ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ราชประชาวิวาทะ ตอนที่ 3


ที่มา : คอลัมน์ ราชประชาวิวาทะ นิตยสาร Voice of Taksin
โดย : จักรภพ เพ็ญแข
*************************************************************************
ตอนที่ ๓ :
วันอังคารที่ ๙ มีนาคม - วันศุกร์ที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓

(๙ มี.ค.) ยิ่งเคลื่อนใกล้ชุมนุมยิ่งกลุ้มจัด
สันดานรัฐสำแดงจึงแปลงร่าง
เอากฎหมายเผด็จการมารานทาง
กั้นขวางกลางด้วยกฎหมายความมั่นคงฯ

แปดจังหวัดประกาศใช้แถมให้ข่าว
เหมือนบ้านเมืองแตกร้าวเป็นผุยผง
ความรุนแรงแดงทั้งนั้นเขาฟันธง
เลอะเลือนหลงจนหวั่นหวาดวินาศกรรม

(๑๐ มี.ค.) “สุเทพ” คุมกรุงเทพฯ ด้วยกฎเหล็ก
เล่นเป็นเด็กถ้วนหน้าก็น่าขำ
“สาธิต” ออกอธิบายทำไมทำ
ดูมืดดำไปทั้งเมืองเรื่องอันใด

“อย่ามองแดงเป็นศัตรู” มีผู้แจ้ง
คือ “จาตุรนต์ ฉายแสง” เป็นผู้ใหญ่
“ทักษิณ” หนุนใส่แดงให้แรงใจ
อย่าอายใครใส่แดงเสริมแรงเรา

วิเคราะห์เหตุบ้านเมืองที่เปลืองตัว
เพราะเขามัวตามใจ “อำมาตย์เฒ่า”
ประเทศชาติตกต่ำไม่ทำเนา
ประชาชนโศกเศร้าไม่เอาใจ

แปลก “โคทม อารียา” เหมือนมาแสร้ง
กับเสื้อแดง นปช. อ้อล้อใหญ่
มานั่งคุยเนิ่นนานแล้วผ่านไป
คุยว่าเกิดสัญญาใจสันติวิธี

สงสัยเป็นตัวกลางระหว่างใคร
ครั้งเหลืองไล่รัฐบาลกลับเงียบฉี่
ขอให้รู้พื้นฐานสันติวิธี
จักต้องมีความเป็นธรรมประจำใจ

อย่าอ้างว่าเป็นกลางเพียงทางลง
แล้วกฎหมายความมั่นคงฯ เล่าอยู่ไหน
รัฐประหารเงียบที่เขาก่อขอกับใคร
ตกลงแดงเดียวใช่ไหมที่ต้องยอม

(๑๑ มี.ค.) สี่กองพันหกกองร้อยคอยปะทะ
อยู่ที่ประตูน้ำพระอินทร์กลิ่นไม่หอม
แล้วหน้าไหนใครบอกว่ารอมชอม
แล้วเตรียมล้อมมวลชนคนอะไร

คดีคราวเข้ายึดสนามบินฯ
“พันธมิตรฯ” คงสิ้นไม่สงสัย
อ้าว “ปทีป” เบรคหมายไม่อายใคร
นี่ฟ้าดินถิ่นไหนที่สั่งมา

“สุเทพ” สั่งสกัดกั้นศิริราช
“จัดการขั้นเด็ดขาด” ท่านรองฯ ว่า
เกรงเสื้อแดงเข้าใกล้ถวายฎีกา
ก็ความบ้าคุณทั้งนั้นพูดกันเอง

กระหน่ำอีกรื้อคดี “เอสซี แอสเสท”
โค่นเขาเสร็จยังไม่ล้มตามข่มเหง
อำมาตย์ไร้ซึ่งศักดิ์ของนักเลง
เพียงอันธพาลยืนเบ่งอยู่ข้างทาง

ข่าวพระสงฆ์ท่านมาร่วมชุมนุม
มารวมกลุ่มในเมืองเหลืองสว่าง
บริสุทธิ์พุทธธรรมประจำทาง
ข่าวว่ารัฐจัดวางบัญชีดำ

