ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความตายในวัดหลวง โดย จักรภพ เพ็ญแข


เรื่อง : ความตายในวัดหลวง
โดย : จักรภพ เพ็ญแข

**************************************************************************

ใครปรารถนาจะเรียกสถานการณ์ระหว่างวันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ และต่อเนื่องหลายวันหลังจากนั้นว่า เหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ การเข้าล้อมปราบ การยุติภาวะจลาจล การบังคับใช้กฎหมาย หรือการกระชับวงล้อม ซึ่งเป็นคำฮิตล่าสุดของผู้เป็นรัฐนั้น ก็จงใช้ไป แต่เพื่อนพี่น้องทุกคนและตัวผมที่กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ จนหลายคนกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้ว จะไม่ใช้คำนี้ เพราะเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ และศักดิ์ศรีความเป็นคนอย่างเลวร้ายเหมือนเดรัจฉาน

สิ่งที่เกิดนั้นเรียกได้อย่างเดียวว่า การสังหารหมู่ (massacre)

ท่านผู้ใดเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมจะได้เขียนต่อไปนี้ ได้โปรดพิจารณาใช้คำเดียวกันนี้ตลอดไป เพื่อตีตราบาปไว้บนหน้าผากของมหาอำมาตย์ใหญ่ที่คอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง ไม่ให้หลุดรอดไปจากสายตาของเราและของโลกได้ นี่คือขั้นแรกของการชำระความเลวร้ายทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเราจะกระทำโดยพลันและอย่างต่อเนื่อง

แม้หลังความตายของผู้ก่อบาป ซึ่งวันหนึ่งก็จะเกิดขึ้น เราก็จะตีตราบาปต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดมหาอำมาตย์สายพันธุ์เดียวกันนี้ในสังคมไทยได้อีก

การไล่ฆ่าประชาชนมือเปล่าอย่างโหดเหี้ยมรุนแรง โดยใช้อาวุธสงครามและผู้ชำนาญการฆ่านั้น ความจริงเกิดขึ้นโดยทั่วไปในกรุงเทพมหานคร และหลายจังหวัด ซึ่งเรากำลังรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก่อนที่จะถูกทำลายเหมือนศพพี่น้องของเราในวันนั้น

แต่การสังหารหมู่ประชาชนด้วยเจตนาที่ชัดเจนที่สุด จนนำมาบันทึกเอาไว้ได้ว่าแสดงสัญลักษณ์แห่งระบอบปัจจุบันอย่างไม่มีทางพลิกพลิ้วเป็นอื่นได้นั้น คือในวัดปทุมวนารามฯ

วัดที่ในวันนั้นถูกแปลงโฉมเป็นศูนย์พยาบาลฉุกเฉินกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ว่าจะฝ่ายใดนี่ล่ะครับ

วัดเดียวกับที่ประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นเขตอภัยทาน เป็นที่หลบภัยของผู้ที่ได้รับความลำบากเดือดร้อน ไม่เข่นฆ่าทำลายชีวิตใดๆ นี่ล่ะครับ

วัดที่ตั้งอยู่ระหว่างห้างสรรพสินค้าหลายแห่งของชนชั้นสูงทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิร์ลด์ และติดกับวังสระปทุมนี่ล่ะครับ

นี่คือสถานที่ที่ทหารพร้อมอาวุธกรูเข้ามาทั้งจากด้านบน คือรางรถไฟฟ้าบีทีเอสอย่างที่ร่ำลือกันมาตลอด และจากภาคพื้น ตะโกนจนได้ยินทั่วกันว่า พวกมึงรกโลก กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด
จากนั้นก็ระดมยิงใส่เหมือนคนบ้า

ด้วยความที่เป็นศูนย์พยาบาล คนที่ตาย บาดเจ็บ และต้องหนีตายอย่างสุดชีวิต ก็คือพระ แพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข และคนเจ็บที่ถูกทำร้ายมาแล้วรอบหนึ่ง

จำนวนจึงไม่ใช่หกหรือแปด แต่เป็นจำนวนมากอย่างน่าใจหาย

“เก่ง” อาสาสมัครที่ประกาศตัวเองผ่านคลิปสำคัญว่า ไม่ใช่เสื้อแดง แต่มาช่วยเพราะเป็นหน่วยกู้ชีพ เล่าด้วยเสียงสะเทือนใจว่า แม้แต่น้องผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประท้วงต่อต้านฝ่ายทหาร แต่ยืนทำแผลให้แก่ผู้บาดเจ็บอยู่ภายใน ก็ยังถูกยิงจนขาดใจตายอยู่ในวัดปทุมฯ
ผมเชื่อว่าการสังหารหมู่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะที่วัดปทุมฯ จะเป็นจุดเปลี่ยนสังคมไทยอย่างที่หลายคนยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้

อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เคยวิพากษ์ไว้ว่า ผมเขียนหนังสือเชิงอุปลักษณ์ อยากจะให้เขียนชี้ชัดลงไปแบบวิชาการ เพราะจะเป็นประโยชน์โดยตรงมากกว่า ซึ่งผมก็รับความเห็นไว้ด้วยความเคารพ

