อใครที่หลบอยู่หลังภาพอันงดงามออกมารับผิดชอบได้ เราจะได้ไม่ต้องพึ่งของปลอมและหันมาสร้างศรัทธาต่อของจริง นั่นคือรัฐบาลของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
ไปนั่งอ้อล้อกันอยู่แถวออสเตรเลียไม่มีประโยชน์ใดๆ อย่างยั่งยืนเลย.
----------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com
วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554
เวลาเอเชีย โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง เวลาเอเชีย
โดย กาหลิบ
พร้อมกับที่ไทยกำลังเดือดร้อนเรื่องสถานการณ์น้ำ โลกทั้งโลกกำลังหนักใจว่าเศรษฐกิจภาพรวมจะลุกลามบานปลายจนกลายเป็นวิกฤติโลกหรือไม่
ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือวอลล์สตรีทที่ตกโครมในคราวเดียว ท่ามกลางความไม่ประสีประสาของรัฐบาลบารัค โอบาม่าที่ยังไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร และความล้มเหลวของกรีซ ในการปฏิบัติตามข้อตกลงในฐานะลูกหนี้ของสหภาพยุโรป ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกในนาทีนี้กำลังเข้าสู่ห้วงเหวแห่งปัญหาลึก จะถึงขั้นที่กระทบต่อทุกคนรวมทั้งเมืองไทยหรือไม่ก็ยังไม่รู้
เราจำเป็นต้องหันกลับมาวิเคราะห์เรื่องนี้และกำหนดวิธีการรับมือให้ถูกต้อง การต่อสู้ในทางการเมืองอันเข้มข้นรุนแรงและสถานการณ์น้ำที่เสียหายรุนแรงเป็นประวัติการณ์ก็ต้องบริหารคู่ขนานไป จะรอเรื่องหนึ่งจบก่อนแล้วจึงหันมามิได้ เพราะจะไม่ทันเวลา
หน่วยงานบริหารเศรษฐกิจในโครงสร้างประจำ ไม่ว่าจะสภาพัฒน์ฯ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ฯลฯ ก็เน้นภาระงานเฉพาะหน้าที่สำคัญและเร่งด่วน เช่น การมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำลด การวางโครงสร้างน้ำของประเทศใหม่ทั้งระบบ เป็นต้น
แต่การเตรียมรับปัญหาเศรษฐกิจพิเศษที่จะจรมาเมื่อไหร่ก็ได้นั้น ควรตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาให้สมกับสถานการณ์และควรตั้งเสียตั้งแต่บัดนี้
นอกจากภาระหน้าที่ในการวิเคราะห์เศรษฐกิจและเป็นประหนึ่งหวูดเตือนภัยสำหรับประเทศแล้ว คณะทำงานพิเศษนี้ยังมีงานสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการบริหารสิ่งที่นักเศรษฐกิจหลายคนพยากรณ์และเรียกขานว่า “เวลาเอเชีย”
เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลกและมีประชากรมากที่สุดในโลก แต่อำนาจเศรษฐกิจกลับอยู่ในมือของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปมากกว่า การผงาดของจีน อินเดีย เกาหลีใต้และแม้กระทั่งญี่ปุ่นก็ยังขาดความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก และยังไม่ประสบความสำเร็จที่จะเข้าแทนระบบเดิมที่มหาอำนาจเศรษฐกิจเก่าๆ เขาวางไว้ เช่น ยึดเงินตราสหรัฐฯ เป็นสื่อหลักในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (forex) จัดระดับการพัฒนาของทุกๆ ประเทศตามเกณฑ์ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น
เหตุผลหนึ่งก็เพราะเอเชียมีปัญหาการเมืองและวัฒนธรรมระหว่างกันมากเหลือเกิน สาธารณรัฐประชาชนจีนผู้ยิ่งใหญ่เป็นทั้งที่พึ่งและภัยคุกคามของบางประเทศในเอเชีย วัฒนธรรมมุสลิมในเอเชีย โดยเฉพาะตะวันออกกลางที่จริงๆ คือเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ก็ถูกวาดภาพให้กลายเป็น “ภัยคุกคาม” ของโลกในฐานะบ่อเกิดของ “ลัทธิก่อการร้าย” ทั้งๆ ที่ต้องการการพัฒนาไม่น้อยไปกว่าประเทศไหนๆ ในโลกเลย น่านน้ำซึ่งเชื่อกันว่ามีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างหมู่เกาะสแปรตลี่ย์ พาราเซล และอื่นๆ ก็เป็นที่วิวาทบาดหมางจนแทบจะยกกองทัพมาทำสงครามกัน เป็นต้น พูดง่ายๆ คือ เอเชียถูกใครเขาแหย่ให้ทะเลาะกันอย่างได้ผล และทำมาตลอดประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ โน่นแล้ว คนที่แหย่เขารู้ดีทีเดียวว่าเมื่อใดที่เอเชียรวมตัวกันได้ อำนาจเศรษฐกิจโลกจะไหลกลับรวมศูนย์กันที่นี่
