ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
จตุพรพูดถูก โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา : คอลัมน์ “ผมเป็นข้าราษฎร” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์วิวาทะ Thai Red News
โดย จักรภพ เพ็ญแข
เรื่อง จตุพรพูดถูก
โดย จักรภพ เพ็ญแข
เรื่อง จตุพรพูดถูก
********************************************************************************
ฟังสาระและน้ำเสียงที่แถลงข่าวหรือให้ข่าวเมื่อคืนนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าต้องเขียนถึงคุณจตุพร พรหมพันธุ์ในวันนี้หลังจากที่มิได้พูดถึงหรือเขียนถึงกันมานานนับปี ยกเว้นแต่ข้อวิพากษ์ถึงแนวทางการต่อสู้รวมๆ ซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะของขบวนประชาธิปไตย
ผมไม่มีคำพูดชนิดถอดเรียงตัวอักษรมาอ้าง แต่จับใจความที่อ่านจากข่าวได้ว่า คุณจตุพรพูดชัดว่าการตายของมวลชนคนเสื้อแดงจากน้ำมือของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยภายใต้รัฐบาลชุดนี้ ไม่อาจแลกได้ด้วยการยุบสภาอย่างเดียว แต่จะต้องรวมถึงการสอบสวน และลงทัณฑ์บุคคลผู้สั่งการฆ่าประชาชนนั้นด้วย
ฟังแล้วก็บอกได้คำเดียวว่า เห็นด้วย และยินดีสนับสนุนจุดยืนล่าสุดนี้อย่างเต็มกำลังศรัทธา
ฟังสาระและน้ำเสียงที่แถลงข่าวหรือให้ข่าวเมื่อคืนนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าต้องเขียนถึงคุณจตุพร พรหมพันธุ์ในวันนี้หลังจากที่มิได้พูดถึงหรือเขียนถึงกันมานานนับปี ยกเว้นแต่ข้อวิพากษ์ถึงแนวทางการต่อสู้รวมๆ ซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะของขบวนประชาธิปไตย
ผมไม่มีคำพูดชนิดถอดเรียงตัวอักษรมาอ้าง แต่จับใจความที่อ่านจากข่าวได้ว่า คุณจตุพรพูดชัดว่าการตายของมวลชนคนเสื้อแดงจากน้ำมือของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยภายใต้รัฐบาลชุดนี้ ไม่อาจแลกได้ด้วยการยุบสภาอย่างเดียว แต่จะต้องรวมถึงการสอบสวน และลงทัณฑ์บุคคลผู้สั่งการฆ่าประชาชนนั้นด้วย
ฟังแล้วก็บอกได้คำเดียวว่า เห็นด้วย และยินดีสนับสนุนจุดยืนล่าสุดนี้อย่างเต็มกำลังศรัทธา
นอกจากคุณจตุพรจะสามารถจับหัวใจของเรื่องนี้ได้อย่างดี ว่าเป็นสงครามระหว่างระบอบ ที่จะต้องทำความจริงให้เป็นที่กระจ่างชัดแล้ว ในคำพูดเดียวกันนั้นยังเป็นการยกระดับการต่อสู้ที่เวทีราชประสงค์อีกด้วย
ก่อนที่จะเกิดการใช้กระสุนจริงและอาวุธสงครามในคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ยังพอถกเถียงกันได้ว่า การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เป็นเงื่อนไขที่พอเพียงหรือไม่ที่จะยุติการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้
แต่เมื่อผ่านคืนนั้นไปแล้ว หน้าต่างแห่งโอกาสถูกปิดไปหลายบาน และประชาชนจำใจต้องเปิดหูเปิดตาและเปิดใจรับเงื่อนไขใหม่ ซึ่งความจริงเป็นเงื่อนไขเก่าที่เราไม่เคยรู้หรือไม่ค่อยได้รู้
นั่นคือระบอบอำมาตยาธิปไตยเขาไม่รับการร้องทุกข์ของประชาชน ไม่รับการเจรจาจากมหาชน และไม่อดทนแม้แต่น้อยนิดต่อความเคลื่อนไหวตามสิทธิมนุษยชนของคนไทยที่เขามองว่าเป็นไพร่ใต้ตีน
เป็นคำอธิบายเดียวต่อการใช้กระสุนจริงและอาวุธสงครามจนมีคนตายหลายสิบชีวิต จนเลือดและสมองไหลนองถนนราชดำเนิน
