ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 70 เสื่อมมวลชน


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 70 : เสื่อมมวลชน
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*******************************************************************************
สื่อมวลชนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่า บ้านเมืองนี้ไม่มีประชาธิปไตยก็ได้ โดยมานั่งแก้ตัวหรือมานั่งรับตำแหน่งแห่งหนของคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ

*******************************************************************************

เสื่อมมวลชน

ครั้งแรกที่เห็น โลกวันนี้ พาดหัวข่าววิจารณ์สื่อบางคนและบางสำนักว่า “เสื่อมมวลชน” ผมยังนึกในใจว่าบรรณาธิการท่านออกจะปากจัดไปหน่อย

แต่วันนี้นอกจากผมจะเห็นด้วยกับท่านอย่างสุดหัวใจแล้ว ก็ยังหวังจะเห็นมวลชนทั้งหลายที่ถูกคนที่ประกอบวิชาชีพสื่อเหล่านี้ทรยศหักหลัง ได้กรีฑาทัพออกมาลงทัณฑ์ตามความผิดแห่งโทษานุโทษเสียด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนที่ไปรอรับการ “แบ่งเค้ก” จากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้กำกับราชการกรมประชาสัมพันธ์และ อสมท. ในรูปของเวลาโทรทัศน์ หรือ air time ทั้งค่ายผู้จัดการ เนชั่น ฯลฯ

สื่อมวลชนที่ถึงกับสละตำแหน่งอันทรงเกียรติในสมาคมวิชาชีพสื่อเพื่อไปรับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจากการรัฐประหาร ซึ่งมีหลายคนอย่างน่าตกใจ

แม้กระทั่งสื่อระดับบรรณาธิการและเป็นครูบาอาจารย์ของใครหลายคน ที่ยอมลดตัวเองไปรับตำแหน่งรักษาการผู้บริหารในองค์กรสื่อของรัฐในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน และถูกสื่อด้วยกันออกมาขับไล่ไสส่งอย่างไม่เกรงใจ

ท่านเหล่านี้คงลืมความหมายอันแท้จริงของคำว่าสื่อมวลชนไปแล้ว

คงต้องแจกแจงเสียก่อนว่า สื่อมี ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือสื่อมวลชนระดับเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจในการกำหนดทิศทางข่าวสารบ้านเมือง กับสื่อมวลชนผู้แสดง ซึ่งต้องรักษาสมดุลระหว่างผู้รับจ้างที่มีสังกัดและความเป็นศิลปินที่มีอิสระในตน

หากท่านเป็นสื่อประเภทหลัง หรือเป็นเพียง presenter อย่างนี้ไม่กระเทือนมาก

แต่สื่อประเภทแรกมีพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์อันละเมิดมิได้ของตนเองอยู่ นั่นคือการวางตัวอย่างเฉียบขาดเคร่งครัดที่จะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยเฉพาะเมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้น เพราะความเชื่อถือของผู้รับสารที่มีต่อสื่อประเภทนี้ขึ้นอยู่กับความเป็นกลาง

ไม่ต้องลุกขึ้นมาเถียงแบบเด็กๆ หรอกครับว่าความเป็นกลางนั้นไม่มี เด็กอมเท้าก็รู้ว่าความเป็นกลางในสื่อนั้นไม่มี ประเด็นอยู่ที่ว่าประชาชนเชื่อหรือไม่ว่าคุณเป็นกลาง

ถ้าประชาชนเชื่อ คุณก็คือสื่อมวลชนที่มีสิทธิ์ชี้นำสังคมต่อไป อิทธิพลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลห้ามเลียนแบบ

แต่ถ้าเขาไม่เชื่อ คุณก็จบ ควรจะไปหาพรรคการเมืองแนวสามัคคีธรรมสังกัดได้ เพราะประชาชนรู้สึกเสียแล้วว่าคุณเป็นเพียงร่างทรงของคนอื่น

น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่สื่อมวลชนจำนวนไม่น้อยตามประเภทความเสี่ยงอันตรายของวิชาชีพตามที่ได้แจกแจงมาตั้งแต่ต้น ตัดสินใจเหยียบลงไปในพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างจงใจเจตนาและไม่คำนึงถึงเสียงที่ร้องทักจากทุกสารทิศ

วันหลังอธิบายหน่อยสิครับว่า อุตส่าห์สั่งสมบารมีในวิชาชีพนี้มานานปี เพื่อจะมาลอยหน้าอธิบายว่าบ้านเมืองนี้ควรมีสภาพเป็นรัฐทหารเท่านั้นล่ะหรือ?

หรือจะจริงอย่างที่เขาว่า สื่อมวลชนทุกสำนักคือกลุ่มผลประโยชน์ และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสื่อมีไว้เพื่อด่าประณามบุคคลหรือกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับตนเท่านั้น การกระทำของตัวเองมีแต่ความถูกต้องและสมเหตุสมผลเสมอ

นี่ไม่ใช่เพียงกลืนน้ำลายตัวเอง แต่เป็นการกลืนน้ำลายของ คมช. และคนที่นั่งอยู่หลังม่าน คมช. อีกเป็นหลายสิบคน รวมเป็นน้ำลายของคนเป็นขยุ้ม

แค่นึกภาพก็คลื่นไส้เต็มทนแล้ว

ไม่ว่าสภาวการณ์ทางการเมืองจะแตกแยกยับเยินขนาดไหน สื่อมวลชนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีประชาธิปไตยก็ได้

โดยมานั่งแก้ตัวหรือมารับตำแหน่งแห่งหนของคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ

สื่อมวลชนที่ไหนๆ ในโลกเขาต้องยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ไม่ใช่พร่ำพูดโพสต์โมเดิร์น หลอกให้สังคมสับสนเรื่องโลกาภิวัตน์จนคนไทยรุ่นใหม่ๆ เกิดความสับสนว่าจะเตรียมตัวแข่งขันกับโลกอย่างไร หรือนั่งหลับตาแล้วบูชาศาลพระภูมิไปวันๆ ก็จะรอดตัวได้

ไม่เกาะขาเผด็จการหรือระบอบอภิชนาธิปไตยให้เขาเห็นกันหมดทั้งบ้านเมืองอย่างนี้

พูดง่ายๆ ว่าหน้าด้านนักไม่ดี เปลืองแป้ง.


-------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น