การบริหาร “เวลาเอเชีย” นั้นทำได้หลายวิธี รัฐบาลจากการเลือกตั้งสมัย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้ลองแล้วหนึ่งวิธี นั่นคือตั้งกลุ่มความร่วมมือที่รวมประเทศตัวแทนของทุกอนุภูมิภาค (sub-region) ในเอเชีย ผลก็คือการผงาดขึ้นของกลุ่ม ACD ซึ่งเริ่มต้นโดยประเทศไทย ประชุมครั้งแรกที่เชียงใหม่ และถูกนำไปสานต่อโดยมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย นั่นคือสาธารณรัฐประชาชนจีนผู้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่สอง ณ นครชิงต่าว แต่แล้วรัฐบาลไทยชุดนั้นก็ถูกรัฐประหารหมดอำนาจไป ส่งผลให้แรงผลักดัน ACD มาทำหน้าที่ผู้บริหาร “เวลาเอเชีย” ลดลงเป็นอันมาก
วิธีอื่นๆ ในการรวมเอเชียในทางเศรษฐกิจยังมีอีก และไทยในยุคที่รัฐบาลของประชาชนอย่างนี้ก็สามารถทำหน้าที่เจ้าภาพได้อีก ไม่ต่างจากสมัยรัฐบาลทักษิณ
ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาและเตรียมรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเสียแต่บัดนี้ หากวิกฤติไม่เกิด เหตุการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย ก็ยุบเลิกคณะทำงานลงเสียเมื่อไหร่ก็ได้ เรื่องดีแบบนี้ไม่มีเสียหน้าหรือเสียรังวัดใดๆ.
-----------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com
ทัวร์พิเศษสุด กองเชียร์ไทยหัวใจแดง ครั้งที่ 2
ทัวร์พิเศษสุด กองเชียร์ไทยหัวใจแดง ครั้งที่ 2
ณ ประเทศกัมพูชา
(เพียงท่านละ 6,500 บาท รวมค่ารถ ค่าอาหาร ที่พัก ประกันอุบัติเหตุ)
เดินทาง วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม - กลับวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม 2554
"สู่อารยธรรมขอม หลอมหัวใจไทยกัมพูชา" “กองเชียร์ไทยหัวใจแดง” มาอีกแล้วครับ.. คราวนี้เยี่ยมเยือนโบราณสถานอันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก “นครวัด-นครธม” ในราชอาณาจักรกัมพูชา... พวกเราย่อมไม่ลืมว่า ในการต่อสู้กว่าห้าปีของพวกเรา เรามีกัมพูชา-เพื่อนบ้านผู้น่ารัก-ช่วยเหลืออย่างมีน้ำใจมาโดยตลอด พวกเราจึงขอเชิญชวนทุก ๆ ท่าน เดินทางไปเที่ยว และให้กำลังใจกับกัลยาณมิตรของเราในโอกาสนี้ แถมยังจะได้เป็นประวัติชีวิตอีกต่างหากว่า ได้ไปเยือนสถานที่อันโด่งดังกระเดื่องโลกมาแล้วด้วยตัวเอง
กัมพูชา ตั้งอยู่กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนทิศเหนือติดกับประเทศไทย (จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์) และลาว (แขวง อัตตะปือและจำปาสัก) ทิศตะวันออกติดเวียดนาม (จังหวัดกอนทูม เปลกู ซาลาย ดั๊กลั๊ก ส่องแบ๋ เตยนิน ลองอาน ด่งท๊าบ อันซาง และเกียงซาง) ทิศตะวันตกติดประเทศไทย (จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด) และทิศใต้ติดอ่าวไทย
โปรแกรม 3 วัน 2 คืน (โดยรถกลับรถ)
กรุงเทพฯ – อรัญประเทศ – ปอยเปต – นครวัด – นครธม – บันทายศรี – ทะเลสาบ
วันแรกของการเดินทาง 28 ตุลาคม 54 จุดนัดพบ - อรัญประเทศ – ปอยเปต – เสียมราฐ (B/L/D)
06.00 น. คณะพร้อมกันที่จุดนัดพบ แล้วออกเดินทางไปยัง อ. อรัญประเทศ (บริการอาหารเช้าบนรถ)
09.30 น. คณะเดินทางถึง อ. อรัญประเทศ นำคณะท่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ไทย – กัมพูชา แล้วออกเดินทางโดยรถปรับอากาศสู่จังหวัดเสียมราฐ ตามถนนหมายเลข 6 ซึ่งเป็นถนนลาดยางระยะทาง
12.30 น. เดินทางถึงเมืองเสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทนครวัด
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จ. เสียมราฐ นำท่านเก็บสัมภาระเข้าโรงแรมที่พัก ณ โรงแรมระดับ 4 ดาว อังกอร์ริเวร่า / สมายลิ่ง / ซิตี้อังกอร์ /รีโฮเต็ล หรือเทียบเท่า หลังจากนั้นนำท่านไหว้พระองค์เจก-พระองค์จอม ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดเสียมราฐ
17.00 น. นำคณะขึ้นเขาพนมบาเค็ง หรือวนัมกันตาล ที่ตั้งของปราสาทพนมบาเค็งซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งอำนาจของเมืองยโศธรปุระ ในรัชสมัยของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 เพื่อบันทึกภาพพระอาทิตย์อัสดงเหนือบารายตะวันตกที่สวยงามจากยอดประสาทพนมบาเค็ง ท่านจะสามารถมองเห็นเมืองพระนครในบรรยากาศยามเย็นอร่าม เป็นสีทองงดงามดั่งเมืองเนรมิตซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเสียมราฐ
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารสวัสดี ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัด
เสียมราฐ หลังนำท่านกลับโรงแรมที่พัก
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
08.00 น. เดินทางสู่บันเตียเสรย หรือ บันทายศรี ตามภาษาเขมรจะแปลว่า “ป้อมแห่งสตรี” ด้านตัวปราสาทนั้นสร้างในแนวราบ เป็นปราสาทหลังเล็กๆกลุ่มหนึ่งสร้างด้วยหินทรายสีชมพู และแกะสลักภาพรูปนูนต่ำ โคปุระของปราสาทบันทายศรีเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ซึ่งมีความงดงามมาก ศิลปกรรมของบันทายศรีจะมีความอ่อนช้อย ประณีต มีความคม บางชัดเจนเป็นพิเศษโดยเฉพาะลวดลายพรรณพฤกษาและลายต่างๆ ล้วนมีความชัดเจนประดุจกลีบดอกกลีบใบที่สลักอยู่บนหินลอยเด่นออกมา ส่วนรูปนางอัปสรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์มากกว่านางอัปสราและเทวดาในสมัยอื่นๆ คือมีรูปร่างสมส่วน หน้าตาหมดจด อาภรณ์และเครื่องประดับมีความชัดเจน ถือได้ว่างามที่สุดในศิลปะของเขมร
หลังจากนั้นออกเดินทางมุ่งสู่ เมืองนครธม หรือ อังกอร์ธม ชมความงดงมและความมหัศจรรย์ของปราสาท และโบราณสถานที่สำคัญๆอาทิเช่น ปราสาทปักษีจำกรง แล้วชม สะพานนาคราช เป็นหลักศิลามีเอกลักษณ์เฉพาะด้านเช่น รูปแกะสลักรูปเทวดากำลังฉุดนาค ฯ ปราสาทบายน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของนครธม และเป็นสุดยอดของปราสาทเขมรในยุคเสื่อมยอดปราสาททุกหลังจะแกะสลักเป็นรูปเทวพักตร์ 4 หน้าซึ่งหันออกไปทอดพระเนตรดูแลทุกข์ สุข ของประชาชนทั้ง 4 ทิศ และขอนำท่านกราบนมัสการ พระชัยพุทธมหานาค เป็นพระพุทธรูปนาคปรกศิลาที่มีขนาดใหญ่ และท่านจะได้ชม บ่อน้ำโบราณ ซึ่งน้ำในบ่อนี้จะถูกนำมาใช้ในพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ทุกรัชกาล และจะได้สัมผัสถึงภาพจิตกรรมแกะสลักที่แสดงถึงชีวิตประจำวันของชาวเขมรโบราณ เปรียบเสมือนการบันทึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของชาวเขมร
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารดอกบัวใหม่ เป็นร้านอาหารเขมร-จีน-เวียดนาม
13.00 น. หลังจากนั้นพาชมปราสาทตาพรหม เป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่สร้างใหญ่โตกว่าสนาม
หลวงของไทย รวบรวมหมวดปราสาทไว้ถึง 24 หลัง ตั้งอยู่กลางป่ามีแมกไม้ขึ้นปกคลุม บางแห่งมีรากไม้ใหญ่อันมหึมาโอบอุ้มพระเทวสถานไว้อย่างน่าอัศจรรย์
