ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

จิตใจมวลชน โดย จักรภพ เพ็ญแข



ที่มา : คอลัมน์ “ผมเป็นข้าราษฎร” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์วิวาทะ Thai Red News ปีที่ 1 ฉบับที่ 44
โดย : จักรภพ เพ็ญแข
เรื่อง : จิตใจมวลชน

********************************************************************************
ภาพของมวลชนเป็นหมื่นแสนที่หลั่งเข้ามารวมตัวกันในบริเวณผ่านฟ้าและเดินทัพอย่างสงบไปทั่วกรุงเทพมหานคร ยอมรับครับว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่น่าปีติเป็นที่สุด ใครเคยเชื่อคนไทยขาดความพร้อมต่อระบอบประชาธิปไตย ต้องเปลี่ยนใจในคราวนี้ โดยส่วนตัวผมรู้สึกลึกๆ ว่านี่แหละการต่อยอดความอุตสาหะวิริยะและความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) และคณะราษฎร์ทุกๆ ท่านจากทุกสาย ตลอดจนเป็นการแสดงความคารวะต่อวีรกรรมเพื่อประชาธิปไตยของทุกรูปทุกนามที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์

แต่เราควรต้องมองลงไปให้ถึงความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องแต่ละคนจากไม่รู้กี่จังหวัดนั้นด้วย อยู่บนเวทีมองลงไปเห็นคลื่นมหาชน ก็ได้เห็นมวลชน ซึ่งเป็นมวลพลังที่แตกต่างจากคนเดี่ยวๆ ที่เรียกว่าปัจเจกชน แต่ปัจเจกชนนั้นเอง ที่เป็นองค์ประกอบหลักของมวลชน ก็คือคนที่มีเลือดมีเนื้อ มีจิตใจและร่างกายอย่างครบถ้วน

นั่งในถนนที่ร้อนราวนรกในช่วงกลางวัน เมื่อถึงยามราตรีกว่าจะล้มตัวลงนอนได้ก็หลายชั่วโมง เพราะความร้อนช่วงกลางวันมันระเหยขึ้นมา คนที่นอนข้างแหล่งน้ำก็ประสบเคราะห์กรรมจากยุงกัด และกัดทั่วไปทั้งตัวจนเกือบสว่าง อาหารการกินและน้ำดื่มอัตคัดขาดแคลน ไม่ต้องพูดถึงห้องน้ำห้องส้วม และไม่ต้องคิดถึงเรือกสวนไร่นาหรือบ้านเรือนที่ทิ้งมาอย่างตัดใจเลยด้วยซ้ำ


กิจกรรมทั้งหลายล้วนใช้พลังงานสูงยิ่ง เดินเท้าไปกลับ ร.๑๑ อันไกลโพ้นหลายรอบ เดินแสดงพลังไปรอบนครหลวงก็หลายครั้ง สมองต้องทำงานรับข้อมูลต่างๆ จากบนเวทีและรายรอบตัวจนไม่รู้แล้วว่าจะดูดซับอย่างไร ระหว่างการชุมนุมก็ต้องรับมือกับข่าวสารหลากหลาย จริงบ้าง เท็จบ้าง หรือข่าวลือจากคนที่มีเจตนาต่างๆ กัน บ้างว่าจะถูกบุกถูกทำร้าย บ้างว่าเขาให้สลายการชุมนุม บ้างก็ว่าขณะนี้แกนนำเขาแตกแยกกันแล้ว หรือบ้างมาชวนกลับบ้านเฉยๆ อย่างนั้นเอง สายลับฝ่ายตรงข้ามเข้ามาอยู่ปะปนก็ไม่น้อย คุยกับใครก็ต้องระมัดระวังคอยสังเกตการณ์

นี่คือการชุมนุมของคนใจสูง ใช้ความสามารถสูง และมีขันติธรรมเป็นเยี่ยม

ผมต้องมาอยู่ต่างประเทศ ไกลบ้าน ไกลครอบครัว เพราะถูกทำร้ายทางการเมืองด้วยข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ผมนึกในใจอยู่ตลอดเวลานาทีว่าสิ่งเดียวที่รู้สึกเสียใจในยามลี้ภัยนี้ คือไร้โอกาสที่จะไปร่วมทุกข์กับพี่น้องประชาชนที่ผ่านฟ้าและทั่วประเทศไทยอย่างที่เคยทำมาตลอดหลังการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา

นั่งเสียใจจนบางครั้งเกิดจินตนาการว่าไปอยู่ที่นั่นกับพี่น้องด้วยจริงๆ กลิ่นอายเวทีการต่อสู้นั้นยังติดจมูก มือที่เอื้อมมาสัมผัสกันระหว่างผมกับพี่น้องทุกๆ คนยังเป็นความอบอุ่นชนิดจำได้ไม่ลืม และผมก็ใช้เสียอย่างคุ้มค่าในยามหนาวใจหรือแม้แต่หนาวกาย ซึ่งเป็นอาการอันประจำของคนพลัดบ้านพลัดเมือง

