ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จักรภพ เพ็ญแข กับการแถลงข่าวครั้งแรก

โดย : Nangfa
ศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2552

หลังเหตุการณ์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา (สงกรานต์เลือด) เป็นเหตุให้ “คุณจักรภพ เพ็ญแข” ตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราจะได้ยินเสียงของ คุณจักรภพ จากการโฟนอินตามเวทีย่อยๆ ที่คนเสื้อแดงจัดกันเองด้วยใจ และทางเว็บไซต์เป็นส่วนใหญ่ ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของ คุณจักรภพ จากบทความที่ลงตีพิมพ์ในนิตยสารคนเสื้อแดงบางฉบับ ซึ่งก็มีเสียงแว่วๆ ถูกโจมตีว่านิตยสารฉบับดังกล่าวเป็นแดงปลอมบ้าง แดงไม่แท้บ้าง ทำให้เป็นงงเหมือนกัน ที่เดี๋ยวนี้สีแดงมีคนจับจองเป็นเจ้าของเสียแล้ว และคนอื่นที่มีความเห็นต่างกลับถูกตั้งข้อหาว่าเป็นของปลอม นานๆ ครั้งก็ได้ข่าวว่า จักรภพ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศบ้าง ไทยบ้าง จากที่ไหนพวกเราไม่ทราบ แต่ข่าวที่ออกมาดูจะเป็นการให้ร้ายป้ายสีเสียเป็นส่วนใหญ่ พยายามจะโยงให้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์รุนแรงบ้าง

บางประเด็น คุณจักรภพ บอกว่าได้พูดไว้ตั้งแต่ก่อนออกไปนอกประเทศ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตจะต้องมาเป็นแบบวันนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศ หรือยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าออกนอกประเทศแล้วจะไปอยู่ตรงไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่เห็นว่าการพูดคุยตั้งแต่ครั้งกระนั้นจะเป็นประโยชน์ทางการเมืองกับฝ่ายอำมาตย์ หรือจะทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายเดียวกับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เสียหายได้ ก็มีการเชื่อมโยงเอาเรื่องเก่ามารวมกับเรื่องใหม่ เล่นข่าวกันได้เป็นคุ้งเป็นแคว

ข่าวต่างๆ เหล่านี้ ทำให้สื่อมวลชนที่ยังมีหัวใจเป็นกลางอยู่บ้าง และพี่น้องชาวเสื้อแดงเกิดความกังวลสงสัยว่าเหตุการณ์จริงๆ มันเป็นอย่างไรกันแน่ อะไรจริงอะไรเท็จ

ด้วยเหตุนี้ คุณจักรภพ จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกมาเคลียร์สักครั้ง จึงเป็นเหตุผลที่จัดแถลงข่าวขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในเวลา 14.30 น. ณ บริเวณห้องสัมมนา (หน้าลิฟต์) ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 เพื่อจะได้ชี้แจงให้สื่อและพี่น้องชาวเสื้อแดงได้รับทราบข้อมูลจากปากของเขาเอง
เมื่อข่าวไปเข้าหู รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็ออกมาขู่ฟ่อๆ บอกให้จับตามองจักรภพ ว่าจะแถลงข่าวที่ไหน อย่างไร พาลรีพาลขวางจะเอาผิดไปถึงเจ้าของสถานที่โน่น โดยบอกว่า จักรภพออกมาแบบนี้ต้องไม่ประสงค์ดีแน่ ก็ขออนุโมทนา สาธุ! ว่าความคิดของท่านรัฐมนตรีช่างมีแต่ความประสงค์ดีโดยแท้

****************************************************************************
คำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
"สาทิตย์คุมเข้ม จักรภพ โฟนอินระทึก"

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมร่วมรัฐสภา กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมโฟนอินในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช.ว่า กรณีนายจักรภพมีหมายจับอยู่ จะต้องดูว่ามาจากที่ไหน อย่างไร ประเด็นใหญ่มี 2 เรื่อง คือ...