จากนั้นพาท่านชม ปราสาทนครวัด หรือ อังกอร์วัด สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกที่เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุดที่บรรจงชะลอลงมาประดิษฐานไว้บนโลกมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นสุดยอดของการเดินทางในครั้งนี้ ปราสาทนครวัดสร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยถวายเป็นพุทธบูชา ท่านจะได้ชมความงดงามตระการตาของโบราณสถาน และรูปแกะสลักต่างๆเช่น รูปแกะสลักนางอัปสราลิ้น 2 แฉก,ภาพแกะสลักนูนต่ำการกวนเกษียรสมุทร ภาพแกะสลักการยกทัพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 โดยกองทัพเสียมกุก ห้องทุบอก และชมความงามของยอดปราสาททรงดอกบัวตูม
07.30 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมเช็คเอ้าท์
08.30 น. พาท่านล่องเรือในโตนเลสาป ทะเลน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีพันธุ์ปลา
ชุกชุมมากที่สุด ชมวิถีชีวิตชาวเรือกว่า 5,000 ครอบครัว ที่อาศัยอยู่ในทะเลกว้าง ซึ่งครอบคลุม
พื้นที่ถึง 5 จังหวัด ที่ใช้เรือเป็นบ้าน ใช้น้ำเป็นเรือนตาย ในชุมชนชาวน้ำมีครบทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน คาราโอเกะ ร้านขายของชำลอยน้ำ นำคณะกลับเข้าตัวเมือง จ. เสียมราฐ
หลังจากนั้นพาท่านเที่ยวชมตลาดต้นโพธิ์ เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองของที่ระลึกสัมผัสชีวิตชาวกัมพูชาในเสียมราฐ จากนั้นนำท่านออกเดินทางกลับชายแดนปอยเปต
ระหว่างเดินทางกลับแวะชมเขื่อนน้ำบารายตะวันตก เป็นเขื่อนน้ำสมัยโบราณที่ขุดด้วยมือมนุษย์ โดยใช้แรงงานมากกว่า 50,000 คน ใช้เวลา 5 ปี ล้อมรอบด้วยคันหินลึกประมาณ
12.30 น. เดินทางถึงชายแดนปอยเปต , รับประทานอาหารกลางวันที่ ณ ทรอปิคาน่า รีสอร์ท (คาสิโน) หลังจากทานอาหาร เที่ยวชมบ่อนคาสิโน 30 นาที
14.00 น. ได้เวลาพอสมควรนำท่านดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ปอยเปต – ไทย ช็อปปิ้งที่ตลาดโรงเกลือตามอัธยาศัย ตลาดโรงเกลือ ตั้งอยู่บ้านคลองลึก ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ ห่างจากประตูชัย ประมาณ
กล่าวได้พัฒนาขึ้นมาเป็นตลาดชายแดนที่มีขนาดใหญ่โตมาก มีสินค้าราคาถูกนานาชนิดทั้งของไทย เขมร เวียดนาม จีน มาวางขายให้กับประชาชนทั่วๆไป ได้เวลาพอสมควรส่งคณะ กลับกรุงเทพฯด้วยความสุข และประทับใจ .
18.30 น. บริการอาหารค่ำที่ร้านอาหารเวียตนามเจ้าดั้งเดิมในอรัญฯ
หมายเหตุ : จองด่วนที่ : คุณไพโรจน์ ช่วยชู โทร. 087-9345926, 088-2572014, 086-0730053
โอนเงินชำระได้ที่ บัญชี นายไพโรจน์ ช่วยชู จำนวนเงิน 6,500 บาท
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอ่อนนุช ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 133-217-1311
หมายเหตุ : (1) กรุณา FAX. หลักฐานการโอนเงินมาได้ที่ โทร. 037-232383
(2) ผู้เดินทางกรุณาส่งสำเนาหนังสือเดินทาง FAX มาล่วงหน้าได้ที่ โทร.037-232383
(3) จุดจอดรถทัวร์ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์สถานีหัวหมาก ถนนศรีนครินทร์
ข้อแนะนำ
การเตรียมตัวในการไปเที่ยวประเทศกัมพูชา
- อากาศร้อน ถึง ร้อนมาก แต่ส่วนมากอากาศจะใกล้เคียงกับประเทศไทย
- แต่ช่วงเดินเที่ยวแต่ละปราสาท ต้องมีเจอแดด และฝุ่นบ้าง ควรเตรียมครีมกันแดด
และ ยาแก้แพ้ต่างๆ ไปด้วยหากจำเป็นต้องใช้ยาเฉพาะบุคคล
- การเข้าชมปราสาทต่างๆ เช่น ปราสาทนครวัด จะต้องเดิน เยอะมากๆ เตรียมครีมนวดแก้ปวดเมื่อยไปด้วยถ้าหากเราไม่ค่อยได้ออกกำลัง
- ห้องน้ำในช่วงระหว่างการเดินทางห้องน้ำจะมีตามจุดพักรถ ตามสภาพของชาวพื้นบ้าน
แต่เมื่อถึง จ.เสียมราฐ ห้องน้ำสะอาด จะมีตามโรงแรม ในบริเวณปราสาท หรือ ร้านอาหารที่เราไป.