แถลงการณ์สนับสนุนของ “แดงสยาม”
นี่คือยามร่วมกันวันยังค่ำ
ขอมวลชนรุมล้อมช่วยน้อมนำ
ฝากถ้อยคำร่วมแรงเพื่อแดงเดียว

(๑๒ มี.ค.) ดาวกระจายหลักสี่นี่จุดเริ่ม
เสาร์อาทิตย์คนเติมเตรียมขับเคี่ยว
มวลชนแดงทั้งหลายไม่ดายเดียว
จำนวนล้านประเดี๋ยวเดียวคงได้มา

รัฐบาลว่า “ทักษิณ” ถูกเนรเทศ
UAE สำแดงเดชเพราะตัวข้า
พอ “นพดล” แถลงการณ์คงด้านชา
ไม่มีหน้าตอบกลับรับว่าลวง

(๑๓ มี.ค.) ณ เที่ยงตรงธงแดงแถลงไข
“วีระ” อ่านความในใจดั่งไพร่หลวง
เรียกร้องให้ยุบสภาลงทั้งปวง
อ้างว่าทวงอธิปไตยในแผ่นดิน

นปช. เริ่มคำราม “สงครามไพร่”
เสมือนไทยแบ่งเป็นเมืองและท้องถิ่น
ใช้คำใหญ่คำสำคัญลั่นธรนินทร์
เหมือนรันทดหมดสิ้นแผ่นดินไทย

แต่ฟังแล้วก็เข้าใจไม่ใช่หรอก
เรื่องชนชั้นนั้นหลอกจะบอกให้
เป้าศัตรูสูงสุดหยุดที่ใคร
ก็แค่ไพร่เปรมเดิมเติมเสียงฮา

อย่าอวดอ้างใช้คำสำคัญนี้
ถ้าในใจกล้าตีแต่ขี้ข้า
นี่คือมวลมหาชนล้นนครา
ไล่ขี้ข้าเข้ามุมคุ้มอันใด

(๑๔ มี.ค.) มวลมหาประชาชนล้นผ่านฟ้า
นี่มหาประชาชนคนยิ่งใหญ่
ภาพสะท้อนถึงฟ้าว่าปวงไทย
เห็นประชาธิปไตยเป็นของตน

ภาพสีแดงแรงฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์นัก
เหมือนเสาหลักปักพ้นให้ยืนต้น
ระบอบใดไม่เห็นหัวประชาชน
ระบอบนั้นต้องพ้นอำนาจไป

(๑๕ มี.ค.) มวลชนแดงบุกถึงหน้า ร.๑๑
ประชุมเสร็จ “อภิสิทธิ์” กลัวถูกไล่
ขึ้น Black Hawk จากภาษีบินหนีไป
เป็นนายกประเทศไทยในกองพล

แดงประกาศจะเอาเลือดไปเทราด
เพื่อประกาศความแจ้งทุกแห่งหน
รับบริจาคถ้วนทั่วทุกตัวคน
ใช้เลือดข้นไทยเล่นเป็นเครื่องมือ

“ท่านผู้หญิงวิริยา” ขึ้นปราศรัย
ว่าเวทีคนไทยต้องยึดถือ
แต่ยังไม่ชัดเจนเป็นอยู่คือ
อะไรหรือคือเหตุผลมาปนแดง

“วีระ” ขึ้นพูดชัด “รัฐไทยใหม่”
แต่ฟังไปไม่ถนัดไม่ชัดแจ้ง
อะไรคือความใหม่ไทยสีแดง
ฟังเหมือนแรงแต่ไฉนไทยเหมือนเดิม

(๑๖ มี.ค.) รับบริจาคเลือดกันเป็นพันหมื่น
คนก็ยืนเข้าแถวอย่างฮึกเหิม
คนที่แล้วผ่านไปคนใหม่เติม
อยากประเดิมงานเลือดมาเชือดกัน

แล้วเอาเลือดทั้งหลายไปราดทิ้ง
เลือดของจริงไหลล้นก็ลือลั่น
ได้ออกข่าวสมใจได้กดดัน
บูชายัญกลางเมืองเหมือนเรื่องพราหมณ์