1. เนื้อหาที่แถลงจะเป็นเรื่องอะไร หากเป็นเรื่องที่เสี่ยง ผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการ เช่น ผู้อำนวยความสะดวกหรือเผยแพร่ข่าวที่มีการแถลงออกไปจะต้องมีความระมัดระวังเนื้อหาด้วย หากผิดกฎหมายจะต้องดำเนินการ เนื่องจากตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีความประสงค์ดีแน่

2. เป็นการดำเนินการที่ร่วมกันเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง ตั้งแต่การเดินทางไปกัมพูชา ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย การเข้าไปเป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีเหตุการณ์ต่อเนื่อง ทำให้เกิดความวุ่นว่ายในประเทศ "เรื่องนี้รัฐบาลจับตาแน่นอน กับคนที่มีท่าทีปรปักษ์กับประเทศและสถาบัน อย่างคุณจักรภพไม่ใช่เรื่องประสงค์ดีแน่ๆ คิดว่าการโฟนอินครั้งนี้จะต้องดูที่มาที่ไปของตัวโฟนอินด้วยใช้ที่ไหน อย่างไร ส่วนสถานที่ เข้าใจว่าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ต้องดูด้วยว่าเข้าข่ายกฎหมายใดที่จะต้องดำเนินการ และถึงเวลาแล้วที่จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้นกลุ่มคนเหล่านี้จะสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศไม่รู้จักจบ" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

******************************************************************************
บรรยากาศในวันนั้น ทั้งสื่อมวลชนสายทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ เข้ามาตั้งกล้องรอตั้งแต่ก่อนถึงเวลานัดหมาย นอกจากสื่อแล้วก็ยังมีบรรดาแฟนคลับตัวจริงเสียงจริงของคุณจักรภพเข้ามานั่งรออย่างใจจดใจจ่อ จนแน่นเต็มห้องไปหมด

เสียดายที่มีความขัดข้องทางเทคนิคเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถเปิดภาพวิดีโอให้เห็นหน้าคุณจักรภพได้ จึงได้ฟังกันแต่เสียง เท่านั้นก็ยังสร้างความยินดีปรีดาให้กับแฟนๆ ในห้องนั้นแล้ว

หลังจากที่ได้แถลงข่าวและตอบคำถามสื่อมวลชนเสร็จ คุณจักรภพก็ให้เวลากับแฟนๆ เสื้อแดง ได้พูดคุยกับเขาให้หายคิดถึง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข งานวันนั้นถือว่าจบลงอย่างดีเยี่ยม แม้จะเป็นที่ขัดอกขัดใจของฝ่ายรัฐบาลก็ตาม
****************************************************************************
เอกสารประกอบการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยนายจักรภพ เพ็ญแข
แกนนำขบวนการประชาธิปไตยณ อิมพีเรียลเวิร์ลด์ ลาดพร้าว ชั้น ๕
วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น.

ตามที่เกิดข่าวว่าผมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านและอาวุธยุทโธปกรณ์ จนทำให้มวลชนเกิดความสับสนและอาจเสียหายต่อแนวทางของฝ่ายประชาธิปไตยได้ ผมขอปฏิเสธข่าวดังกล่าว และขอยืนยันว่า ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์ไปเช่นนั้นเลย
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เป็นข่าวคือ นายชอว์น คริสพิน (Shawn Crispin) ของ Asia Times Online ได้นัดเข้ามาสัมภาษณ์ผมเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ผ่านผู้ประสานงานส่ือต่างประเทศของผมและได้ถ่ายภาพการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไว้เป็นหลักฐานด้วย

เราได้สนทนากันกว้างๆ ในประเด็นอนาคตของการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยและวิสัยทัศน์ของผมต่อการเมืองไทยในอนาคต หลังจากนั้นไม่นานนายชอว์นฯ ก็เขียนรายงานจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยแพร่โดยทั่วไป และไม่ปรากฎว่ามีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับการสะสมหรือขนย้ายอาวุธเลย ผมกับนายชอว์นคุยกันครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการติดต่อใดๆ กันอีกเลยจนกระทั่งบัดนี้ เมื่อจู่ๆ มีประเด็นนี้โผล่ขึ้นมาในรายงานของเขาในช่วงนี้ และสื่อไทยบางส่วนก็คว้าเอาไปเล่นข่าวกันเสมือนเป็นเรื่องจริง โดยไม่เคยตรวจสอบกับผมเลยนั้น ทำให้เกิดคำถามว่าคนเหล่านี้มีแผนอะไรกัน