- เรื่องอาหาร ไม่ต้องกลัว ทานอาหารร้านคนไทย และ ร้านอาหารระดับนานาชาติ เกือบทุกมื้อ สะอาด ปลอดภัย / หากท่านรอบคอบก็เตรียมยาแก้ท้องเสียไปด้วย เพราะยาที่เราใช้ในเมืองไทยค่อนข้างหายากและแพง (แต่โดยทั่วไปแล้วทีมงานเรามีเตรียมอยู่แล้ว)
- ควรเตรียม ยาแก้แพ้ หรือ ยารักษาโรคประจำตัว ไปด้วย เพราะการไปซื้อที่ต่างแดน
อาจไม่ได้ตามที่ต้องการ และ ควรแจ้งกับทีมงานก่อนการเดินทางทุกครั้ง
การเตรียมใจ
- เราต้องทำใจรับกับความเป็นกัมพูชา ประเทศบ้านเมืองไม่ได้สวยงามเสมอไป อาจจะเจอฝุ่น
ขอทาน กลิ่นไม่พึงประสงค์ บ้างในบางสถานที่ และ เวลาข้ามด่านให้ระมัดระวังสิ่งของ
ของเรา เช่น กระเป๋าสตางค์ /กล้องถ่ายรูป / พาสปอร์ต เป็นต้น . ห้ามประมาท เพราะ
เด็กที่นี่จะมืออาชีพ อาจจะทำเป็นวิ่งเล่น แล้ววิ่งชนเราแต่ของมีค่า โดยเฉพาะ
โทรศัพท์มือถือของเราจะติดมือเด็กไปด้วย
สาธารณูปโภค
ระบบไฟฟ้าใช้ 220 V และ รูปแบบปลั๊กเช่นเดียวกับเมืองไทย
การแลกเงิน
ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา สามารถใช้เงินตราทั่วไป ได้ทั้ง 3 สกุล เงินบาทไทย,
ดอลล่าร์สหรัฐ และ เรียลกัมพูชา (ใช้ในการทำบุญในปราสาทต่างๆ หรือเข้าห้องน้ำ
ระหว่างทาง)
------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554
พฤติกรรมส่อเจตนา โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง พฤติกรรมส่อเจตนา
โดย กาหลิบ
หลังจากที่ได้เขียนถึง “ครอบครัวข่าว ๓” ไปในคอลัมน์นี้ น่าดีใจที่นักประชาธิปไตยไซเบอร์หลายท่านเริ่มช่วยกันมองและเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ปรากฏ ใครก็ตามที่กำลังวางแผนส่งเสริมเผด็จการและบั่นทอนประชาธิปไตยนั้นเขาใช้หลายแผนและใช้ผู้เล่นหลายฝ่าย โดยอาศัยสถานการณ์น้ำที่พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนสาหัสเป็นเครื่องอำพราง บางครั้งมาแบบหน่วยงานราชการที่ดูเหมือนจะแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลอย่างกรณีกองทัพบก หรือมาในฐานะสื่อมวลชนที่เดิมไม่เคยแสดงบทบาทอะไรเช่นนี้มาก่อน ใครช่วยเหลือประชาชนให้พ้นทุกข์นั้น เราอยากอนุโมทนาสาธุการทั้งนั้น แต่ต้องขอเตือนไว้ตรงนี้ด้วยว่า เผด็จการอำพรางเขาก็ใช้ช่องทางนี้ทำงานควบคู่ไปด้วยเช่นกันเสมอ ส่วนใครที่มีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างแท้จริงโดยไม่มีอะไรเคลือบแฝง เวลาก็จะบอก
ลองอ่านตัวอย่างโพสต์ข้อความข้างล่างนี้ดู:
สมศักดิ์ จันทร์เรือง
12 ตุลาคม 16:22
แฉ เบื้องหลังการทำงานของทีมครอบครัวข่าว 3...วิธีสกปรกของสรยุทธ์
โดย ขนานแท้..ประชาไท เมื่อวันพุธ ที่ 12 ตุลาคม 2011
จาก 1000ทิปครับ
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11186522/P11186522.html
ผมเพิ่งกลับมาจากการไปทำงานที่อยุธยา ให้บังเอิญไปพบทีมงานข่าวของช่อง 3 และเพื่อนเป็นตำรวจน้ำ ปฏิบัติงานในพื้นที่อยุธยา...เราพบว่า ทีมข่าวช่อง 3 เกาะติดภารกิจของทีมตำรวจน้ำ ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ช่วยเหลือพี่น้องในเกาะเมืองอยุธยา แต่ความที่เป็นตำรวจน้ำ ไม่ใช่ตำรวจในพื้นที่ จึงค่อนข้างทำงานไม่สะดวกเพราะไม่รู้ทำเลที่ตั้งของเมือง แต่พวกเขาก็ทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย สรยุทธ์ จะอ่านข่าวว่า ตำรวจน้ำได้รับการประสานให้เข้ามาช่วยจากทีมงานครอบครัวข่าว 3...เมื่อตำรวจน้ำกำลังวางแผนทำงาน