แต่ “อุปลักษณ์” ในกรณีวัดปทุมวนารามนี่ล่ะครับ ชี้เปรี้ยงลงไปยังปัญหาหัวใจของการเมืองและการกดขี่ข่มเหงประชาชนได้ดีกว่างานเขียนทางวิชาการที่ต้องใช้ปัญญาทางสมองมากเหลือเกินกว่าที่จะสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไร้อาวุธ และไม่มีเจตนาจะทำร้ายผู้หนึ่งผู้ใด ทั้งหญิง ชาย เด็ก คนเฒ่าคนแก่ และพระสงฆ์ผู้กำลังครองผ้ากาสาวพัสต์ เขาวิ่งเข้าวัดเพราะเคยรู้มาว่าวัดเป็นที่พึ่งของคนยาก วัดจะไม่ปฏิเสธคนที่กำลังมีทุกข์ ยิ่งเป็นพระอารามหลวง หรือวัดหลวง ซึ่งเชื่อมโยงใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์ ก็คงจะไม่คิดทำร้ายเข่นฆ่าใคร เขาก็วิ่งเข้าไปพึ่งพาด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยม

ครับ แล้วเขาก็ถูกฆ่าอย่างทารุณที่สุดบนธรณีสงฆ์ของวัดหลวงนั่นเอง

ศพที่นอนเกลื่อนอยู่นั้น มีทั้งหญิง ชาย เด็ก คนเฒ่าคนแก่ พระสงฆ์ และนักข่าวต่างประเทศ

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ล่วงลับ ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสร้างศรัทธาในพระศาสนาและสถาบันกษัตริย์เป็นอย่างสูงคนหนึ่ง เขียนไว้ในนวนิยาย “หลายชีวิต” ว่า คนที่มาตายพร้อมกันเพราะเรือล่มลงหลังออกจากท่าที่บ้านแพนท่ามกลางลมพายุนั้น เขาทำบาปกรรมอะไรร่วมกันมาหรือ จึงมาตายพร้อมกันอย่างนี้

ผมซึ่งอ่านหนังสือของนักเขียนผู้นี้ด้วยความรักลุ่มหลงมาเนิ่นนาน นำคำถามนี้มาคิดใคร่ครวญต่อจนกระทั่งบัดนี้ ก็เพิ่งจะได้คำตอบจากการสังหารหมู่ในวัดปทุมวนารามเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓

เขาต้องสูญเสียชีวิตลงพร้อมกันโดยมิใช่เหตุธรรมชาติ และมิได้ประกอบกรรมทำชั่วใดๆ ในขณะนั้นเลย ก็เพราะเขาอยู่ภายใต้ระบอบการเมืองการปกครองที่ไม่เห็นเขาเป็นมนุษย์

นั่นล่ะครับคือสิ่งที่ เขามี เขาเป็น ร่วมกัน

คำว่า “รกโลก” ที่ทหารตะโกนเอากำลังใจก่อนจะลงมือฆ่า สะท้อนอย่างชัดเจนที่สุดว่าเขาบนนั้นไม่เอาประชาชนคนใดก็ตามที่บังอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับอำนาจอันล้นพ้นของเขา ที่ใช้ผ่านรัฐบาลพันธุ์ทาสอย่างชุดของนายอภิสิทธิ์-นายสุเทพ-นายชวน และเขาก็พร้อมฆ่าเหมือนกับที่ฆ่ามาแล้วตลอดเส้นทางสายอำนาจที่ชโลมมาด้วยเลือด

ไม่ว่าประชาชนจะถามคำถามอย่างสงบ สันติ และปราศจากอาวุธหรือไม่ก็ตาม ไม่มีความหมายสำหรับเขา

ครับ ความตายในวัดหลวง ก็คือ ความตายในรัฐหลวง นั่นเอง

“เลือดหยดรดถนน คือเลือดข้นคนเสื้อแดง

บทเรียนราคาแพง จี้ระบอบตอบคำถาม

อภิสิทธิ์คนเดียวหรือ ควรลุกฮือควรติดตาม

เชื้อร้ายโรคลุกลาม ทั่วโคตรพงศ์และวงศา

คนไทยไม่มืดบอด ไม่หลุดรอดจากสายตา

คนยิงก็เพียงหมา เจ้าของคลั่งผู้สั่งยิง

เกิดซ้ำและเกิดซาก ใต้หน้ากากน่าเกรงกริ่ง

จากเตียงส่งเสียงยิง ดับญาติตนไม่สนใจ

อย่าร้องอย่างขี้ข้า ให้เชิดหน้าสูงกว่าไพร่

เจ้าของคือผองไทย เลิกครรลองขอร้องมาร

เลือดนี้มีความหมาย เฮือกสุดท้ายเราพ้นผ่าน

“เหมาะสมล้มกระดาน สร้างรัฐหลวงของปวงชน”

สงครามเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเองครับ....

--------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น