ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 13 เลือกตั้งยังไม่พอ?


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ก่อนรัฐประหาร
ตอนที่ 13 : เลือกตั้งยังไม่พอ?
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

******************************************************************************
การเลือกตั้งไม่ใช่เครื่องมือตัดสินของระบอบประชาธิปไตย ใช้วัดไม่ได้ว่าใครควรจะบริหารประเทศ ฯลฯ ฟังแล้วอยากจะหัวเราะเป็นภาษาคิวบา

******************************************************************************
เลือกตั้งยังไม่พอ?

หมู่นี้ได้ยินได้ฟังอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย จนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคนพูดเขาไม่บ้า สงสัยผมจะบอเป็นแน่

เช่น การเลือกตั้งไม่เพียงพอต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องกอปรด้วยการประท้วงอย่างขนานใหญ่และต่อเนื่อง

การประท้วงการเมืองชนิดผูกติดกับตัวบุคคล ถ้าบุคคลนั้นๆ เข้ารับตำแหน่งทางการเมือง ก็ต้องปักหลักด่าทอกันไปทุกหนทุกแห่งอย่างไม่เลิก

การเลือกตั้งไม่ใช่เครื่องมือตัดสินของระบอบประชาธิปไตย ใช้วัดไม่ได้ว่าใครควรจะบริหารประเทศ ฯลฯ
ฟังแล้วอยากจะหัวเราะเป็นภาษาคิวบา

เมื่อคณะราษฎรเสี่ยงต่อการหัวขาดเจ็ดชั่วโคตรเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเมื่อคนเป็นจำนวนลุกฮือขึ้นกรณี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ เพื่อต่อต้านระบอบการปกครองที่อยู่ตรงข้ามกับประชาธิปไตยนั้น

ก็เพราะอยากจะให้มีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้นในบ้านเมือง

ต้องการเพียงเท่านั้นเองครับ ทั้งที่ได้พลีกายและใจอย่างหนักหนาสาหัสในความขัดแย้งทางการเมืองแต่ละครั้ง

หลายประเทศในโลกก็กำลังมีความต้องการอย่างเดียวกันนี้ และกำลังต่อสู้กันเป็นนักหนา

ปัญหาคือเมืองไทยได้มาแล้วกำลังทำอะไรกับสิทธิ์นั้น

คนส่วนใหญ่มีคำตอบอย่างชัดเจนอยู่กับตัว คือพอใจ ถนอมรักษา และรอคอยที่จะไปใช้สิทธิ์ของตนในทางการเมืองเมื่อถึงเวลา ชอบใครไม่ชอบใครไปแสดงออกกันในวันนั้น

เหมือนกับที่คนพม่าอยากได้แต่ไม่มีโอกาส

เหมือนกับที่คนปากีสถานอยากได้แต่ไม่มีโอกาส

แต่บังเอิญมามีคนไม่กี่คนเกิดคิดแปลกขึ้นมาว่า การเลือกตั้งชนิดที่กรรมการการเลือกตั้งมาจากศาล และพรรคการเมืองทั้งหลายอยู่ในกระแสสนับสนุนและต่อต้านปานๆ กัน เป็นการเลือกตั้งที่ให้ประชาธิปไตยแบบที่ตัวต้องการไม่ได้

จนต้องการจะประท้วงตลอดไปเพื่อรักษาบทบาทของตนเอง

ประชาธิปไตยไทยจะมานอกรีตเอาก็อีตรงนี้

ระบอบประชาธิปไตยมีพัฒนาการและเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ เหมือนสรรพสิ่งทั้งหลาย แบบที่เราใช้กันอยู่นี้เรียกกันว่าประชาธิปไตยแบบผู้แทน (representative democracy) เพราะไม่สามารถนำคนหกสิบสามล้านคนมานั่งประชุมตัดสินใจในปัญหาต่างๆ ร่วมกันได้

เกิดมีคนจากยุคเพลโต้พลัดหลงเข้ามาในเมืองไทย บอกว่าถ้าไม่มานั่งประจันหน้ากันในรู้ดำรู้แดงแล้วก็ไม่ใช่ระบอบการปกครองแบบที่ต้องการ

น่าเหนื่อยใจจริงๆ

ใครมาลงทุนในเมืองไทยย่อมคิดหนักขึ้น เพราะพบว่าคนไทยคิดแปลกกว่าเขาเพื่อน ถึงจะชอบนิสัยอย่างไรก็ไม่ไว้ใจให้ร่วมเตียงนานนัก

ผมไปร่วมสัมมนาที่ศศินทร์มาเมื่อไม่กี่วันนี้ หมายเลขหนึ่งของ TRIS คือศาสตราจารย์ ดร. วรภัทร โตธนะเกษม บอกต่อที่ประชุมว่า สิ่งที่บรรษัทต่างชาติกลัวและไม่อยากมาลงทุนมากที่สุดคือ

widespread politically-motivated violence

แปลเป็นไทยว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพราะการเมืองกระตุ้นจนแพร่กระจาย

หรือ การเลือกตั้งที่ตัดสินอะไรเด็ดขาดไม่ได้สำหรับประชาธิปไตย จนต้องกระตุ้นต่อมต่อต้านทางการเมืองกันตลอดกาล

คิดผิดคิดเสียใหม่ครับ.

-----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น