กล้องของทีมงานข่าว 3 ก็จะเจาะถ่ายภาพการทำงานและเสนอข่าวการวางแผนเข้าช่วยพี่น้องจากทีมงานครอบครัวข่าว 3....เมื่อทีมตำรวจน้ำเข้าพื้นที่ ทีมช่างภาพและนักข่าวก็จะเกาะติดตามไป และเมื่อเจอผู้ประสบภัย ภาพที่ออกมาก็จะรายงานว่า ทีมงานครอบครัวข่าว 3 ได้เข้าไปสำรวจพบพี่น้องที่ถูกทอดทิ้ง และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ...และเมื่อมีการอพยพคนออกมา ก็จะอามาที่เต็นท์ของครอบครัวข่าว 3 ก่อน...เช่นเมื่อวานนี้ ทีมงานตำรวจน้ำ ได้รับติดต่อต่อจากท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ให้เข้าไปช่วยเด็กชายแรกเกิด ซึ่งแม่ได้ฝากพี่เลี้ยง โดยตนเองต้องไปทำงานที่โรจนะ และไม่สามารถติดต่อพี่เลี้ยงได้นับแต่วันเกิดน้าท่วม จากนั้นทีมตำรวจน้ำจึงเริ่มวางแผนเข้าช่วยเหลือจนประสพความสำเร็จ นำเด็กและพี่เลี้ยงออกมาได้...สรยุทธ์ รายงานทันทีว่า เป็นความร่วมมือของตำรวจน้ำและทีมงานครอบครัวข่าว 3
....ช่อง 3 ได้รับเงินบริจาคจากประชาชน ร่วม 100 กว่าล้านบาท จัดทำถุงยังชีพ ที่พิมพ์โลโก้ ช่อง 3 เต็มหน้าถุง ใช้ดารานักแสดงในสังกัดของช่อง 3 เป็นคนเอาเข้าไปแจกเท่านั้น การไปแต่ละครั้ง เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ ที่่จะต้องมาอำนวยความสะดวกให้ตลอดการเดินทาง แทนที่จะไปช่วยกู้ภัยพี่น้องที่ประสพภัยในขณะนั้น ...คุณสรยุทธ์ ครับ ผมเห็นด้วยกับการทำข่าวเพื่อเสนอสถานการณ์จริงให้คนไทยได้รับทราบ แต่ผมไม่เห็นด้วยที่พวกคุณจะทำข่าวเพื่อสร้างความเป็น ฮีโร่ ให้กับตัวเองและสถานี (ผมอยากคิดว่านี่เป็นการหารายได้จากความเดือดร้อน เพื่อมาใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ช่อง 3 ด้วยเงินบริจาคของประชาชน)
....ทุกท่านที่อ่านโพสต์ นี้ แล้วเริ่มดูข่าวช่อง 3 ใหม่อย่างมีสติ จะพบว่าเขาทำข่าวให้ทีมงานตัวเอง ไม่มีการทำข่าวของหน่วยงานต่างๆ เช่นทหารเรือ ทหารบก อบต. สส. หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยในพื้นที่เลย หรือแม้แต่จะเป็นสื่อเพื่อเตือนให้ประชาชน ให้รับทราบประกาศจากหน่วยงานของรัฐฯ หรือสร้างความมั่นใจให้ประชาชนไม่ตระหนกจากสถานการณ์ภัยพิบัติ จนเกินเหตุ...ปรับตัวเถอะครับคุณสรยุทธ์ ...ผมไม่ได้รวมคุณกิตติ สิงหาปัด ในเรื่องนี้น่ะครับ...เพราะเขาเป็นสื่อมวลชนอาชีพ จริง ๆ
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 54 11:56:25
โดย saiyakoa เมื่อ พุธ, 12/10/2011 - 15:07.
ตั้งแต่น้ำท่วมมานี่ดูแต่ช่อง 11 และเอเชียอัพเดท เคยดูช่อง 3 แต่รู้สึกว่าการทำข่าวมันผิดปกติเพราะมันออกข่าวตลอดเลยว่ารัฐไม่เหลียวแล เพื่อนเสื้อแดงไปแจกของตามสถานที่ๆ พวกมันระบุว่ารัฐยังไม่ได้เข้าไปช่วย ปรากฏว่าทีมงานช่อง 3 มันไล่ตะเพิด และบอกชาวบ้านว่าอย่าไปรับของ เขตนี้ช่อง 3 จะดูแลเอง มันคงต้องการเรียกเงินบริจาคซึ่งไม่มีใครไปรู้ว่าเงินเหล่านั้นใช้ทำอะไรบ้างเพราะไม่มีรายละเอียดแจงเหมือนของรัฐบาลทำ
โดย kain23 เมื่อ พุธ, 12/10/2011 - 15:58.
การช่วยเหลือกันเป็นสิ่งดีครับ แต่กรณีคุณ สรยุทธ หลายครั้งเหมือนเป็นการพยายามสื่อให้คนเห็นว่าการช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลนั้นล้มเหลวหรือสื่อให้เห็นว่าการช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลนั้นล่าช้าอืดอาด ก็แปลกดีนะครับเรื่องที่รัฐบาลทำเพื่อช่วยประชาชนนั้นแทบไม่เคยเห็นในรายการช่องสามเลยหนอ คนหนอคน
โดย นายสันขวาน เมื่อ พุธ, 12/10/2011 - 14:55.
