ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 69 แฟชั่นครม.


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 69 : แฟชั่นครม.
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*******************************************************************************
นายกรัฐมนตรีแต่ละคนย่อมต้องการจะส่งสัญญาณบางอย่าง โดยเฉพาะการ “เปลี่ยนยุค” และแฟชั่นมักจะเป็น “วิธีสื่อ” อย่างหนึ่งเสมอ

*******************************************************************************
แฟชั่น ครม.

ใครสังเกตหรือไม่ว่า คณะรัฐมนตรีแต่ละชุดก็มีแฟชั่นการแต่งกายของตัวเองไม่แพ้นางแบบและนายแบบทั้งหลาย ทั้งๆ ที่สูงวัยกว่ามาก มาแตกต่างอยู่ที่ว่า ครม. ไม่ต้องการสื่อสารหรือเป็นผู้นำในทาง design แต่ต้องการส่งข้อความบางอย่างในทางการเมืองมากกว่า

ผ้าไทยดูเหมือนจะหายไปแล้วในยุคนี้

ในรัฐบาลของคุณทักษิณซึ่งมีภาพลักษณ์และวิธีคิดที่ออกจะเป็นธุรกิจอยู่มาก และกรอบการมองโลกดูจะเป็นฝรั่งอยู่หน่อยๆ กลับเป็นรัฐบาลที่กำหนดเป็นกฎเหล็กเลยว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตลอดจนทีมสนับสนุนจะต้องสวมเสื้อที่ตัดจากผ้าไทยในวันประชุม ครม. นัยว่าเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมผ้าไทย

เมื่อถึงคราวประชุมเอเปก ก็ใช้ผ้าไทยจากสุรินทร์เป็นเครื่องมือสื่อสารความเป็นไทยอย่างสำคัญ ขณะนี้ผลิตไม่ทันความต้องการของตลาดโลก จนมีคนนินทาว่าเลิกสนใจคนไทยไปแล้วด้วยซ้ำ จะเอาแต่ฝรั่งอย่างเดียว

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เมื่อเห็นแฟชั่นอย่างนั้นก็แต่งบ้าง เดินตามกันอย่างว่าง่าย ขยายตลาดของผ้าไทยออกไปหลายสิบเท่าในเวลาไม่กี่ปี เช่นเดียวกับคนระดับผู้นำในภาคธุรกิจเอกชน

แฟชั่น ครม. จึงออกจะมีอิทธิพล

มาคราวนี้เห็นแต่ละท่านสวมสูทขึงขัง ไม่มีพื้นที่ขนาดเดิมให้กับผ้าไทยอีก ก็เลยนึกว่าทำไมจะต้องคิดมากจนถึงขั้นว่าจะไม่เดินตามกัน

นายกรัฐมนตรีสวมเสื้อพระราชทานแขนยาวเหมือนคุณเปรมอยู่คืนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นงานที่ตึกสันติไมตรี จากนั้นก็ไม่เห็นกลับมาสวมอีกเลย

ครม. อื่นๆ ไม่เห็นเคยใช้ผ้าไทย วันประชุมคณะรัฐมนตรีก็เห็นฝรั่งคลาคล่ำไปทั้งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

อิทธิพล ครม. ขณะนี้แผ่กว้างไปอย่างรวดเร็ว ในทำเนียบรัฐบาลดูจะไม่มีใครกล้าหาญขนาดสวมเสื้อที่ตัดเย็บจากผ้าไทยมาเดินลอยชาย เพราะอาจจะถูกมองได้ว่าฝักใฝ่ในรัฐบาลเก่า ส่วนข้าราชการนั้นไม่ต้องพูดถึง ขณะนี้เข้าแฟชั่นสูทสากลกันอย่างเต็มตัว

เหมือนยุคเสื้อพระราชทานคอปิดที่รัฐบาลคุณเปรมส่งเสริมนัก พอพลเอกชาติชายมาสืบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อก็กลายเป็นสูท และเป็นสูทเรื่อยมาจนกระทั่งถึงคุณทักษิณ

นายกรัฐมนตรีแต่ละคนย่อมต้องการจะส่งสัญญาณบางอย่าง โดยเฉพาะการ “เปลี่ยนยุค” และแฟชั่นมักจะเป็น “วิธีสื่อ” อย่างหนึ่งเสมอ

ความจริงผ้าไทยนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่มีสายโซ่อุปทาน (supply chain) ที่ยืดยาวมาก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมีประชาชนคนไทยได้รับประโยชน์เยอะ

เมื่อได้รับความนิยมจากคนระดับบนของสังคม ก็เป็นกำลังใจให้มุ่งมั่นพัฒนางานมาตลอด จนบัดนี้ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ชาวบ้านที่ไม่ค่อยจะมีมาตรฐาน มาเป็นสินค้าสากลที่น่าภูมิใจที่สุดอย่างหนึ่งของอารยธรรมไทย มีคนไทยที่ลืมตาอ้าปากได้ไม่น้อยจากการนี้

จึงไม่อยากจะเห็นผ้าไทยกลายเป็นปิงปองการเมืองให้ตีกันไปตีกันมา

จริงอยู่ล่ะครับ ผ้าไทยนั้นก็มิได้สะดวกใช้ได้ในทุกที่ บางครั้งถึงกับต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในระหว่างวันเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์

จุดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังคงมีอยู่ อย่างคนจำได้ง่าย ใส่ซ้ำไม่ค่อยจะได้ ค่าซักก็ออกจะแพง หรือถ้าอ้วนขึ้นสักหน่อยก็จะอึดอัดคับคั่ง ไม่เหมือนสูทที่ยืดหยุ่นกว่า แถมยังซ่อนพุงได้ดีกว่าด้วย

แต่เมื่อเราตั้งใจจะส่งเสริมกันแล้วก็ต้องทำ ขยักขย้อนอย่างนี้ชาวบ้านก็ตายลูกเดียว

รัฐบาลนั้นมีหน้าที่ในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่มุ่งทำเฉพาะสิ่งที่ถูกใจ โดยเฉพาะให้ถูกใจตัวเองคนเดียวยิ่งถือว่าไม่สมควร

เห็นรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ใส่สูทกันไปหมดก็เลยขอติงกันไว้ตรงนี้หน่อยเถอะครับ

เกลียดคุณทักษิณนั้นก็เกลียดไป แต่อย่าฟาดงวงฟาดงาไปจนถึงอุตสาหกรรมผ้าไทยเลยเจ้าประคุณ

ชาวบ้านเขาเดือดร้อนแล้วครับ.
-------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น