ผมขอตั้งประเด็นไว้ว่านี่เป็นเจตนาป้ายสีต่อตัวผมโดยหวังให้เกิดผลบางอย่างในทางการเมือง ผมขอย้ำว่าการเตรียมการใดๆ ในการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นจากสถานที่ใดก็ตาม ไม่ใช่แนวทางของผมและผู้สนับสนุนตัวผมอย่างเด็ดขาด การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมืองไทยจะต้องเกิดจากพลังขับดันภายในประเทศ และเกิดโดยสงบสันติ เมื่อปวงชนชาวไทยมีความพร้อมแล้วเท่านั้น
ผม

ขอเรียกร้องฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยด้วยว่า โปรดฟังหูไว้หู ไตร่ตรองโดยแยบคายก่อนจะเชื่อข่าวสารใดๆ และอย่ากระทำการใดๆ ที่เป็นการเหยียบย่ำคนในฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเพื่อให้ทางศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์กันและกันกระทำได้เสมอเพราะเราเป็นนักประชาธิปไตย แต่การเลยเถิดไปถึงขั้นใช้วิชามาร เช่น การป้ายสีตีตรา การทำร้ายผู้สนับสนุนของอีกกลุ่มหนึ่งเพราะลุ่มหลงในลัทธิพรรคพวกอย่างเกินเลย เป็นต้น พึงละเว้นเสีย

ขอขอบพระคุณสื่อมวลที่รักยิ่งทุกๆ ท่านครับ

จักรภพ เพ็ญแข

*****************************************************************************
ข่าวมติชน -พ. 18 พ.ย. 52 (ก่อนแถลงข่าว)
บก.เรดนิวส์ยัน "จักรภพ" แถลงข่าวส่งอาวุธจากเขมรเข้าไทย 19 พ.ย.ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว แน่ "จตุพร"ปัดไม่รู้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 พฤศจิกายนได้รับแจ้งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ ระบุข้อความนัดหมายสื่อมวลชนว่า นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี จะแถลงข่าวส่งอาวุธเขมรเข้าไทย วันที่ 19 พฤศจิกายน.เวลา 14.30 น. ที่ห้องสัมมนา (หน้าลิฟต์) อิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 กำหนดการดังกล่าวแต่ปรากฏว่าได้ปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนไม่ทราบความเคลื่อนไหวของนายจักรภพว่าได้เข้ามาประเทศไทยแล้วหรือยัง เพราะหลังจากที่นายจักรภพประกาศแยกทางไปตั้งกลุ่มแดงสยามก็ไม่ได้ติดต่อประสานงานกันอีกเลย ส่วนการแถลงข่าวของนายจักรภพในวันที่ 19 พ.ย. ก็เป็นเรื่องของนายจักรภพ ส่วนพวกตนก็คือ นปช. โดยหลังจากการประชุมในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ แกนนำ นปช.จะแถลงข่าวในเวลา 13.00 น.ที่อิมพีเรียลลาดพร้าวเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวมติชน ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ นปช.และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Red News ของคนเสื้อแดง ได้กล่าวยืนยันว่า นายจักรภพจะเปิดแถลงข่าวจริงในเวลา 14.30 น. วันที่ 19 พ.ย. นี้ ที่ชั้น 5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว ขณะที่ แกนนำ นปช. 3 เกลอนั้น จะแถลงข่าวที่ ชั้น 6 สถานที่เดียวกัน