ข่าวของสรยุทธ์ ไม่พูดถึงหน่วยงานอื่นเลยหรือพูดถึงน้อยมาก คำว่า "ครอบครัวข่าว 3" ได้ยินทุกๆวินาที ทั้งๆที่หน่วยงานอื่น องค์กรอื่นเค้าก็ไปช่วยพี่น้องประชาชนเหมือนกัน...
**************************
ถึงบรรทัดนี้แล้วก็ไม่ต้องเสริมอะไรกันมาก เพียงขอให้สาธุชนชาวประชาธิปไตยทุกๆ ท่านมุ่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบทุกข์ร้อนอย่างหนักเป็นหลัก แต่ก็อย่าลืมจับตาดูพฤติกรรมแปลกๆ ที่เกิดควบคู่กันอย่างนี้ไปด้วย
นอกจากการสยายปีกของ “ครอบครัวข่าว ๓” แล้ว โปรดอย่าลืมปรายตาไปยังกองทัพบกด้วยก็ดี รายนี้ไม่เฉพาะบทบาทในทางการเมืองเท่านั้น ยังคว้างบประมาณรัฐบาลไปจนเต็มฟายมืออีกต่างหาก
โจทย์ฝ่ายเขาไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือบ่อนทำลายความศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและลดเกียรติภูมิของระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะ “ปรองดอง” กันขนาดไหนจุดยืนเรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยน.
-----------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554
มันมากับสายน้ำ โดย กาหลิบ
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง มันมากับสายน้ำ
โดย กาหลิบ
“กาหลิบ” ห่างหายไปเป็นครั้งคราวในระยะนี้ ไม่ใช่เพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น แต่เป็นเพราะใช้เวลาเตรียมรับสถานการณ์การเมืองภายหลังน้ำท่วมอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ในนาทีนี้ทุกอย่างเป็นเรื่องสถานการณ์น้ำ ซึ่งก็รุนแรงจริง สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องมวลชนอย่างมาก และบัดนี้ก็ไหลเข้าท่วมพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วอย่างกรณีที่นิคมอุตสาหกรรมในพระนครศรีอยุธยา ปัญหาภัยพิบัติจึงค่อยๆ กลายสภาพจากปัญหาระยะสั้นเป็นปัญหาระยะกลางและยาว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่อาจย้อนมาทำร้ายพี่น้องมวลชนเป็นระลอกสองได้
นาทีนี้เป็นการพิสูจน์ฝีมือและจิตใจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากรัฐบาลไทยรักไทยเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๔๙ หากรัฐบาลนั้นๆ ทำงานจริงจังและอย่างฉลาดจนผ่านเกณฑ์ความคาดหวังของประชาชน ศรัทธาก็จะเกิด เมื่อเกิดแล้วก็จะแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นพลังมวลชนห่อหุ้มรัฐบาลชุดนั้นไว้อีกทีหนึ่ง เชื้อโรคศักดินา-อำมาตย์จะเข้ามาทำอันตรายร้ายแรงได้ยากกว่าเดิม
น้ำท่วมครั้งนี้เป็นโอกาสทองไม่แพ้เมื่อครั้งที่ประชาชนตัดสินใจใช้บริการพรรคไทยรักไทย แล้วติดใจมาจนบัดนี้
แต่พร้อมความห่วงใยเรื่องสถานการณ์น้ำ เราต้องไม่ลืมว่าเกมการเมืองของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้หยุด หลายอย่างไหลรวมมากับมวลน้ำในโอกาสนี้ด้วย ซึ่งเราต้องนำมาเตือนกันให้บ่อยครั้ง ชีวิตคนเราไม่ได้สนใจอยู่เรื่องเดียวและเพิกเฉยละเลยในเรื่องอื่นๆ ฉันใด การบริหารบ้านเมืองช่วงภัยพิบัติก็ต้องควบคู่ไปกับงานสำคัญอื่นๆ อย่างละทิ้งไม่ได้ฉันนั้น
ประการแรกสุด ระบบราชการที่มีประวัติศาสตร์รองรับระบอบเก่านั้น มีความซื่อสัตย์จริงใจแค่ไหนต่อรัฐบาลของประชาชน