เรื่องคนเสื้อดำหรือกองกำลังใต้ดินเหนือดินอะไรนั้น หากมีจริงก็คือเหตุสอดแทรกในสถานการณ์ ปฐมเหตุของการนองเลือดในคืนนั้นและต่อมาคือเจตนาล่วงหน้าที่บุกตะลุยเข้ามาเพื่อสังหารผลาญชีวิตของประชาชนที่มาใช้สิทธิ์ประท้วงอย่างสันติ ไม่ได้เกิดจากมือที่สาม ตีนที่สี่ หรือจากประชาชนธรรมดาแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เจตนาฆ่าประชาชนในคืนวันนั้น ไม่แตกต่างจากคำสั่งลับในอดีตที่ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายจนนำไปสู่เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ การล้อมฆ่าตามทัศนะ “ขวาพิฆาตซ้าย” ในโศกนาฏกรรม ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ และการสังหารหมู่พฤษภาทมิฬเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕
ทัศนะอย่างเดียวกัน กระบวนการตัดสินใจคล้ายกัน เพียงเปลี่ยนผู้ปฏิบัติไปตามเวลา และมาจากแหล่งอำนาจเดียวกันกับเหตุการณ์ทั้งสามนั้น
ผมมั่นใจมาตลอดว่าการต่อสู้ของมวลมหาชนต้องยกระดับขึ้น และการเปลี่ยนแปลงในห้วงต่อไปจะมิใช่ได้มาเพียงสัญลักษณ์และพิธีกรรมประชาธิปไตย แต่จะได้จิตสำนึกว่าอะไรคือประชาธิปไตยที่แท้ และอะไรคืออุปสรรคกีดขวางมิให้คนไทยได้ประชาธิปไตยมาโดยตลอด
ผมมั่นใจมาตลอดว่าการต่อสู้ของมวลมหาชนต้องยกระดับขึ้น และการเปลี่ยนแปลงในห้วงต่อไปจะมิใช่ได้มาเพียงสัญลักษณ์และพิธีกรรมประชาธิปไตย แต่จะได้จิตสำนึกว่าอะไรคือประชาธิปไตยที่แท้ และอะไรคืออุปสรรคกีดขวางมิให้คนไทยได้ประชาธิปไตยมาโดยตลอด
คนที่อ่านประวัติศาสตร์ไทยทะลุความบิดเบือนซ่อนเร้นต่างๆ จะไม่แปลกใจที่เขาลั่นกระสุนใส่คนบริสุทธิ์ที่ไร้อาวุธได้อย่างเหี้ยมโหดขนาดนั้น
นี่ไม่ใช่การบันดาลโทสะหรืออารมณ์แค้นชั่ววูบจนต้องเสียเลือดเนื้อ แต่คือจิตใจเหี้ยมโหดที่สะสมมานานหลายปี และปรับปรุงการวิธีใช้อำนาจมาตลอดจนลงตัว สามารถฆ่าใครที่ท้าทายอำนาจของตนได้มาก เร็ว โดยน้ำกระเพื่อมเพียงเล็กน้อย จับมือใครดมไม่ได้เพราะเป็นมือที่มองไม่เห็น
จนสมดุลอำนาจมาเปลี่ยนเมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ เมื่อรู้สึกการผูกขาดอำนาจผ่านอาวุธสงครามของตนต้องถูกบังคับให้สิ้นสุดลงนั่นเอง
ไม่ว่าคุณจตุพรและคณะที่มีความเห็นสอดคล้องจะนำมวลชนไปสู่จุดไหนต่อไป ผมเชื่อมั่นว่าท่าทีที่ชัดเจนนี้จะทำให้ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในคืนวันนั้นได้รับความอาลัยรำลึกอย่างเหมาะสมโดยขบวนประชาธิปไตยในแนวหน้า
ผู้ที่จะไม่ตายอย่างสูญเปล่า จะย้อนไปถึงเหล่าวีรชนตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๐ คือตั้งแต่ครั้งที่การก่อรูปของอำนาจรัฐปัจจุบันเกิดความชัดเจนและเสถียรเป็นต้นมา
การตายของพวกเราทุกๆ ชีวิตมิใช่เป็นเพียงความรับผิดชอบของรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและทหารสายที่ครองผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบของระบอบที่ครอบงำอยู่ทั้งหมด
ไม่ต้องสูญเสียมากกว่านี้ก็คงอยู่ร่วมกันไม่ได้แล้วเพราะเห็นเจตนาชัด
เมื่อชัดแล้วก็ต้องสงเคราะห์ว่า การแก้ปัญหาง่ายๆ คงจะไม่มี และการต่อสู้ครั้งนี้คงจะดำเนินต่อไปอีกนานหลังการยุบสภาผู้แทนราษฎรและการเลือกตั้งครั้งใหม่
ใครสู้ไม่ไหวหรือไม่พอใจก็หลีกทางไปอย่างสงบ ให้มวลชนในทัศนะใหม่เข้ามาตีมือรับงานแทน งานใหญ่ก็จะไม่ชะงัก
ผมขอแสดงความคารวะอีกครั้งต่อมวลชนที่ยังยืนหยัดอยู่ที่ราชประสงค์และทุกที่ทั่วโลกที่พร้อมจะทำงานใหญ่ปานขุนเขาร่วมกัน และขอแสดงความชื่นชมต่อแกนนำที่เรียนรู้จากสถานการณ์ จนเห็นความจำเป็นของการยกระดับการต่อสู้ในที่สุด
ตัวบุคคลเป็นเรื่องเล็ก แต่แนวทางเป็นเรื่องใหญ่ครับ.
