ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 46 ศิลปะของคาลเดอร์


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 46 : ศิลปะของคาลเดอร์
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*****************************************************************************
โมบายการเมืองไทยนั้นตั้งอยู่บนฐานของโมบายทุกๆ ชิ้นในโลกนี้คือ ทุกอย่างจะดำรงสภาพเดิมอยู่ได้ด้วยการถ่วงน้ำหนักที่ดี ด้านใดด้านหนึ่งหนักเกินไปแล้วก็จะเอียงกระเท่เร่

*****************************************************************************
ศิลปะของคาลเดอร์

หลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ผมไปทานข้าวกับเพื่อนชาวสวิสคนหนึ่งที่วิตกทุกข์ร้อนกับอนาคตของเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง ก็เลยต้องนั่งปลอบประโลมอยู่เป็นนาน แต่ไม่ค่อยได้ผลมากนัก เพราะสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยกับภาวะเผด็จการ พอไม่มีประชาธิปไตยก็รู้สึกเหมือนไม่มีอากาศจะหายใจ

ฟูมฟายไปสักพักหนึ่ง แกก็เงยหน้าขึ้นมาบอกผมเบาๆ อย่างคนที่ตกผลึกว่า “วัฒนธรรมการเมืองไทยเหมือนศิลปะของ อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ ไม่มีผิด”

ผมถามว่าเป็นยังไง

แกก็บอกว่าคาลเดอร์คนนี้เป็นชาวเยอรมัน และมีชื่อเสียงในงานฝีมือที่นำส่วนประกอบหลายชิ้นเข้ามาสร้างเป็นงานเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นโมบายแบบมีสมดุล คือชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้าง เกาะเกี่ยวกันด้วยแกนหรือก้านเล็กเรียว แบ่งซ้ายขวาหน้าหลังกันอย่างลงตัว ใช้หลักการถ่วงน้ำหนักตามธรรมชาติ ถ้าไปแตะชิ้นใดชิ้นหนึ่งเข้า ก็จะสั่นไหวไปทั้งโมบายด้วยแรงสัมผัส

คนที่รักงานของเขาจะบอกคล้ายๆ กันว่า ดูแล้วสบายใจดี ได้สาระสำคัญของการใช้ชีวิตคือ หลายสิ่งหลายอย่างเกาะเกี่ยวกันอยู่หลวมๆ และมีความสัมพันธ์กันหมด จะไปเพิกเฉยกับชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ได้เลย

ฟังแล้วผมก็นึกถึงท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในการบรรยายเรื่อง การเสริมสร้างเสถียรภาพของประชาธิปไตยไทย ที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ นานมาแล้ว ท่านเปรียบกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นกับการพัฒนาประชาธิปไตยว่า เหมือนกำแพงผุและต้นโพธิ์ที่ขึ้นอยู่บนกำแพงนั้น

ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไปรื้อกำแพงเข้า ต้นโพธิ์ก็ตาย

หรือเห็นรกรุงรังไปแยกเอาต้นโพธิ์ออกมา กำแพงก็พัง

เป็นปรัชญาการแบบขาดๆ เกินๆ อุ้มค่อมกันอยู่อย่างนั้น

ผมเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนชาวสวิสคนนี้ฟัง เขาก็เห็นความเชื่อมโยงกันทันที “ผมสังเกตว่าในสังคมไทย ของห้าชิ้นต้องสัมพันธ์กันเสมอคือ สถาบันกษัตริย์ สถาบันพุทธศาสนา สถาบันการเมืองแบบประชาธิปไตย สถาบันทหาร และประชาชนที่เหลือ” เขาว่า

จริงของเขา ทั้งห้าชิ้นนั้นถูกนำมารวมอยู่ด้วยกันในโมบายแบบที่คาลเดอร์สร้างชื่อเสียงมาแล้วมากมาย และมีธรรมชาติแบบนั้นทุกอย่าง

ผมได้อ่านเรื่องราวแบบนี้มาจากนักรัฐศาสตร์และคนที่สนใจวิเคราะห์การเมืองไทยมามากแล้ว แต่นึกเสมอว่าบางครั้งมุมมองจากคนนอกก็ให้ความแจ่มชัดได้มาก

มองตัวเองนั้นบางทีก็ ชัดเจน (clear) แต่ไม่ แจ่มแจ้ง (precise)

ต้องใส่ภาษาฝรั่งสักหน่อย เพราะหลังจากวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา รู้สึกว่าบางวันก็พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด

โมบายการเมืองไทยนั้นตั้งอยู่บนฐานของโมบายทุกๆ ชิ้นในโลกนี้คือ ทุกอย่างจะดำรงสภาพเดิมอยู่ได้ด้วยการถ่วงน้ำหนักที่ดี ด้านใดด้านหนึ่งหนักเกินไปแล้วก็จะเอียงกระเท่เร่ จนถึงขั้นที่ไม่อาจคงสภาพเป็นโมบายได้อีกต่อไป

ผมถามเพื่อนว่า แล้วการเมืองสวิตเซอร์แลนด์ไม่เล่นโมบายอย่างนี้บ้างหรือ

เขาบอกว่า ของเขาเน้นหนักที่ประชาชน ปัจจัยอื่นจะเล็กเรียวลงไปเองโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องไประรานไล่ที่กัน

ผมว่า ถ้าอย่างนั้นโมบายก็พังน่ะสิ

เขาก็ว่าพัง

อ้าว? ถ้าอย่างนั้นมันจะดีไปได้อย่างไรเล่า

เขาหัวเราะหึๆ แล้วตอบสั้นๆ ว่า “ที่สวิตเซอร์แลนด์เราเลิกเล่นโมบายกันแล้ว พอประชาชนเป็นใหญ่โมบายก็พัง ขณะนี้ประชาธิปไตยของเรากลายเป็นงานประติมากรรมชิ้นใหญ่ที่หนักมากและวางอยู่กับพื้นดิน”

ผมถอนหายใจยาวแล้วชวนเขาเปลี่ยนเรื่องคุย รู้สึกจะคุยกันเรื่องหมาบางแก้วที่เขาเพิ่งจะได้มา.
---------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น