รายงานต่อรัฐบาลว่าน้ำจะท่วม และผลประเมินล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ ย้อนกลับไปดูกันสักนิดดีไหมว่าเกิดการ “วางยา” รัฐบาลใหม่ให้รับมือกับสภาพการณ์นี้โดยไม่รู้ตัวหรือเป็นความบกพร่องอันแท้จริงของกระบวนการเตรียมการป้องกันกันแน่ ฟังอย่างนี้บางคนอาจร้องขึ้นว่า ตรวจสอบไปก็เสียเวลาและไร้ประโยชน์ น้ำท่วมไปจนครึ่งค่อนประเทศจนสูญเสียพี่น้องไปกว่าสามร้อยแล้ว น่าจะสนใจปัจจุบันและภายภาคหน้าจะดีกว่า คำตอบคือ รัฐบาลต้องมีข้อมูลว่าใครจริงใจพอที่จะให้ช่วยทำงานปัจจุบันและภายภาคหน้าที่ว่านั้น มิฉะนั้นจะถูกวางยาเรื่อยไปจนรัฐบาลล้มเหลวและพังลง ราชการมิเพียงประกอบด้วยฝ่ายพิทักษ์ระบอบเดิมเท่านั้น ข้าราชการผู้รักชาติบ้านเมือง และมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยก็มีมากและมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นคือรัฐบาลต้องหาคนเหล่านี้ให้พบและนำมาแทนนายหน้าแห่งอำนาจที่เก่งแต่เกมวิ่งเต้นเส้นสายและประสานประโยชน์กับนักการเมืองพันธุ์เก่าที่กลาดเกลื่อนอยู่ในระบบราชการปัจจุบัน
ประการที่สอง เห็นได้ชัดว่าระบอบเก่าจัดส่ง “รัฐบาลส่วนตัว” ของเขาออกมาตีคู่กับรัฐบาลของประชาชนในทุกมิติ
พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลเงา ทำประหนึ่งว่าการปกครองบ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสนามแข่งรถ หารถมาหนึ่งคัน เติมน้ำมันและวิ่งตีคู่ขนานมากับรถของประชาชนที่เขาร่วมเดินทางมาอย่างชอบธรรมด้วยผลเลือกตั้ง เผลอๆ ก็เบียดรถของประชาชนอย่างหน้าตาเฉย ด้วยตระหนักว่า ตนมีเจ้าของค่ายรถที่มีอำนาจกว่าประชาชน คอยส่งสัญญาเชียร์ทางไกล กรรมการหน้าไหนคงไม่กล้าไล่ออกจากสนาม
สถานีโทรทัศน์ช่อง ๓ ก็จัดตั้ง “ครอบครัวข่าว ๓” ออกโรงบริหารประเทศตามใจของตน เรื่องที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนนั้นดีงาม ถูกต้อง สมควรจะช่วยกันให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่การวิจารณ์อย่างมีนัยยะและมีอิทธิพลต่อทิศทางของบ้านเมือง ทำให้เราเริ่มเห็นว่านี่ก็เป็นอิทธิพลเบื้องหลังที่มากับสายน้ำเช่นเดียวกัน และคำสั่งก็ไม่ได้มาจากภายในช่อง ๓ บทบาทอย่างนี้วันหนึ่งอาจโตขึ้นเป็นผู้เล่นในทางการเมืองได้ ไม่ต่างอะไรจากสถานีวิทยุยานเกราะ และเครือข่ายวิทยุทหารในช่วงก่อนการสังหารหมู่ประชาชน ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ วันนี้มาช่วยกันเรื่องสถานการณ์น้ำ วันหน้าอาจจะออกโรงชี้นำในทางการเมือง
ธรรมเนียมใหม่ที่นำการ “คุยข่าว” มาแทนที่รายงานข่าวอย่างมีระบบคัดกรองและพิจารณาร่วมกันเป็นทีม เป็นการโอนอำนาจไปให้คนนำเสนอข่าวอย่างนายสรยุทธ์ฯ นายธีระฯ และคนอื่นๆ เมื่อใดอำนาจเก่าเห็นว่าถึงเวลาล้มกระดานและปล้นชิงอำนาจกลับมาถือเอง เมื่อนั้นก็จะเห็นสีสันแท้จริงของคนบางคนในหน้าที่นี้ เพราะอำนาจเก่าเข้าถึงตัวบุคคลได้ง่ายกว่าการเข้าครอบระบบ
ประการสุดท้าย สถานการณ์น้ำทำให้เกิดสภาพผูกติดกับปัญหา (preoccupation)
โลกขณะนี้มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงมากในทางเศรษฐกิจภาพใหญ่ และถึงขั้นพื้นฐาน เพราะวิกฤติสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่หาทางออกไม่ได้ เอเชียกำลังขึ้นหม้อในฐานะอนาคตของโลกอย่างแท้จริงถึงขนาดเรียกกันว่าเป็น “เวลาเอเชีย” (“Asia Time”) กันแล้ว คำถามคือ ประเทศไทยในฐานะหนึ่งในเอเชียจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้ หรือจะต้องรอน้ำลดแล้วก็พบด้วยความช้ำใจว่าประเทศอื่นๆ เข้ามาต่อแถวเศรษฐกิจกันเต็มแล้ว
นี่ก็เป็นโอกาสที่มาและไปกับสายน้ำเหมือนกัน.
---------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุน SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี14วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน รายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ.10.00-18.00น.)/e-mail :tpnews2009@gmail.com/บล็อก :http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com