(๑๗ มี.ค.) สรรพากรใช้อำนาจฟันฟาดเพิ่ม
อายัดเติมตามไล่เหมือนไหนหนาม
ทรัพย์สินของ “โอ๊ค-เอม” ก็เพราะนาม
เป็น “ชินวัตร” เขาก็ตามมาราวี

“วีระ” ขึ้นมาประกาศตัดขาดเพื่อน
“สุรชัย ด่านฯ” เตือนจะป่นปี้
กลับพิโรธโกรธจัดตัดไมตรี
จากวันนี้เป็นต้นไปใช่เพื่อนกัน

กลุ่ม “เสธ.แดง” ก็จบไม่คบด้วย
พูดไม่สวยตัดญาติขาดสะบั้น
คำประกาศจากฟ้าแทบจาบัลย์
ความเห็นไม่ตรงกันถึงบรรลัย

ประชาธิปไตยผิดแผกแปลกประหลาด
ใช้วิถีทรราชถือบาตรใหญ่
จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
แต่หัวใจเต็มล้นด้วยมลทิน

(๑๙ มี.ค.) “แดงสยาม” ออกประกาศฉบับสอง
เตือนทำนองของไทยอย่าใจหิน
เราจะสร้างทางใหญ่ในแผ่นดิน
จักต้องบินสูงส่งดำรงธรรม

“ปฏิวัติประชาธิปไตยโดยสันติ”
คือดำริสูงไว้ไม่ตกต่ำ
ทีละขั้นมั่นมุ่งผดุงธรรม
โดยน้อมนำศักดิ์ศรีเสรีชน

“ทักษิณ” บอกอย่าใช้ว่า “ไพร่” เลย
ใช้ “ราษฎร” เฉยเฉยก็เข้มข้น
เติมคำว่า “เต็มขั้น” ก็ชั้นชน
แกนนำกลับขึ้นไปบ่นไม่เอาตาม

(๒๐ มี.ค.) “พรรคเพื่อไทย” ประกาศบทบาทสภา
ไม่มีท่าเดินตรงลงสนาม
ขึ้นเวทีเสื้อแดงก็แรงตาม
กระแสตามหลามไหลให้ยุบสภา

“ชวลิต” ขึ้นพูดบนเวที
สดุดีเสื้อแดงเป็นนักหนา
มวลชนก็สรวลเสและเฮฮา
ได้เห็นหน้าใหม่ใหม่ปลุกใจดี

(๒๑ มี.ค.) อีกเวทีตั้งหราหน้า UN
พอได้เห็นนักศึกษามีศักดิ์ศรี
ถึงคนน้อยนักกว่าไม่พาที
ปราศรัยชี้ลึกซึ้งถึงประเด็น

“นายกทักษิณ” ก็ช่วยโฟน
“จักรภพ” ร่วมโขนให้คนเห็น
เด็กกลับมีกำลังใจได้ประเด็น
เรามุ่งเน้นจัดตั้งหวังผลไกล

มือปืนยิงอาร์พีจีกลาโหม
ออกครึกโครมคว้าตัวหาได้ไม่
มีเสียงยิงเสียงระเบิดเกิดทั่วไป
ฝีมือใครไม่รู้ดูอึมครึม

(๒๔ มี.ค.) จุดเทียนชัยถวายพระพรบนเวที
มาหักมุมอย่างนี้ระเบิดบึ้ม
เสียงมวลชนไถ่ถามกันพำพึม
แต่ก็ยังระวังขรึมอึมครึมไป

“ท่านผู้หญิงวิริยา” มารอบสอง
นำครรลองเหมือนสร้างสีแดงใหม่
กว่าสามปีสู้มาว่าอย่างไร
ต้องถามใจตัวเองอย่าเกรงกัน

กองทหารประชาชนพร้อมพลรบ
ใกล้ตอนจบหรือจึงสั่งกลับหลังหัน
ใครที่เห็น “ยูเทิร์น” รู้สึกคัน
“ยู” จงหันกลับไป “ไอ” เดินตรง.


(ต่อฉบับหน้า)
--------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น