ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 3 เมื่อหาเสียงเป็นความผิด


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ก่อนรัฐประหาร
ตอนที่ 3 เมื่อหาเสียงเป็นความผิด
โดย : กาหลิบ

-----------------------------------------------------------------------------
ยังสงสัยกันไม่หยุดหย่อนว่าจะมีการเลือกตั้งได้ตามที่กำหนดจริงหรือไม่ เพราะความพยายามล้มประชาธิปไตยก็ยังคึ่กๆ กันอยู่
-----------------------------------------------------------------------------

เมื่อหาเสียงเป็นความผิด

นายกรัฐมนตรีกำลังไปตรวจราชการแบบค่ำไหนนอนนั่น ทีมีชื่อเล่นของภารกิจว่า ทัวร์นกขมิ้น โดยเริ่มต้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่กรุงเทพฯ กำลัง “ดีเบต” ความเหมาะสมของเรื่องนี้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ความจริงก็เอาเป็นเอาตายกันทุกเรื่องอยู่แล้ว แม้แต่ในเรื่องบ้าๆ บอๆ ในเงื่อนไขการเมืองในปัจจุบันนี้ถ้าคุณทักษิณฯ จามใส่นักข่าวที่มารุมล้อมสัมภาษณ์อยู่ทุกวัน คงจะมีคนออกมากล่าวหาว่าจงใจเผยแพร่เชื้อหวัดให้กับคนไทย สนุกดีเหมือนกัน

ประเด็นของคำวิจารณ์นั้นคือ นายกรัฐมนตรีเอาตำแหน่งไปหาเสียงอีกแล้ว ข่าวที่ร่ำลือออกมาว่าจะไปมอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินและผลผลิตจากนโยบายต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน ทำให้มีคนออกมาดักคอว่ากำลังจะไป “ซื้อ” ล่วงหน้า

ได้ยินอย่างนั้นคุณทักษิณฯ ก็โอดครวญทันที “จะไม่ผมทำงานบ้างเลยหรือ”

เท่ากับเกิดสองมุมขึ้นอีกแล้วในเรื่องที่ไม่ควรมีมุม

มองจากทัศนะของคนที่คัดค้านคุณทักษิณฯ คงจะเห็นว่าเป็นความพยายามหาเสียง ไม่ใช่การตรวจราชการปรกติ เรื่องนี้ความจริงก็มีประเด็น เพราะผู้นำในระบอบประชาธิปไตยในปีเลือกตั้งจะพบข้อกล่าวหาและความสงสัยคล้ายๆ กันอย่างนี้

ปีเลือกตั้งนั้น นักการเมืองผู้มีประสบการณ์จะสงเคราะห์ว่าเป็นปีเปลี่ยนผ่าน แรงกว่านั้นคือเสียเวลา แต่เป็นการเสียเวลาสำหรับการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย จึงบ่นไม่ได้ เป็นการเสียเวลาที่จำเป็น แต่นักการเมืองก็รู้ดีว่า ที่ว่าเสียเวลานั้นเพื่อเรื่องของเกมการเมือง ที่ฝ่ายตนก็ต้องฉกฉวยความได้เปรียบ และฝ่ายที่แข่งขันขับเคี่ยวกันอยู่ก็จะต้องเตะตัดขาให้ได้เสมอ

เมืองไทยก็กำลังอยู่ในประเด็นนั้นเลย แตกต่างจากอารยประชาธิปไตยเขาหน่อยว่า ยังสงสัยกันไม่หยุดหย่อนว่าจะมีเลือกตั้งได้ตามที่กำหนดจริงหรือไม่ เพราะความพยายามล้มประชาธิปไตยก็ยังคึ่กๆ กันอยู่
คุณทักษิณฯ คงจะรู้ดีทีเดียวว่า ทัวร์นกขมิ้นรอบแรกกับรอบนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

นกขมิ้นรอบแรกนั้นเป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเมือง ที่ผู้นำรัฐบาลลงไป “ตัดตอน” รับประเด็นปัญหาและความต้องการต่างๆ มาจากชาวบ้านโดยตรง ไม่รอให้ระบบราชการกรองขึ้นมาให้ก่อนแบบกึ่งดิบกึ่งดี

กว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้ว่าได้ผลแค่ไหนในทางการเมือง ก็ต้องรอจนเกิดกระแสต่อต้านที่ช่วยกันโหม และตื่นขึ้นมาจับผิดในนกขมิ้นรอบสอง

ทัวร์นายกฯ เที่ยวนี้จึงไม่ได้เดินอยู่บนกลีบกุหลาบ แต่เป็นการกระชับเป้าหมายในทางการเมือง แบบที่เรียกว่า hardening one’s position

เสียงสนับสนุนของนายกฯ และพรรคไทยรักไทยอยู่ในจังหวัดต่างๆ ที่โอบล้อมกรุงเทพฯ อยู่ คุณทักษิณฯ ก็ออกไปทำให้เกิดความเชื่อมั่นและคงความสนับสนุนที่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

พรรคประชาธิปัตย์จะเห็นด้วยและเออออไปกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

การเดินเกมเดิมแต่อย่างระมัดระวังขึ้น เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในความสำเร็จของทัวร์นกขมิ้นรอบนี้ ไม่ทำก็ไม่ได้ และทำอย่างบุ่มบ่ามไปก็จะพบว่าได้ไม่คุ้มเสีย

แต่สิ่งที่ทุกคนดูเหมือนจะลืมกันไปหมดในการเมืองหน้าสิ่วหน้าขวาน คือการหาเสียงเป็นปรกติธรรมดาของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

ว่ากันทุกท่าล่ะครับ เว้นไว้แต่กิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติในใจของผู้คนขนาดหนัก
นักการเมืองที่ไม่อยากได้คะแนนเสียง และไม่ลงเลือกตั้งเพื่อแข่งขันในเชิงนโยบาย ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นนักการเมืองด้วยเหตุผลใด

การหาเสียงจึงผิดไม่ได้ ยกเว้นด้วยวิธีการที่ผิด

การติเรือทั้งโกลนจึงไม่ควรใช้ในสถานการณ์นี้ แต่ควรขีดเส้นที่ควรเป็น

เพราะนักการเมืองในระบบประชาธิปไตยมีตัวตนอยู่ได้ด้วยเหตุนี้ ถ้าไม่หาเสียงแล้วจะให้หาอะไรหรือ?
--------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น