ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552
๒๕๕๒...เปลี่ยนศักราช-เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไทย?
ใครรู้สึกสับสนว่าการเมืองไทยจะเดินไปในทิศทางใด สงบสันติหรือจะเกิดอลหม่านรุนแรง กลไกเดิมๆ ที่ช่วยระงับวิกฤติการณ์มาแล้วหลายครั้งหลายหนจะยังได้ผลอยู่หรือไม่ ขอได้โปรดรู้ว่าท่านมิได้สับสนอยู่คนเดียวในราชอาณาจักรแห่งนี้ คนอีกหกสิบกว่าล้านก็สับสนเช่นเดียวกับท่าน รวมทั้งคนอีกสองสามคนที่ท่านอาจนึกว่าเขามีอำนาจมากกว่าท่านในการชี้นำประเทศนี้ด้วย
ครับ ท่านอ่านไม่ผิดหรอก แม้แต่บุคคลที่ใครๆ นึกว่าเป็น “หัวหน้าขั้วอำนาจ” ของแต่ละฝั่งก็ไม่รู้จะเดินต่อไปอย่างไรจึงจะไม่ขุดหลุมฝังตัวเองให้ลึกยิ่งกว่าเดิม
จนต้องถึงคราวของ “ปฏิบัติการแหวกวงล้อม”
เมืองไทยปัจจุบันแบ่งออกเป็น ๒ ขั้วคือ ขั้วเผด็จการอำมาตยาธิปไตย กับ ขั้วประชาธิปไตย
ขั้วเผด็จการอำมาตยาธิปไตย ประกอบด้วย
๑) เหล่าศักดินาและข้าทาสบริวารผู้ได้รับประโยชน์จากระบอบศักดินา
๒) ขุนนางข้าราชการ (ทหาร ตุลาการ และพลเรือน) ขุนนางธุรกิจ ขุนนางนักวิชาการ ขุนนางสื่อมวลชน ขุนนาง NGOs ที่เรารวมเรียกว่าฝ่ายอำมาตย์
๓) มหาอำนาจนอกประเทศไทยที่มีข้อตกลงร่วมผลประโยชน์กับฝ่ายศักดินาไทย
ขั้วประชาธิปไตย ประกอบด้วย
๑) ประชาชนรากหญ้า
๒) ประชาชนที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง (ไม่มีมรดกหรือชาติตระกูลเป็นตัวช่วย)
๓) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย นปช.แดงทั้งแผ่นดิน และเครือข่าย (ผู้ต้องการการเลือกตั้ง)
๔) ประชาชนปฏิวัติ (ผู้ต้องการการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างการเมือง)
๕) มหาอำนาจและประเทศต่างๆ ที่ปรารถนาจะร่วมมือกับประเทศไทยหลังความเปลี่ยนแปลง
ปัญหาเกิดจากขั้วทั้งสองต่างก็วิตกจริต กลัวถูกทำลายจากอีกฝ่ายหนึ่ง
ขั้วเผด็จการอำมาตยาธิปไตยเชื่อมั่นว่าระบอบทักษิณมีตัวตนจริง พร้อมพรั่งทั้งอำนาจ เงิน แผน และการบริหารจัดการ ถ้าปล่อยให้โงหัวได้อาจทำให้ผู้กุมอำนาจเดิมถดถอยอย่างหนักจนอาจล่มสลาย หรืออย่างเบาะๆ ก็ต้องเผชิญเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง กลุ่มนี้พยายามจะเขียนฉาก “สุดท้าย” ของฝ่ายประชาธิปไตยที่นำโดยคุณทักษิณ แต่ความคิดยังแตกต่างกันมาก บางคนให้ไล่เด็ดหัวคุณทักษิณและคณะด้วยอำนาจตุลาการและอำนาจขององค์กรอิสระไปเรื่อยๆ บางคนแนะให้ฆ่าคุณทักษิณทิ้งเสีย เหมือนสิ่งที่ท่านผู้หญิงที่เป็น ม.ร.ว. ด้วยคนหนึ่งเคยปรารภกับนายทหารระดับพลตรี (ขณะนี้เป็นพลโท) ว่า “ฆ่าคนที่อังกฤษทิ้งเสียคนเดียว ปัญหาก็จบหมด” ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้วิ่งเต้นให้อังกฤษยกเลิกวีซ่า
ฝ่ายนี้เชื่อว่าเวลาของตนเหลือน้อยลงทุกขณะ กลัวว่าถ้ากำจัดทักษิณไม่ทันยมทูต อาจจะฉิบหายกันได้ทั้งบาง เพราะฉะนั้นหากไม่ทันเข้าจริงๆ การรัฐประหารก็จะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมืออีกครั้ง โดยเอาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาขึ้นมานำ และเตะพลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดาขึ้นข้างบน เพราะยังเข็ดเขี้ยวกับความอ่อนด้อยสมัย คมช. อยู่
ถ้าคราวนี้ทำ ก็ต้องทำกองทัพบกให้เป็น hardcore ด้วย ทำใต้ดินให้รุนแรงชนิดเลือดนอง แต่บนดินเรียบร้อยราบรื่นเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ฝ่ายอำมาตย์ส่วนที่ยอมรับว่าคุณทักษิณมีอำนาจมวลชนขนาดหักกันไม่ลงก็แนะให้เปิดเจรจากัน คืนเงินเจ็ดหมื่นกว่าล้านให้เขาและ (อดีต) ภรรยาไปทั้งหมด หรือหักไว้เสียสองหมื่นคืนให้ห้าหมื่น เพื่อแลกกับการถอนตัวจากการเมืองโดยเด็ดขาด พูดง่ายๆ ว่าให้คุณทักษิณเลิกสู้ จนทุกอย่างกลับสู่สมดุลเดิม หากคุณทักษิณละเมิดข้อตกลงก็จะเรียก hardcore เข้ามาจัดการในภายหลัง
