ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 40 อุดหูขโมยระฆัง


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 40 : อุดหูขโมยระฆัง
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*****************************************************************************
การถล่มเขาอย่างไร้หลักการและความเป็นธรรม จะเพาะเชื้อความเคียดแค้นกันต่อไปอย่างไม่รู้จบ

*****************************************************************************

อุดหูขโมยระฆัง

เคยอ่านนิทานจีนเรื่องหนึ่งมานานแล้ว แต่ก็ยังติดอกติดใจและจำได้แม่นยำ เพราะสอนวิธีคิดและวิธีปฏิบัติในชีวิตจริงได้ดีเหลือเกิน

ยาจกคนหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้านของคหบดีผู้มีทรัพย์มากคนหนึ่งทุกวัน ยิ่งผ่านบ่อยเข้าก็ยิ่งเกิดกิเลส อยากจะได้ระฆังทองเหลืองอันเล็กๆ ที่เศรษฐีแขวนไว้หน้าบ้าน ระฆังนั้นสวยงามจับตา ยิ่งมองก็ยิ่งชวนเชิญให้เข้าไปจับต้อง อยากได้เป็นของตัวเองจนทนไม่ไหว

ก็เลยตัดสินใจจะขโมย

ปัญหาคือระฆังมีเสียง เพียงแค่ไปแตะเบาๆ ก็คงจะเหง่งหง่างเรียกเอาคนในบ้านออกมา ตัวเองก็จะลำบากเดือดร้อน

คิดไปคิดมา เอาอย่างนี้สิ ถ้าเราอุดหูของตัวเองเสีย ก็จะไม่ได้ยินเสียงระฆัง ทีนี้ก็หยิบฉวยไปได้สบายเพราะไม่ได้ยิน ว่าแล้วยาจกก็เอาดินเหนียวอุดหูตัวเองทั้งสองข้างแล้วเอื้อมมือไปคว้าระฆังอย่างรวดเร็ว

คนในบ้านได้ยินเสียงระฆังเข้าก็วิ่งออกมาดู พอเห็นขโมยก็ช่วยกันรุมจับตัว และโบยตียาจกคนนั้นจนอานไป

นิทานเรื่องนี้เกี่ยวกับคนโง่เขลาเบาปัญญา และยังแถมคิดชั่ว ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคนปัจจุบันที่มีระดับการศึกษาสูงขึ้น และมักเชื่อว่าตัวเองฉลาดขึ้นด้วย

แต่ผมก็ยังเห็นการอุดหูขโมยระฆังอยู่ทั่วไปในชีวิตจริง

ท่ามกลางนายกรัฐมนตรีสื่อตั้งในขณะนี้ ท่านที่ดูจะโดดเด่นที่สุด เพราะปัจจัยต่างๆ ทั้งจารีตเดิมและสถานการณ์สมัยใหม่ช่วยกันสนับสนุน ได้แก่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวานนี้ท่านได้พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างน่าสนใจ

ท่านพูดกับหนังสือพิมพ์ว่า หากคุณทักษิณฯ เดินทางกลับมายังประเทศไทยในขณะนี้ อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือแม้แต่การปะทะระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านขึ้นมาได้ ความรู้สึกของท่านคือคุณทักษิณฯ ยังไม่ควรคิดกลับบ้านในขณะนี้

หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษบางฉบับถึงกับตีความว่า พลเอกสุรยุทธ์ฯ เห็นว่าการเดินทางกลับบ้านของคุณทักษิณฯ เป็น “threat” หรือเป็นภัยคุกคามต่อสังคมเลยทีเดียว

ฟังแล้วก็น่ากลัวอยู่

ปัญหาคือคุณทักษิณฯ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่พอใจระหว่างคนไทยต่างกลุ่มขึ้นมาได้ก็จริง แต่จำเป็นหรือไม่ที่จะเกิดปัญหานั้นเฉพาะเมื่อคุณทักษิณฯ กลับบ้าน

อยู่อังกฤษหรือที่ไหนในโลกสามารถสร้างปัญหาเดียวกันได้ไหม ถ้าอยากจะสร้าง

จู่ๆ จะขอไปเปิดแถลงข่าวแฉความจริงทั้งหลายให้ชาวโลกฟังที่องค์การสหประชาชาติ และถ้าเขาอนุญาตอย่างที่ได้ให้กับรัฐบาลที่ถูกยึดอำนาจมามากแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น

นี่คือปัญหาที่กระทบต่อเมืองไทยโดยไม่ต้องมาทำที่เมืองไทยเลย

หรือคุณทักษิณฯ ไม่ต้องไปทำอะไร เพียงแค่คนไทยในเมืองไทยที่บัดนี้ลิ้มรสประชาธิปไตยเข้าไปแล้วหลายปี เกิด “อาการ” ขึ้นมาเอง และถ้าชนชั้นนำในเมืองไทยจะไม่ปักใจนักหนาว่าคนไทยนั้นโง่ ไม่สามารถคิดอะไรด้วยตัวเองได้ ก็น่าจะพอรู้ว่าสังคมไทยเปลี่ยนไปมากพอที่สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เอง

เขาเงียบเฉยอยู่ก็เพราะพอใจในความสงบชั่วคราว และยังเชื่อในคำมั่นสัญญาของคณะใหม่ ไม่ได้แปลว่าต้องรู้สึกอย่างนั้นตลอดไป

การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งฝังลึกของเมืองไทยในขณะนี้ จึงไม่ใช่การฝังคุณทักษิณฯ ให้จมดิน แต่เป็นการแยกผิดและแยกถูกที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของคุณทักษิณฯ

การถล่มเขาอย่างไร้หลักการและความเป็นธรรม จะเพาะเชื้อความเคียดแค้นกันต่อไปอย่างไม่รู้จบ

แต่ถ้าไม่ตรวจสอบอะไรเสียเลย ก็จะเสียงรังวัดประเทศว่าแล้วรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญกันไปทำไมเล่า

ปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องไปแก้ไขที่เหตุสิครับ

อย่ามัวแต่อุดหูขโมยระฆังอยู่เลย.

------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น