สำหรับนายจักรภพ นั้น เป็นต้องหาในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีกล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษโดยมีถ้อยคำเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบัน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 ก่อนที่จะหลบหนีหมายศาลและเดินทางไปต่างประเทศ โดยที่ไม่กลับเข้าประเทศไทยมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2552 ภายหลังจากการชุมนุมใหญ่และก่อจลาจลโดยกลุ่มเสื้อแดง แต่ก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองอยู่เรื่อยๆ
*************************************************************************
ข่าวมติชน -พฤ. 19 พ.ย. 52 (หลังแถลงข่าว)
"จักรภพ" ลั่นกลับบ้านเกิดกราบคนไทยแน่ ปัดโหมใช้กำลังรุนแรงขนอาวุธ

ที่ชั้น 5 ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 พ.ย. นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำขบวนการประชาธิปไตยและแกนนำกลุ่มแดงสยาม อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้นัดหมายสื่อมวลชนเพื่อแถลงข่าวผ่านการโฟนอินชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศเกี่ยวกับการปฏิบัติทางทหารและมีการขนอาวุธยุทโธปกรณ์บริเวณแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ว่าขอยืนยันว่าตนไม่ได้เคยให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวดังกล่าว

เพราะนายชอว์น คริสพิน (Shawn Crispin) ของเอเชีย ไทม์ส ออนไลน์ ได้นัดสัมภาษณ์ตนเมื่อวันที่ 11เมษายนที่ผ่านมา ผ่านผู้ประสานงานสื่อต่างประเทศของตนและยังได้ถ่ายภาพที่สัมภาษณ์ตนครั้งนี้เป็นหลักฐานด้วย อีกทั้งได้สนทนาเพียงกว้างๆ ในประเด็นอนาคตของการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยและวิสัยทัศน์ของตนต่อการเมืองไทยในอนาคต ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์และไม่ปรากฏว่ามีประเด็นเกี่ยวกับการสะสมอาวุธ ซึ่งตนได้คุยกับนายชอว์นครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการติดต่ออีกจนบัดนี้

"เมื่อมีประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงนี้ สื่อไทยบางส่วนก็คว้าเอาไปเล่นข่าวกันเสมือนเป็นเรื่องจริง โดยไม่เคยตรวจสอบกับผมเลย ทำให้เกิดคำถามว่าคนเหล่านี้มีแผนอะไรกัน ผมขอตั้งประเด็นไว้ว่าเป็นเจตนาป้ายสีผมโดยหวังให้เกิดผลบางอย่างในทางการเมือง และขอย้ำว่าการเตรียมการใดๆที่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะสถานที่ใดไม่ใช่แนวทางของผมและผู้สนับสนุนตัวผมเด็ดขาด

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไทยจะต้องเกิดจากพลังขับดันภายในประเทศ และเกิดโดยสงบสันติ เมื่อปวงชนชาวไทยมีความพร้อมแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตย โปรดฟังหูไว้หู ก่อนจะเชื่อข่าวดังกล่าว และอย่ากระทำการใดๆที่เป็นการเหยียบย่ำคนในฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเพื่อให้ทางศัตรู วิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอ และอย่าใช้วิชามารป้ายสีตีตราทำร้ายผู้สนับสนุนอีกกลุ่มหนึ่งเพราะลุ่มหลงในลัทธิพรรคพวกอย่างเกินเลย เป็นต้น พึงละเว้นเสีย" นายจักรภพ กล่าว

นอกจากนี้ นายจักรภพ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของเสื้อแดงในวันที่ 28 พฤศจิกายน ว่า การชุมนุมลักษณะใดก็ถือเป็นประโยชน์ต่ออนาคตทั้งสิ้น การรวมมวลชนไม่ว่าจะสถานการณ์ใดๆถือเป็นการประคองประชาธิปไตยไปสู่ระยะยาว และยังเป็นการให้ความรู้ประชาธิปไตยเพื่อจัดตั้งฝ่ายประชาธิปไตยให้มีประสิทธิเหมือนฝ่ายตรงข้ามถึงจะพูดเรื่องชัยชนะได้ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงจะล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่ว่าฝ่ายใดก็ถือเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเพียงแต่มีหลายแนวทางในการต่อสู้ ซึ่งการล้มรัฐบาลนั้นต้องมองลึกด้วยว่าเมื่อโค่นล้มได้แล้วเราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมาหรือไม่

