ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

ผู้นำการต่อสู้แนวปฏิวัติ...

3. อ.ปิยบุตร-อ.วรเจตน์-คุณดอม-ป้าโสภณ รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์ฯ

2. "ท่านวีระกานต์" รำลึกสี่ปีการจากไป...ลุงสุพจน์

1.จักรภพ รำลึกสี่ปีฯ.. ลุงสุพจน์

สด จาก เอเชียอัพเดท

วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 56 แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง


ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 56: แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)

*******************************************************************************
คืบก็กะลา ศอกก็กะลา โลกมันจะใหญ่โตขนาดไหนกันเชียว ก็เลยไม่ได้ยินคนอื่นๆ เขาหัวเราะกันครืนอยู่ภายนอก

*******************************************************************************

แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง

วันนี้เป็นวันที่เราควรคิดถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระพุทธเจ้าหลวงกันเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงเพลิดเพลินว่าเป็นวันหยุดยาว

รัชสมัยของพระองค์ท่าน ผ่านช่วงเวลาของปากเหยี่ยวปากกาอย่างหวุดหวิดหลายครั้ง ใช้เกมการเมืองระหว่างประเทศทุกเกมที่เดี๋ยวนี้ก็ยังทันสมัยและยังใช้กันอยู่

ตั้งแต่สมดุลอำนาจและการสร้างระบบพันธมิตร การแลกเปลี่ยนดินแดนและสิทธิประโยชน์ของรัฐ การทำให้รัฐบาลมีลักษณะ “นานาชาติ” ไปจนถึงการพัฒนาโครงสร้างของประเทศให้กลมกลืนกับมหาอำนาจ

นึกถึงเหตุร้ายในสมัยนั้นแล้วก็เหนื่อยแทนพระองค์ท่าน เพราะเป็นเหตุที่คนอื่นทำ ส่วนในระยะหลังๆ เราต้องผจญกับเหตุร้ายที่กระทำเองเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งภัยคอมมิวนิสต์ที่การแทรกซึมจากภายนอกไม่สำคัญเท่ากับความแตกร้าวจากภายใน

คำว่า โลกาภิวัตน์ ยังไม่มีใช้ในรัชสมัยนั้น แต่น่าแปลกที่เนื้อหาสาระของพระบรมราชวิเทโศบาย หรือนโยบายต่างประเทศในยุคนั้นมีความเป็นนานาชาติอย่างเต็มเปี่ยม และไม่ได้มีลักษณะที่น่าละอายหรือเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใดด้วย

พระพุทธเจ้าหลวงทรงสอนแผ่นดินสยามไว้ว่า การมีภาวะจิตใจแบบนานาชาติ (international mindset) คือคิดอะไรกว้างไปในระดับโลก ไม่ใช่คิดแบบสยามและทำแบบสยามราวกับไม่มีประเทศอื่นใดในโลกอีกเลย เป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาเอกราช และไม่ใช่การเอาใจ “ฝรั่ง”

ใครที่บังอาจคิดว่าเมืองไทยยิ่งใหญ่เหลือประมาณ อยากทำอะไรข้าก็จะทำ นอกจากจะไม่เดินตามรอยพระยุคลบาทของพระพุทธเจ้าหลวงแล้ว ยังทำให้ประเทศชาติเสี่ยงอันตรายอีกต่างหาก

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณค่อยๆ ยกกะลาที่ครอบกบตัวน้อยออกและโยนทิ้งไป โดยทรงหวังให้กบนั้นมองอะไรได้ไกลและเป็นประโยชน์

จะทราบเกล้าฯ หรือไม่ก็ไม่รู้ว่าบางครั้งบางคราวกะลานั้นก็ย้อนกลับมาครอบกบใหม่ กบใหญ่น้อยก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจว่าได้กลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง

คืบก็กะลา ศอกก็กะลา โลกมันจะใหญ่โตขนาดไหนกันเชียว

ก็เลยไม่ได้ยินคนอื่นๆ เขาหัวเราะกันครืนอยู่ภายนอก

สิ่งที่พระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานไว้ให้คนทั่วแผ่นดินในครั้งนั้น ความจริงคือสิ่งที่รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.๒๕๔๐ เรียกว่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์นั่นเอง

เพราะคนที่เข้าใจอะไรกว้างขวางจะสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างชาญฉลาดและทะมัดทะแมง และคนที่พัฒนาตัวเองได้อย่างนั้นถือว่าเกิดมาและใช้ชีวิตได้คุ้ม

การรักษาเอกราชของสยามในสมัยรัชกาลที่ ๕ คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของพระราชอาณาจักร คล้ายๆ กับที่เรียกกันอย่างโก้หรูในยุคนี้ว่า HRD (Human Resource Development) ซึ่งยังมีความจำเป็นอย่างเหลือเกินในโลกใบนี้

ชาติอื่นๆ เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อจะรักเมืองไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข ทุกชาติเขาก็รักตัวเขา และต้องแข่งขันห้ำหั่นกับชาติอื่นๆ ทั้งนั้น คนไทยจึงต้องพัฒนาตัวเองเพื่อให้ต่อสู้กับเขาได้

การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในบ้านเมืองจึงต้องคำนึงของพระบรมราชวิเทโศบายของพระพุทธเจ้าหลวงเสมอ
ทำไปแล้วคนไทยฉลาดขึ้นหรือโง่ลง

ทำไปแล้วคนไทยเข้มแข็งขึ้นหรืออ่อนแอลง

กบในกะลาออกจะมีความสุขจริง เพราะรื่นเริงกันในโลกแคบๆ ว่าข้าไม่ต้องพึ่งใคร แต่เมื่อเขายกกะลาขึ้นแล้วตีโครมทีเดียวก็เลิกกัน

ยางหัวก็ไม่มี สู้คางคกยังไม่ได้เลยครับ.

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น