แต่ฝ่ายนี้ก็ยังสับสนอยู่ว่าจะยอมให้คุณทักษิณกลับมามีอำนาจผ่านการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าจะถูกล้างบางจนฝ่ายอำมาตย์อ่อนกำลังลงไปหรือเปล่า เผด็จการอำมาตย์จึงยังขัดขืนที่จะให้อภิสิทธิ์ยุบสภาและประกาศการเลือกตั้งใหม่ ฝ่ายเสื้อแดงที่ทำท่าฮือฮาว่าจะผลักดันการเลือกตั้งให้จงได้ จู่ๆ ก็ประกาศเลื่อนการชุมนุมอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับการถวายพระพร จนเกิดสงสัยกันไม่น้อยในหมู่คนเสื้อแดง
ทีนี้พูดถึงฝ่ายประชาธิปไตยบ้าง
ครอบครัวและที่ปรึกษาใกล้ตัวของคุณทักษิณเชื่อมั่นว่า ขบวนการประชาธิปไตยจะอ่อนล้า จึงมุ่งมั่นที่จะเลือกตั้งและคว้าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ อย่างน้อยเพื่อสร้างอำนาจต่อรองบ้าง หากโชคดีไปกว่านั้น บ้านเมืองเกิดกลับตาลปัตรขึ้นมาพอดี รัฐบาลเพื่อไทยในวงล้อมของอำมาตย์อาจกลายเป็นรัฐบาลตัวจริงขึ้นมาได้อย่างไม่คาดฝัน
ตัวคุณทักษิณก้าวหน้าทางความคิดไปกว่านั้น ในขณะที่ปล่อยตัวไหลตามน้ำไปบ้างก็มีสติระลึกรู้อยู่ว่าจะต้องเริ่มว่ายน้ำสวนทางหรือเปลี่ยนทิศ อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่และโดยเครื่องมือใดเท่านั้น
ฝ่ายประชาชนเริ่มเข้าใจว่าเป้าหมายเดิมๆ ที่แกนนำประกาศไว้ คงไปไม่ถึงดวงดาว แต่ในขณะที่ทุกอย่างยังรวนเรไม่ชัดเจนอยู่ ให้ทำอะไรก็ยังทำ และเอาอกเอาใจกันไว้อย่างคนเห็นใจกัน น่าชื่นชมที่ฝ่ายประชาชนเป็นฝ่ายนำตัวจริง จึงไม่ต้องห่วงว่าการนำที่ล้าหลังจะทำให้มวลชนล้าหลังไปด้วย เพราะมวลชนเดียวกันนี้แหละที่จะกลายเป็นมวลชนที่ก้าวหน้าเมื่อได้เวลาอุดมมงคลฤกษ์ ขณะนี้ไม่ต้องขัดคอกัน ไม่ต้องดิ้นรนกระวนกระวาย และไม่ต้องขอร้องให้แกนนำทุกคนเข้าใจในสถานการณ์
มวลชนเสื้อแดงเรียกร้องต้องการประชาธิปไตยที่มากกว่าเงินเจ็ดหมื่นกว่าล้าน มากกว่ารัฐบาลที่ตั้งไปให้เขาโค่นทิ้ง รู้ดีว่าต้องทำอะไรมากกว่ากราบกรานขอร้องหรือชุมนุมกันไว้ก่อน
ความทรงจำในวันหาบหามฎีกากันอย่างเท่ เอาเสียงคนหลายล้านคนไปขอความเป็นธรรมยังแจ่มชัดอยู่
คนระดับนำด้วยกันย่อมเข้าใจว่าหมดระยะเมื่อไหร่ก็ให้กลับบ้านไปอย่างเงียบๆ อยากเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรี หรือประธานพรรคสาขาภาคไหน ก็ตกรางวัลให้แก่กันในความเหนื่อยยากและในความกล้าหาญอย่างสมควร
ส่วนประชาคมระหว่างประเทศนั้น มีความเข้าใจฝ่ายประชาธิปไตยของไทยและเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของอำมาตย์ไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยในมือของอำมาตย์มีความแปลกประหลาด (bizarre) เอาตัวเองเป็นความถูกต้อง (self-righteous) และใช้สองมาตรฐาน (double standard)
ความหลงยุคของเผด็จการอำมาตยาธิปไตยในเมืองไทยทำให้เขาลำบากใจยิ่ง ไม่เฉพาะในกรณีกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ที่แสดงออกอย่างชัดเจน และมาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียที่แสดงออกอย่างเบาะๆ ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปก็เริ่มมองหาวิธีการจะแสดงออกอย่างเหมาะสมเช่นกัน
การเมืองไทยก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย เหลือกันอยู่แค่สองขั้วนี้เท่านั้นล่ะครับ
ไม่น่าเชื่อว่าเกิดมาชาติหนึ่งจะได้เห็นอะไรดีๆ และทันใจเช่นนี้เลย.
---------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น