ความยุติธรรมและความเสมอภาคที่แท้จริงไม่มีในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเลือกข้างและกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...
3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ
2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์
1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์
สด จาก เอเชียอัพเดท
วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553
ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 52 เรื่องของอดีตนายกฯ
ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 52 : เรื่องของอดีตนายกฯ
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)
****************************************************************************
ตอนที่ 52 : เรื่องของอดีตนายกฯ
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)
****************************************************************************
ไม่ใช่อำนาจแบบแบ่งปันกันจนไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง คนนั่งหน้าก็ต้องรับการ “บอกบท” จากคนหลังม่านกันจนกลายเป็นเรื่องน่าขัน
****************************************************************************
เรื่องของอดีตนายกฯ
ในที่สุดความจริงก็ปรากฏต่อสายตาชาวโลก
คำแถลงโดยตลอดมาว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะปรกติทางการเมืองแล้ว เพราะมีรัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อย สมควรที่ประชาคมระหว่างประเทศจะสานต่อสัมพันธไมตรีกับไทยได้ดังเดิมและยิ่งขึ้น
ทุกอย่างสวนทางกันทันทีที่รัฐบาลไม่ “อนุญาต” ให้อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย โดยอ้างว่าสถานการณ์ยังไม่พ้นจากความวุ่นวาย
บวกกับการคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก ที่นักวิชาการและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งเริ่มรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
ความจริงการยึดอำนาจในบ้านเมืองใดก็ตาม ในสายตาของนักรัฐธรรมนูญแล้วก็ไม่พึงกระทำทั้งนั้น แต่เมื่อขืนทำจนได้แล้ว ก็มีหน้าที่ที่ต้องยึดให้เด็ดขาด ห่วงหน้าพะวงหลังแสดงบทบาทประชาธิปไตยในขณะที่ประชาธิปไตยไม่มีและคนอื่นเขาก็รู้ บ้านเมืองอาจเสียหายได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะติดต่อกับเราแบบ
ประชาธิปไตยหรือเผด็จการเบ็ดเสร็จ
กางเกงขาดจนเห็นก้นโผล่ออกมาเป็นยวงอย่างไทย ต่อให้ทำหน้าชื่นเหมือนได้รับอากาศบริสุทธิ์ก็หาคนเชื่อยากครับ
ถ้าบ้านเมืองเข้าที่แล้ว พร้อมจะเดินหน้าต่อไป การยกเลิกกฎอัยการศึกและอดีตนายกรัฐมนตรีสมัยไหนก็ตามควรจะกลับเมืองไทยได้ จะต้องเร่งประกาศและแสดงออกให้ชัด
ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งไปทั้งฉบับก็เป็นความกล้าขนาดหนักอยู่แล้ว จะมาเกรงกลัวอะไรกันในเวลานี้
อำนาจเป็นของประหลาดครับ มาจากประชาธิปไตยมีธรรมชาติอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามาจากระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วจะเป็นอีกแบบหนึ่ง
ประชาธิปไตยประกอบด้วยกลุ่มประชาชนมากหน้าหลายตา ที่รัฐบาลต้องประสานประโยชน์ที่ส่วนใหญ่จะแตกต่างกันให้ได้ เสียงที่เล็ดรอดมาว่าเกิดความไม่พอใจตรงนั้น มีใครประท้วงตรงนี้ กลายเป็นความธรรมดาที่ประชาธิปไตยด้วยกันจะเข้าใจได้ง่าย
แต่เผด็จการจะต้องแสดงออกอย่างเฉียบขาดว่าตนเองกุมอำนาจได้อยู่มือ ถ้ามีเสียงเล็ดรอดว่าเกิดการแตกคอกันระหว่างผู้มีอำนาจ สาธารณชนจะรู้สึกว่าระบอบนั้นมีปัญหาและกลายเป็นระเบิดเวลาไป พูดง่ายๆ ว่ารักจะยึดอำนาจกันแล้ว ต้องทำให้คนรู้สึกได้ว่ามีอำนาจจริง
ไม่ใช่อำนาจแบบแบ่งปันกันจนไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง คนนั่งหน้าก็ต้องรับการ “บอกบท” จากคนหลังม่านกันจนกลายเป็นเรื่องน่าขัน
ขณะนี้การส่งสัญญาณของรัฐบาลจึงออกจะสับสนอยู่มาก ตกลงได้อำนาจรัฐอย่างเรียบร้อย เป็นนิจจังท่ามกลางอนิจจังทั้งหลายแล้วหรือไม่ หรือมีอะไรที่ต้องกลัวเสียงจิ้งจกตุ๊กแกที่มันร้องทักกันตามประสาของมัน
ขอให้ใส่ใจกับการสื่อสารสักนิดเถอะครับ
ขณะนี้คำแถลงของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ออกจะไม่ตรงกันอยู่บ่อยๆ บางครั้งความตรงกัน แต่น้ำหนักไม่เท่ากัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ตัวลีบ พยายามเล่นบทอันน้อยที่เขาเหลือไว้ให้
ยังนึกภาพไม่ออกว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีราชการชุดนี้มั่นใจในตัวเองและออกแถลงการณ์บ่อยครั้งขึ้น จะ “กระเพื่อม” กันขนาดไหนในบ้านเมือง
สองเรื่องสำคัญครับ กฎอัยการศึก กับ สิทธิในความเป็นคนไทยของอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารประเทศใหม่ควรวางจุดยืนให้ชัด เพื่อให้โลกเขารู้ด้วยว่าเราอยู่ตรงไหน
กล้าๆ กลัวๆ จะเสียผลมาก.
---------------------------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น