ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

สิทธิที่จะไม่ถูกฆ่า โดย กาหลิบ


คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?

เรื่อง สิทธิที่จะไม่ถูกฆ่า

โดย กาหลิบ

ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลลิเบียเข้ายึดฐานน้ำมันทางภาคตะวันออกของประเทศ ที่เรียกว่า ราส ลานูฟ ได้สำเร็จนั้น รัฐบาลลิเบียภายใต้ พันเอกมูฮัมมา กัดดาฟี่ ก็เข้าตีคืนด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง ผู้คนล้มตายกันมหาศาล ขณะที่เขียนอยู่นี้ ฝ่ายกัดดาฟี่สามารถยึดเมืองบินจาวัดคืนมาได้แล้วหนึ่งเมือง บินจาวัดอยู่ห่างจาก ราส ลานูฟ เพียงประมาณ ๖๐ กิโลเมตร อีกไม่กี่ชั่วโมงคงจะถึงฐานที่มั่นหลักของผู้ต่อต้านรัฐบาล

เลขาธิการองค์การสหประชาชาติคือ นายบัน คี มูน รีบแต่งตั้งผู้แทนพิเศษคนใหม่ไปพร้อมกับทีมตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อสกัดกั้นการทำลายล้างครั้งใหญ่ จะเป็นผลขนาดไหนทั่วโลกกำลังคอยลุ้นอยู่

ส่วนสหรัฐอเมริกาลอยเรืออยู่เฉยๆ เหมือนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี

ท่ามกลางความตึงเครียดและความสนใจอย่างสูงของประชาคมโลก สังเกตไหมว่า ได้เกิดอะไรที่น่าจับตามองขึ้นในกรณีนี้

ฝ่ายประชาชนที่รัฐบาลลิเบียเรียกว่า กบฏนั้น เข้ายึดเมืองทางภาคตะวันออกและตะวันตกของประเทศด้วยกองกำลังประชาชนที่ติดอาวุธหนัก เมื่อถูกฝ่ายรัฐบาลรุกไล่ ก็ใช้อาวุธที่มีเข้าตอบโต้อย่างรุนแรงปานกัน ฝ่ายรัฐบาลที่เป็นกองกำลังทหารราบจึงได้ล่าถอยไปยกหนึ่ง

องค์การสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศอีกหลายหน่วย แสดงท่าทีสนับสนุนทันที เนื้อความอาจแตกต่างกันบ้าง แต่สาระคือฝ่ายประชาชนมีสิทธิที่จะใช้อาวุธปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่เพราะรัฐบาลกัดดาฟี่ใช้อาวุธสงครามห้ำหั่นประชาชนก่อน แถลงการณ์หลายหน่วยงานเกือบจะพูดด้วยซ้ำว่าใครมีอาวุธควรส่งไปช่วยประชาชนชาวลิเบียที่กำลังต่อสู้เพื่อป้องกันชีวิตและสิทธิทางการเมืองของตน

เห็นหรือไม่ว่าเมื่อมวลชนถูกสังหาร ทำร้าย และปราบปรามด้วยกำลังจนเป็นที่ประจักษ์สนับสนุน การใช้อาวุธเพื่อตอบโต้ป้องกันตัวก็กลายเป็นความชอบธรรมขึ้นมา

คำถามคือสถานการณ์ในลิเบียต่างอะไรกับการใช้กำลังปราบปรามมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยในเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ และเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

คำตอบคือ ไม่แตกต่างกันเลย

ผู้ชูธง สงบ สันติ และปราศจากอาวุธในการรณรงค์ของไทยอย่างชนิด คำขวัญข้าใครอย่าแตะ เห็นตัวอย่างลิเบียอย่างนี้แล้ว ได้คิดอะไรขึ้นมาบ้างหรือไม่?

การประกาศตัวเองว่าจะไม่ใช้อาวุธไม่ว่าจะในกรณีใดๆ นั้น นอกจากจะช่วยฆ่ามวลชนฝ่ายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว ยังไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าเป็นกระแสหลักของประชาคมระหว่างประเทศอีกด้วย เพราะประชาคมระหว่างประเทศรวมทั้งองค์การสหประชาชาติเขาสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า the rights of self-defense หรือสิทธิในการป้องกันตัวเองของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม

ใช่แล้ว องค์การสหประชาชาติในวันนี้พูดเสียงดังฟังชัดว่ามนุษย์ทุกคนที่ถูกไล่ล่าฆ่าฟันด้วยมือของรัฐบาลตัวเอง และด้วยอาวุธที่เอาภาษีอากรจากน้ำพักน้ำแรงของตนไปซื้อ อย่างคนไทยเสื้อแดงเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ สามารถเอาอาวุธที่มีขึ้นมาปกป้องตัวเองตามสิทธิของความเป็นคนได้

คำขวัญที่พูดติดปากจนแทบไม่ต้องคิดว่า สงบ สันติ และปราศจากอาวุธถึงคราวต้องเปลี่ยนเป็น สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเองของประชาชนแล้วหรือยัง?

ตามหลักกฎหมายสากล การป้องกันตัวมิใช่การรุกรานและไม่ถือเป็นการสั่งสมอาวุธไว้ประกอบอาชญากรรม แต่เป็นการป้องกันสิทธิของมนุษย์โดยธรรมชาติ หากพิสูจน์เช่นนี้ได้ในศาลสถิตยุติธรรมที่ยุติธรรมจริง ผู้ถูกกล่าวหาก็จะพ้นผิดทุกเมื่อ

ขณะนี้เรากำลังชวนมวลชนมาชุมนุมกันใหม่ ซึ่งมวลชนก็จะมากันมากมายอย่างเต็มใจและด้วยความเสียสละ เราจะทำอย่างไรมิให้สถานการณ์เผชิญหน้ากับฝ่ายรัฐจบลงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวเช่นที่เคยเป็นมาอีก

มาเริ่มตรงสิทธิในการป้องกันตัวเองอย่างมวลชนลิเบียดีไหม?

-------------------------------------------------------------------------------------

ด่วน! สนับสนุน "กาหลิบ" และทีมงาน สมัคร SMS-TPNews พิมพ์ PN กดส่งมาที่เบอร์ 4552146 สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center : 084-4566794-5 (จ.- ศ. 10.00-18.00น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com /บล็อก : http://wwwthaipeoplenews.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น