ผมคิดว่าเท่าที่ผ่านมานี้มวลชนของเราได้ร่วมแสดงความเด็ดเดี่ยวและจริงใจอย่างที่สุดแล้ว ขณะนี้ ก็มีการพูดคุยระหว่างตัวแทนของประชาธิปไตยและตัวแทนของฝ่ายเผด็จการโบราณแล้วถึงสองรอบด้วย เป็นไปได้ไหมครับว่า เราจะวางแนวทางบางอย่างที่จะถนอมกำลังและจิตใจของพี่น้องประชาชนไว้บ้าง

ต้องอย่าลืมว่าเมื่อกลุ่มที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือม็อบเสื้อเหลืองออกมายึดเมืองอย่างอหังกานั้น เขามิได้กระทำการอย่างสุจริตตรงไปตรงมาอย่างผู้ชุมนุมเสื้อแดงนะครับ

เขามีนักการเมืองสายรัฐบาลในปัจจุบันจัดการระดมมวลชนขึ้นรถบัสรถตู้มาเสริมจำนวนผู้ชุมนุมของเขาเป็นระยะๆ ตลอดเวลา จนเกิดระบบเวียนคนเก่าออกเอาคนใหม่เข้า โดยเฉพาะจากภาคใต้

มวลชนธรรมชาติโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ไม่เคยมีมาก ก็เวียนไปมากันอยู่อย่างนั้น

แล้วใช้สื่อของรัฐที่สั่งได้ และสื่อมีเส้นของตนเองถ่ายทำด้วยศิลปะจนดูราวกับว่ามีผู้คนมากมายร่วมชุมนุมอยู่ตลอดเวลา

อาหารในรูปข้าวกล่องของเขาก็อย่างดี แถมด้วยเงินก้นกล่องอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวมากมายไปแล้ว และไม่เคยขาดแคลนเพราะมีนักธุรกิจชั้นนำยอมให้ไถอยู่ตลอดเวลาเพื่อเอาหน้ากับเจ้าของม็อบ

เขาไม่ได้ประชาชนตัวจริงเสียงจริงจากทั่วสารทิศ บางที่ก็ไกลแสนไกล มาร่วมชุมนุมด้วยจำนวนอันมหาศาลอย่างแท้จริง อย่างบริสุทธิ์ และอย่างไม่เหลียวหลัง เยี่ยงการชุมนุมของฝ่ายประชาธิปไตยเราหรอกนะครับ เขาบริหารจัดการให้ดูราวกับว่ามีพลังมากเท่านั้นเอง

ผมเชื่อว่าแกนนำก็เหน็ดเหนื่อยไม่น้อยไปกว่ามวลชน ท่านโปรดอย่าลืมความจริงที่ได้กล่าวมานี้แล้วนำไปหารือกันให้กระจ่างเถิดครับว่า เราต้องถนอมมวลชนเราหรือไม่อย่างไร

ถามประชาชนวันนี้ส่วนใหญ่ท่านก็ยังยืนหยัดต่อสู้ แม้บางท่านจะมีความจำเป็นจะต้องกลับบ้านชั่วคราวบ้าง ท่านก็พร้อมจะกลับมาใหม่ถ้าแนวทางต่อสู้ชัดเจนและนำไปสู่ชัยชนะได้จริง

ผมคิดว่าไม่มีใครเปลี่ยนใจพี่น้องประชาชนจากประชาธิปไตยกลับไปเป็นช้าช่วงใช้ของเผด็จการแห่งประเทศไทยได้อีกแล้วครับ

เวลานั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างองอาจ
ไม่จำเป็นต้องแสดงพลังมวลชนจนหมดแรง

สะสมและถนอมแรงนั้นใช้งานใหญ่ที่พี่น้องประชาชนต้องการให้ขบวนการประชาธิปไตยกระทำในเวลาอันควรดีกว่าครับ

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงและยาวนานนัก.

----------------------------------------------------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน) Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

1 ความคิดเห็น:

  1. คนไทยนั้นรักชาติและรักศักดิ์ศรีแห่งตนยิ่งนัก
    ด้วยความรักสงบจึงมีความอดทนอดกลั้นมาก

    หากถึง"จุดหนึ่งที่หมดความถูกต้องหมดความยุติธรรม"
    เราจะเห็นปรากฎการอย่างที่เห็นอยู่ขณะนี้

    วิธีที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมวลชนนี้คือ
    การกระจายข่าวให้โลกได้รับรู้ในสิ่งที่พวกเขาทำ
    โลกจึงเห็น"ความยิ่งใหญ่ในความเป็นไทย"
    ศักยภาพของไทยที่นำมาใช้ให้ถูกวิธี..
    ......พลังมวลชน.........

    ตอบลบ