ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 43 โลกทัศน์-โลกไทย


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 43 : โลกทัศน์ - โลกไทย
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)


**********************************************************************************
คนยึดไม่ได้ภาคภูมิใจหรือเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย แต่ต้องคอยฟังพรายกระซิบที่ล่องลอยมากับสายลมเหมือนละครสมัยโบราณที่ต้องมีคนคอยบอกบท


**********************************************************************************

โลกทัศน์-โลกไทย


สังคมไทยมีนิสัยประหลาดอย่างหนึ่ง และเป็นนิสัยที่ออกจะคงเส้นคงวา นั่นคือเมื่อเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเมื่อใด ก็จะเลิกความสนใจกับโลกภายนอกและกลับมาสวมวิญญาณไทยแท้แต่โบราณ

ปิดหูปิดตาเสียสนิทเพราะไม่อยากรู้อีกต่อไปแล้วว่าบ้านเมืองอื่นเขามีความคิดต่อเมืองไทยอย่างไร

แรกๆ ก็จะทำเป็นมองไปทางอื่น หรือทำหูทวนลมเสียบ้าง แต่หนักเข้าก็จะทนไม่ไหว หันกลับมาตวาดเข้าให้ว่าเมืองไทยไม่ใช่เมืองขึ้นของใครหรือฝรั่งไม่ใช่พ่อใช่แม่ หาสมควรที่จะนำความคิดของโลกมาประเมินไทยไม่

ดูจะเกิดช่องว่างระหว่างโลกทัศน์กับโลกไทย (ซึ่งน่าจะอ่านออกเสียงว่า โลก-กะ-ไท จะได้เข้าคู่เสียงกับ โลก-กะ-ทัด) และเป็นช่องว่างขนาดใหญ่

ความที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งตะวันตกนั้น เป็นความภูมิใจที่ซ่อนเร้นของเรา เพราะเราจะไม่ชักออกมาอวดอ้างต่อใครในสถานการณ์ปรกติ ที่ออกจะเห่อฝรั่งอยู่มาก กระแสฝรั่งเป็นที่ยอมรับนับถือและเลียนแบบมาโดยตลอด

แต่เมื่อไหร่ที่เกิดขัดใจขึ้นมา อาจจะเพราะฝรั่งรุกมากเกินไป หรือพฤติกรรมของเราเองที่มันอธิบายกับใครเขาไม่ค่อยจะได้ ก็จะของขึ้นและประกาศสีหนาทแบบนั้นนานๆ ครั้ง

ผมรู้สึกว่าอะไรแบบนั้นกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้อีกรอบหนึ่ง

อธิบายเขาลำบากว่า ทำไมเราจึงตัดสินใจเดินออกจากถนนประชาธิปไตย และเลี้ยวเข้าไปสู่ถนนขรุขระอะไรก็ไม่รู้ที่บอกว่าเป็นทางอ้อมหน่อย แต่สุดท้ายจะคืนสู่ประชาธิปไตยเหมือนกัน แถมยังค่อยๆ บอกเหมือนคนแลบไพ่ว่าจะใช้เวลาเท่านั้นเท่านี้ปี ซึ่งยาวนานกว่าคำประกาศในห้วงแรกของการยึดอำนาจการปกครองจากประชาชน

อธิบายเขาลำบากว่า ทำไมประชาชนส่วนหนึ่งถึงได้ดูราวกับว่ายอมรับการยึดอำนาจอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เป็นพลเมืองของระบอบประชาธิปไตย และแสดงออกตลอดมาว่าไม่พอใจรัฐบาลในระบอบแบบอื่น

อธิบายเขาลำบากว่า ถ้าต้องสร้างความสมานฉันท์ในชาติอย่างแท้จริงแล้ว เหตุใดจึงไปเลือกบุคคลที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือ มาดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ

อธิบายเขาลำบากว่า ทำไมยึดอำนาจการปกครองจากเขาแล้วจึงทำท่าเหมือนกับว่า คนยึดไม่ได้ภาคภูมิใจหรือเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย แต่ต้องคอยฟังพรายกระซิบที่ล่องลอยมากับสายลมเหมือนละครสมัยโบราณที่ต้องมีคนคอยบอกบท

อธิบายเขาลำบากว่า ฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไปทำไม ในเมื่อบรรยากาศในช่วงก่อนลงมือปฏิบัติการกันนั้น ก็จะขยับปรับเปลี่ยนกันอยู่แล้วหลายมาตรา ฯลฯ

เพราะอธิบายได้ลำบากอย่างนี้ ชนชั้นนำหลายคนในระบอบใหม่ของเมืองไทยจึงเกิดอาการอดรนทนไม่ได้ ต้องโต้ตอบต่างชาติที่ให้ความเห็นท่าโน้นท่านี้ว่า เมืองไทยไม่ใช่อาณานิคมของใคร อย่ามาแหลมกับเมืองไทย

ความจริงแล้วคือไม่อยากตอบคำถามบางประการ เพราะตอบไม่ได้ หรืออธิบายลำบาก

เมื่อตอนเด็กๆ ผมเคยตั้งคำถามจุกจิกกับผู้ใหญ่หลายอย่าง เพราะเราอยากรู้ และเราคิดว่าผู้ใหญ่ซึ่งแก่กว่าและดูฉลาดกว่า น่าจะมีคำตอบทุกอย่าง ปรากฏว่าผู้ใหญ่หลายคนเกิดเดือดดาล ไม่ตอบยังไม่ว่า ยังจะดุเสียใหญ่โตว่าถามอะไรมากมายไม่เข้าท่า

สมองที่ทำท่าจะฉลาดหน่อยๆ ก็เลยโง่ทึบเอาในตอนนั้นเอง และโง่มาเรื่อยจนกระทั่งบัดนี้

ครับ ถูกผู้ใหญ่เอ็ดตะโรเอาเป็นเรื่องเป็นราว จนเรานึกว่าเราผิด ความจริงแล้วผู้ใหญ่ท่านไม่ต้องการจะตอบคำถามที่ท่านอึดอัดกับคำตอบ หรือตอบไม่ได้ หรือตอบแล้วทำให้ท่านดูไม่ดี

หวนกลับมาด่าผู้ส่งสารว่าถามอะไรไม่เข้าท่า

เพราะผู้ใหญ่แบบไทยผิดไม่ได้และผิดไม่เป็น

ครับ ถ้า “โลกทัศน์” มีฐานความคิดที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ต้องสรุปกันจากข้อเท็จจริงที่ได้รับมาตลอดชีวิตว่า “โลกไทย” คงไม่ใช่แน่ๆ.

---------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น