---------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เสื้อแดงก็คือคนไทย ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่ถูกปล้นไป แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาก็คือความตาย ส่วนที่ยังมีลมหายใจและยังยืนหยัดสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น กลับถูกประนามว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในสายตาของเพื่อนร่วมชาติ ความยุติธรรมบนแผ่นดินนี้คงไม่มีอีกแล้วสำหรับคนเสื้อแดง
ตอบลบจากปี 2475 อำนาจจากกษัตริย์ถูกถ่ายให้คณะราษฎร์
ตอบลบคณะราษฎร์ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พลเรือน ไม่มีราษฎร์ เป็นข้าราชการทั้งสิ้น
ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ราษฎรมีอำนาจ โดยผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แต่รัฐสภา ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนทั่วประเทศ ก็ถูกรัฐประหารอยู่ร่ำไป
ถึง พ.ศ. 2553 การเมืองการปกครองของไทยที่อ้างว่า เป็นระบอบประชาธิปไตย มา 78 ปี มันไม่เป็นความจริง เป็นประชาธิปไตยเทียม
เป็นประชาธิปไตยดัดจริต เพราะแท้จริงแล้ว อำนาจยังคงติดอยู่แค่ทหาร ผู้มีอาวุธอยู่ในมือ กับกลุ่มราชการพลเรือนที่นิยมระบอบศักดินา กับนายทุนผู้อิงทหารคุ้มครองผลประโยชน์ให้
การเลือกตั้ง แม้ตั้งรัฐบาลได้ แต่ถ้าทหารไม่สนับสนุน รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ เพราะจะถูกรัฐประหารด้วยคำว่า รัฐบาลทุจริต ส.ส.ซื้อสิทธิ์ขายเสียง
การเมืองระบอบประชาธิปไตยไทยจึงอ่อนแอตลอดมา ยิ่งภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วยแล้ว กลุ่มการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองจะเข้มแข้งไม่ได้เลย ต้องสยบยอมอยู่ใต้อุ้งตีนกลุ่มอำมาตย์ผู้มีบารมีสูงส่งทั้งสิ้น
การจะแก้ หรือเรียกร้องให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ ประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง และไม่ปล่อยปละละเลยให้เกิดการยึดอำนาจ หรือทำรัฐประหารง่าย ๆ
เมื่อการศึกษาของคนไทยสูงขึ้น การหวงแหนประชาธิปไตยจะมากขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ
แต่หลักสูตรการศึกษาไทย สร้างขึ้นเพื่อรับใช้ระบอบอำมาตย์ ในทุกระดับการศึกษา เมื่อใดได้เห็นหลังกสูตรการศึกษาไทย สร้างขึ้นเพื่อรับใช้ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อนั้น การรัฐประหารจะเกิดได้ยาก และประชาชนหวงแหนประชาธิปไตยกันเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ ไม่แบ่งแยกกลุ่มประชาธิปไตย กับกลุ่มนิยมอำมาตย์ที่ต่อต้านระบอบประชาธิปไตยเช่นปัจจุบันนี้
Revenge..Merder Thai Government killed people by 'Snipers'thay will be die by 'Sniper' too
ตอบลบ