นายจักรภพ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณเป็นระยะบ้างทางโทรศัพท์ และพ.ต.ท.ทักษิณได้ฟังความเห็นหลายคนในการกำหนดเกมเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงซึ่งไม่ใช่แค่ปรึกษาตนเท่านั้นแต่ฟังเสียงประชาชนด้วยเพราะเป็นที่ปรึกษาที่ใหญ่ที่สุด ส่วนการชุมนุมเสื้อแดงจะจบเกมได้หรือไม่ตนไม่ขอวิจารณ์แต่ขอให้ทำงานด้านมวลชนเต็มที่ เพราะเวลานี้เป็นการสู้กันระหว่างอำมาตย์กับประชาธิปไตยยากที่จะชี้ชัดได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร หากจะมีการส่งไม้ต่อให้พวกเราเมื่อไรตนก็พร้อมรับเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าจะรับไม้ต่อจากนปช.ใช่หรือไม่หากการชุมนุมไม่ประสบผล นายจักรภพ กล่าวว่า ตนไม่กล้าพูดเช่นนั้น แต่บอกแค่ว่าการพัฒนาประชาธิปไตยตอนนี้ระดมมวลชนกัน ซึ่งการต่อสู้ระยะต่อไปต้องรวมถึงการจัดตั้งให้เป็นระบบยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ขอบอกในตอนนี้ได้ และยืนยันไม่ใช่เรื่องการใช้อาวุธหรือความรุนแรงแน่ เพียงแต่ต้องเตรียมที่จะไปแทนที่กลไกอำมาตย์ที่เข้มแข็งกว่าประชาธิปไตยให้ได้

เมื่อถามว่า แดงสยามกับกลุ่มนปช.มีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกันหรือไม่นายจักรภพ กล่าวว่า ยังเดินสู่ประชาธิปไตยเดียวกัน ก็คือปวงชนชาวไทยมีอำนาจสูงสุด ส่วนเรื่องยุทธวิธีจะเดินไปอย่างไร เราเชื่อว่าจะรวมความคิดออกมาให้ดีที่สุด เพราะเจตนารมณ์ฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกันหมดไม่มีความแตกต่างกัน ไม่มีความแตกร้าวด้านความคิดใดๆ มีแต่ความหลากหลายในยุทธวิธีเท่านั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลก และเชื่อว่าเวลาจะสมานเรากลับมาด้วยกัน แต่ทั้งนี้ขอร้องว่าหากเป็นฝ่ายเสื้อแดงหรือประชาธิปไตยด้วยกันอย่าทำร้ายกัน

เมื่อถามถึงคดีความของนายจักรภพที่อัยการได้เลื่อนฟ้องมาหลายครั้งแล้วจะกลับมาสู้คดีหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ได้ติดตามอยู่ แต่ตนไม่แน่ใจว่าขณะนี้เกิดอะไรขึ้นเพราะคดีเลื่อนแล้วเลื่อนอีก และอยากจะให้คดีจบเรื่องเร็วที่สุดไม่ว่าผลออกมาด้านใดตนจะได้ทราบและพร้อมรับทุกอย่างอยู่แล้ว

ส่วนจะกลับมาต่อสู้คดีได้เมื่อไรนั้น ตอนนี้ตนขอใช้เวลาในการอธิบายให้ชาวโลกได้รู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเดินทางกลับที่จะไปแสดงจุดยืนเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากคดี แต่ทั้งนี้ ช่วงนี้ตนจะเดินทางไปประเทศทั่วโลกมาแล้ว 10 ประเทศยังพบรัฐบาลและสื่อมวลชน กลุ่มนักธุรกิจ รวมทั้งจะไปบอกองค์การระหว่างประเทศเพื่ออธิบายความผิดของฝ่ายอำมาตย์ โดยเฉพาะเรื่องการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ หากหมดเรื่องพวกนี้ตนจะกลับไทยเพื่อไปกราบประชาชนแน่

**************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น